ทักษิณ ชินวัตร และ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับการทําลายการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่พัทยา
10-11 เมษายน 2552
บทความจากที่เกิดเหตุ โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล
10-11 เมษายน 2552
บทความจากที่เกิดเหตุ โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล
|
ทักษิณ ชินวัตร และ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง
กับการทําลายการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่พัทยา 10-11 เมษายน 2552 * เดือนเมษายน 2552. ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน+6 ที่พัทยา ผมอยู่ใน โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท ทุกวัน เหมือนสื่อมวลชนทั้งหลาย ในวันแรกที่ไปถึง รู้สึกสะดวกสบายและเห็นความราบรื่นในการเตรียมงาน มองเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่จากการ ประชุม เพราะการเตรียมงานเรียบร้อย มีประสิทธิภาพอย่างน่าภาคภูมิใจในฐานะคนไทยที่เป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทย อาคารสถานที่ของโรงแรมก็โอ่โถง กว้างขวาง โอฬาร สมเป็นสถานที่จัดประชุมระดับโลก บรรยากาศสดชื่นงดงามของทะเลและชายหาดเป็นอมตะจนไม่ต้องอธิบาย บุคคลากรของกระทรวงการต่างประเทศทํางานสนับสนุนรัฐบาลที่ผมเชื่อมั่นในคุณภาพของนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมภูมิใจในพื้นฐานความรู้ ด้านการต่างประเทศอย่างที่สุด ผมชื่นชอบในบุคลิกการสื่อสารและภาษาที่ท่านใช้ในเวที การเมืองระหว่างประเทศ ส่วนประวัติอันดีงามและความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใสในชีวิตของ ท่านนั้นผมมั่นใจได้อย่างบริบูรณ์ แต่พอเริ่มงานในวันที่ 10 เมษายน 2552 ทุกอย่างก็ไหวสะเทือนเพราะแรงการ ประท้วงจากฝูงชนผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใส่เสื้อสีแดงเป็น สัญลักษณ์ ผมทราบดีว่าคุณ ทักษิณ ต้องการอํานาจกลับคืนมา แต่ไม่มีวิธีอื่นใด นอกจากจะต้องล้มรัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์ และไม่มีวิธีอื่นใดที่จะล้มรัฐบาลได้ขณะที่ ตัวเองเป็นผู้ต้องโทษหนีไปอยู่ต่างประเทศ นอกจากจะให้ตัวแทนของตนในประเทศไทย รวมพลังมวลชนมาก่อกวนเพื่อล้ม รัฐบาลด้วยเงื่อนไขที่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยใดๆ จะรับไม่ได้ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามวลชนของคุณทักษิณจะมาล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา ที่ผมคิดเช่นนี้ก็เพราะว่าพวกเสื้อแดงที่เป็นผู้นําการ ประท้วงกล่าวบนเวทีหน้าทําเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯว่าจะไม่ขัดขวางการประชุมสุดยอด อาเซียนและพิสูจน์การรักษาสัจจะให้เห็นแล้วในระหว่างการประชุมสุดยอดก่อนหน้านี้ที่ ชะอํา-หัวหิน ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 10 เมษายน 2552. ขบวน ประท้วงของพวกเสื้อแดงเดินทางเข้ามาถึงหน้าโรงแรมอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ทางเข้าก็แคบและมีทางเข้าด้านหน้าทางเดียว ทางเข้าด้านหลังโรงแรมก็มี แต่ก็สามารถปิดกั้นให้ความปลอดภัยแก่สถานที่ประชุมได้ หากตํารวจและทหารต้องการจะทําหน้าที่จริงๆ โดยไม่จําเป็นต้องใช้ อาวุธรุนแรง เพียงแต่ตั้งเครื่องกีดขวางเสริมด้วยตํารวจและทหารหลายๆแถว แต่ก็ไม่มีการดําเนิน การใดๆ ปรากฏการณ์เช่นนี้ทําให้เกิดความหวั่นไหวในหมู่สื่อมวลชนทั้งหลายว่าการประชุมจะดําเนินไปได้อย่างไร หากผู้ประท้วง จะบุกเข้ามาในอาคารที่เป็นศูนย์สื่อมวลชนเมื่อไรก็ย่อมได้ และสามารถบุกต่อไปยังอาคาร ที่ประชุมที่อยู่ด้านในถัดไปได้เช่นกัน มวลชนเสื้อแดงที่เดินขบวนเข้ามาประท้วงนําโดยคุณอริสมันต์ พงศ์เรือง รอง ซึ่งตะโกนป่าวร้องบนรถบรรทุก ต่อว่าด่าทอรัฐบาลด้วยถ้อยคําที่รุนแรง แต่เงื่อนไขที่ขอให้มีตัวแทนอาเซียนมารับหนังสือประณามรัฐบาลไทยและฟ้องรัฐบาลชาติอื่นนั้น ทําให้ผมคิดตามเดิมว่าเขาคงไม่ขัดขวางการประชุมแน่นอน ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีบอกกับผมว่าคุณอริสมันต์ สัญญาว่าหลังจากมอบหนังสือแล้วจะถอยขบวนประท้วงกลับออกไปทันที เมื่อ คุณอริสมันต์กับพวกอีกห้าคนได้รับอนุญาตให้เข้ามาในอาคารศูนย์สื่อมวลชนเพื่อยื่นหนังสือและรอพบตัวแทนจากสํานักเลขาธิการอาเซียน ระหว่างรอตัวแทนจากอาเซียนอยู่นั้น ผมเข้าไปคุยกับตัวแทนพวกเสื้อแดงผู้สนับสนุนคุณทักษิณคนหนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู้จักเป็นการ ส่วนตัว หากแต่เขารู้จักผม จึงคุยกันได้ฉันมิตรด้วยภาษาที่สุภาพ เขาบอกผมว่าพวกเขามาถึงหน้าโรงแรมนานแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจจะออกมาพูดจาถามไถ่ถึงความต้องการ ไม่มีใคร เข้ามาเจรจาเลย รออยู่นาน ปราศรัยบนรถอยู่นานก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เขาพูดด้วยน้ําเสียงที่น้อยใจ ไม่มีภาษาที่ก้าวร้าว ต่างกับภาษาที่ก้าวร้าวยั่วยวนหยาบคายที่เขาใช้บน เวทีปราศรัยบนรถนําขบวน ผมเชื่อว่าการที่เขาพูดคุยกับผมอย่างสุภาพและสงบก็เพราะเขาคุยกับผมซึ่งเขารู้จักในฐานะสื่อมวลชน (อาวุโส) ที่มิได้อยู่ตรงข้ามกับเขา หรือเข้าข้างฝ่ายใด การพูดคุยกันจึงพอจะได้รับข้อมูลที่จริงใจ ระหว่างมีความชุลมุนวุ่นวายในอาคารสื่อมวลชนนั้น ผมนั่งคิดอยู่ว่าผมควรจะทํา อย่างไรดีกับสถานการณ์ จะหลบไปหามุมปลอดภัย หรือจะเข้าไปอธิบายให้พวกคนเสื้อแดงฟังบ้าง หรือจะเข้าไปเผชิญหน้าถกเถียงกับพวกเขาด้วยตัวเองเสียเลย ไม่รู้ว่าควรจะทําอย่างไรดี ในที่สุดผมก็เดินแหวกฝูงชนที่ห้อมล้อมคุณอริสมันต์อยู่นั้นเข้าไปด้านหลัง สะกิดไหล่คุณอริสมันต์ที่กําลังยืนพูดกับผู้สื่อข่าวข้างหน้า คุณอริสมันต์หันมาทักทายผม แล้วผมก็บอกคุณอริสมันต์ ที่พวกเราสื่อมวลชนเรียก “กี้ร์” ซึ่งเป็นชื่อเล่น ผมขอร้องคุณอริสมันต์ ว่าขอให้ถอนกําลังมวลชนกลับไปหลังจากยื่นหนังสือแล้ว ตามที่ได้สัญญาไว้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอให้เห็นแก่อาเซียนและรัฐบาลซึ่งหมายถึงรัฐบาลของท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช รัฐบาลท่านนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลของท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทุกรัฐบาลทั้งหมดร่วมรับงานต่อเนื่องกันมา เพื่อรักษาชื่อเสียงของประเทศชาติเอาไว้ให้ได้ เพราะทุกรัฐบาล ล้วนแล้วแต่ร่วมกันทํางานเพื่ออาเซียน เพื่อชื่อเสียงของประเทศไทยมานานแรมปี อาเซียนเป็นของทุกรัฐบาล เป็นของคนไทย และเป็นของพลเมืองเกือบ 600 ล้านคนใน 10 ประเทศร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา อาเซียนไม่เกี่ยวกับปัญหาระหว่างคุณทักษิณกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ อาเซียนไม่เกี่ยวกับเสื้อเหลือหรือเสื้อแดง อาเซียนไม่ได้เป็นปฏิปักษ์อะไรกับพวกแดง! ผมพูดกับคุณอริสมันต์โดยความหมายรวมทํานองนี้ในเวลาไม่ถึงนาที แล้วย้ำกับคุณ อริสมันต์ว่า หากมวลชนของคุณอริสมันต์ถอยกลับตามสัญญาก็จะได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นใน ฐานะที่แสดงความเป็นนักประชาธิปไตยในการประท้วงแล้วส่งความคิดเห็นตามช่องทางที่เหมาะสม จบแล้วก็จบกระบวนการประท้วง หลังการยื่นหนังสือประณามรัฐบาลไทยแล้วขบวนมวลชนเสื้อแดงของคุณอริสมันต์ก็ ถอยกลับไปอย่างเป็นระเบียบ ทําให้ผมโล่งใจและภูมิใจในความยึดมั่นสัจจะวาจาของคุณอริสมันต์ หลังจากนั้นผมก็ได้ข่าวว่ามีชาวพัทยาจํานวนหนึ่งไม่พอใจการที่พวกคุณอริสมันต์มาประท้วงทําให้เสียหายต่อบรรยากาศทางสังคมและธุรกิจของเมืองพัทยา และกลุ่มชาวพัทยาที่มาประท้วงรออยู่ปากทางตอนที่พวกคุณอริสมันต์กําลังถอยขบวนกลับย้อนทางออกไป ชาวพัทยาที่ประท้วงใส่เสื้อสีน้ําเงินเป็นสัญลักษณ์ ผมถามท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีก็ได้ความว่ามีจํานวนรวม 500 คน และท่านรับทราบถึงการมาของขบวนชาวเมืองพัทยา (หรือ อาจจะตีความต่อไปได้ว่าท่านผู้ว่าฯมีส่วนในการจัดมวลชน) กลุ่มเสื้อสีน้ําเงินมีทั้งชาวเมืองที่ทําธุรกิจท่องเที่ยวและชาวประมง แต่การใส่เสื้อสีน้ําเงินแสดงถึงการจัดตั้งกลุ่มผู้ชุมนุมเอามาต่อต้านฝ่ายเสื้อแดงซึ่งมีจํานวนมาก กว่า ผมมาทราบทีหลังว่ามีการตะโกนด่าทอและขว้าง ปาใส่กันบ้าง แต่ไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต เมื่อผมกลับไปพักที่โรงแรมริเวียร่า ในเขตนาเกลือ ไกลจากที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ได้ดูช่องโทรทัศน์ D-Station ผ่านดาวเทียมของคุณทักษิณ ชมการปราศรัยบนเวทีของผู้ ประท้วงที่กรุงเทพ ประกาศให้มวลชนเสื้อแดงเดินทางไปสมทบและเตรียมประท้วงการ ประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาอีกรอบหนึ่ง ผมฟังคําปราศรัยของคุณทักษิณ ผ่านจอภาพ วิดีโอ คุณทักษิณพูดปลุกเร้าอารมณ์ชาวเสื้อแดง แสดงความไม่พอใจที่การประท้วงนําโดย คุณอริสมันต์จบลงอย่างง่ายเกินไป คุณทักษิณต้องการให้พวกเสื้อแดงกลับไปประท้วงขัด ขวางการประชุมสุดยอดอาเซียนต่อไป โดยตะโกนร้องว่า : “ผมแพ้ไม่ได้” ประท้วงแล้ว “ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมา” แล้วคุณทักษิณก็เรียกร้องให้การ ชุมนุมทวีความเข้มข้นขึ้น ได้ยินดังนี้แล้วผมก็สิ้นหวัง และเชื่อ ว่าคําสั่งของคุณทักษิณนั้นศักดิ์สิทธิ์เหนือ สัจจะวาจาใดๆที่คุณอริสมันต์ให้ไว้กับผู้ ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หรือที่สัญญากับผมจากการคุยกันอย่างฉาบฉวยไม่กี่ วินาที เช้าวันที่ 11 เมษายน 2552. ผมไม่คิดว่าการประชุมสุดยอดอาเซียนจะเป็นไป ได้ ดูจากสีหน้าที่โกรธขึ้งของคุณณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และคุณจตุพร พรหมพันธุ์ บนเวที ปราศรัยหน้าทําเนียบรัฐบาล ก็เห็นความรุนแรงและมุ่งมั่นที่จะเอาชัยชนะติดมือจาก พัทยากลับไปมอบให้คุณทักษิณให้ได้* ระหว่างทางบนถนนนาเกลือ ไปสู่โรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียน ผมพบกลุ่มเสื้อ แดงวิ่งไล่ตีชาวพัทยาบริเวณวงเวียนน้ําพุ กระเจิดกระเจิงมาในซอยที่ผมกับทีมงานภาพยนตร์สารคดีโทรทัศน์อาเซียนของผมหลบอยู่** ชายหนุ่มชาวพัทยาที่หนีเข้ามามือโชกเลือดเนื้อฉีกเป็นแผ่นยาวน่า กลัว เลือดไหลไม่หยุด ผมให้ผ้าเช็ดหน้าไปซับเลือด แล้วเจ้าของร้านขายของบริเวณใกล้เคียงก็ออกมาช่วยทําแผลให้ พวกเสื้อแดง วิ่งไล่ล่าตามมาในซอยหวังทุบตีด้วยไม้กระบองในมือ แต่ชาวพัทยาผู้บาดเจ็บก็ขึ้นรถหลบหนีไป ผมกับช่างภาพวิดีโอสองกล้องได้ถ่ายภาพ เหล่านี้ไว้แล้วเดินออกไปปากซอย ดูเหตุการณ์ถึงวงเวียนน้ําพุแยกถนนนาเกลือ ซึ่งอยู่หน้าโรงแรมดุสิตธานีอันเป็นที่พักผู้นําชาติเอเชียตะวันออก ผมพบพวกเสื้อแดงในอาการโกรธแค้น ด่าทอหยาบคาย ผมเห็นตํารวจพัทยาปลอบใจหญิงเสื้อแดงที่อยากจะอยู่สู้กับชาวพัทยาบนถนน แต่ตํารวจบอกให้ไปอยู่กับคนเสื้อแดงบนรถจะได้ปลอดภัย ผมได้คุยกับนายอําเภอบางละมุงเพื่อประเมินสถานการณ์หากผมจะพยายามหาทางเดินทางต่อไปยังโรงแรมรอแยล คลิฟฯอันเป็นที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ทีมงานของผมขับรถหลบพวกเสื้อแดงที่ปิดหน้าโรงแรมอยู่ แล้วอ้อมเข้าด้านหลัง โรงแรมรอยัลคลิฟ รีสอร์ท ซึ่งเงียบสงบและปลอดภัย เดินผ่านสวนของโรงแรม เห็นเหล่า ทหารที่ยังไม่มีหน้าที่จะผลัดเวรรักษาสถานการณ์ในตอนนี้ บรรดาทหารยืนแถวเตรียมพร้อมแล้วก็มี ที่นอนเอนกายกันทั่วไปในสภาพที่ไม่เตรียมพร้อมก็มี ดูเป็นภาพที่ไม่สวย ไม่สง่า ดูไม่เข้มแข็ง แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม ผมคิดว่า ไม่ว่าทหารจะมีจํานวนมากน้อยเท่าใด ทั้งหมดก็ควรเข้าแถวยืนประจันหน้ากับผู้ประท้วง และควรทําหน้าที่กันผู้ประท้วงไม่ให้เข้ามาตั้งแต่ปากทางแล้ว การไปดูแลความปลอดภัยของที่ประชุมระดับโลกเช่นนี้ไม่ควรไปนอนรอคอยคําสั่งหรือนอนพักผ่อนใต้ร่มเงาต้นไม้แต่อย่างใด การปกป้องที่ประชุมสุดยอดระดับโลกเช่นนี้ดูหย่อนยานมาก และน่าตําหนิในความไม่เอาใจใส่ภาพลักษณ์ของทหารเลย ใกล้ๆกันก็มีพวกเสื้อแดงเข้ามานั่งและเดินด่ารัฐบาลกันระเกะระกะบนสนามของ โรงแรม ขณะที่ขบวนประท้วงใหญ่ก็อออยู่กันแน่นถนนหน้าโรงแรม ผมเดินเข้าไปนั่งคุยกับ พวกเสื้อแดงที่นั่งกันอยู่ราว 50 คน ผมอยากรู้จักคนเหล่านี้ว่าเป็นใครมาจากไหนอย่างไร และมีความคิดเรื่องประชาธิปไตยแบบไหน ชาวเสื้อแดงคุยกับผมอย่างสงบและสุภาพ ยกเว้นว่ามีหญิงคนหนึ่งเดินไปเดินมามองตาเขียวใส่หน้าและด่าทอพุ่งเสียงตรงมายังผม ตลอดเวลา เธอไม่ได้ด่าผม เอาแต่ด่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์อย่างหยาบคาย แต่ว่าเธอหันหน้ามาทางผมตอนที่ด่า ตามคําบอกเล่าของชายที่นั่งข้างผม เธอเป็นชาวจันทบุรี ฟังจากสําเนียงก็เหน่อแบบจันทบุรีแน่นอน ผมวิเคราะห์และสรุปนานแล้วว่าความหยาบคายในการใช้ภาษาของพวกพันธมิตรฯ เสื้อแดงเสื้อเหลืองแสดงถึงความขาดสติและขาดเหตุผลที่จะอธิบายแนวคิดของตนเอง เป็นการขาด การศึกษาและวัฒนธรรมของผู้ประท้วงเสื้อเหลืองที่ผมพบมาตั้งแต่ปี 2551 และมาที่พัทยาคราวนี้ผมมาพบความหยาบคายในหมู่คนเสื้อแดงอีก ทั้งบนเวทีปราศรัยที่ กรุงเทพฯ และที่พัทยา และพบตรงๆแบบด่าใส่หน้าบนสนามหญ้าของโรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียนด้วย ผมก็คิดว่าคุยไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอผู้หยาบคายมีแต่อารมณ์ร้าย ผมคุยกับชายวัยใกล้เคียงกับผม (ปี 2552 ผมอายุ 60 ปี) ชายคนนี้เป็นชาวสุพรรณบุรี บ้านเดียวกับผม เขาบอกว่า ที่สุพรรณบุรี มีสมาชิกพรรคไทยรักไทยที่แพ้การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นผู้จัดรวบรวมและขนชาวสุพรรณฯมาร่วมชุมนุม โดยดูแลความสะดวกต่างๆ แต่ เขายืนยันว่าไม่มีการจ่ายค่าจ้างเป็นเงินสดตามที่เป็นข่าว ผมพยายามอธิบายหลักวิชาการ ประชาธิปไตยว่าการแสดงความเห็นทางการเมืองนั้นทําได้ แต่ความหยาบคายนั้นสร้างแต่ความโกรธไม่สร้างความเข้าใจอันดี เพราะการด่าไม่มีข้อมูลให้ช่วยคิดอะไรใหม่ได้ การไล่ นายกฯอภิสิทธิ์ออกเพราะบอกว่าเป็นคนเลวก็ไม่ถูก เพราะนายกฯอภิสิทธิ์เป็นคนดีมีความรู้ ความสามารถ ไม่มีเรื่องทุจริตเหมือนคุณทักษิณ ดังนั้นการที่จะไล่นายกอภิสิทธิ์ออกจาก ตําแหน่งก็ต้องทําด้วยเหตุแห่งความด้อยประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ต้องทําความ เข้าใจว่าการประท้วงเป็นเพียงการแสดงความเห็นเท่านั้น ส่วนการจะให้ลาออกได้หรือไม่ได้ เป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ต้องผ่านกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้องแท้จริง คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร หรือการยุบสภาแล้วลาออกเองโดยนายกรัฐมนตรี ผู้มาประท้วงไม่มีสิทธิ์สร้างเป็นเงื่อนไขในการประท้วงว่าการจะล้มการ ประชุมสุดยอดอาเซียนหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออกนั้นเป็นสิ่งที่ทําไม่ได้ในระบอบ ประชาธิปไตย ไม่ควรทํา และต้องไม่ทํา มาถึงเวทีการประท้วงซึ่งอาศัยหลังคารถบรรทุกเป็นที่ยืนปราศรัย ผู้ปราศรัยนําโดย คุณอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เช่นเดิม เห็นหน้าคุณอริสมันต์อีกครั้งผมก็หมดความเชื่อถือในสัจจะวาจาที่เคยให้ไว้เมื่อวาน ผมเชื่อในใจว่าคุณอริสมันต์จริงใจกับอาเซียนเมื่อวันวานที่ถอยกําลังกลับไป แต่ก็มั่นใจว่าคุณทักษิณมีอํานาจสั่งการเหนือกว่า แล้วสั่งผ่านผู้นําบนเวทีอภิปรายหน้าทําเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯ ผมเชื่อว่าการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนเป็น ของติดไม้ติดมือกลับไปตามที่คุณทักษิณต้องการนั้นคงจะถือเป็นสัญลักษณ์ ของชัยชนะ ไม่ว่าจะอ้างเงื่อนไขอะไร เมื่อวันวานผู้ประท้วงสร้างเงื่อนไขเพียงขอยื่นหนังสือประท้วง แต่มาวันนี้ผู้ประท้วงขอขัดขวางการประชุม หากไม่จับตัวคนที่ทําให้พวกเสื้อแดงเสียชีวิตในการปะทะกันที่พัทยา โดยอ้างว่ามีพวกเสื้อแดงเสียชีวิตคนหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงต้อนนั้นไม่มีใครทราบ ผมเองทราบเป็นส่วนตัวเฉพาะที่พบเห็นโดยตรงว่าพวกเสื้อแดงตีชาวพัทยามือฉีกเลือดโชกไปหนึ่งคน หนุ่มพัทยาที่รับผ้าเช็ดหน้าจากผมไปห้ามเลือดย่อมยืนยันได้ ความจริงในวันต่อมาก็พบว่าไม่มีใครเสียชีวิตตามที่คุณอริสมันต์ประกาศเอาเป็นเงื่อนไขการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน แต่ในขณะที่มีการสร้างข่าวสร้างเงื่อนไขเรื่องเสื้อแดงตายอยู่ในหมู่ฝูงชนที่กําลังเดือดดาลอยู่นั้น คุณอริสมันต์ก็พาฝูงชนบุกเข้าทุบทําลายประตูทางเข้าอาคารด้านหน้าของโรงแรมที่ประชุม กระจกบานประตูแตกละเอียดกระจัดกระจาย คุณอริสมันต์พามวลชนเดินพล่านไปทั่วอาคาร ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปทั่ว ผมกับทีมงานและ คณะนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์หลบอยู่ในห้องอาหารของสื่อมวลชน ซึ่งทั้งหมดใช้อาคารส่วนหน้าของโรงแรมนี้เป็นศูนย์ทํางานของเหล่าสื่อมวลชนรวมนับพันคนจากทั่วโลก ความ กร้าวกร่างและรุนแรงของพวกเสื้อแดงถูกบันทึกไว้โดยสื่อมวลชนทั่วโลกที่มาชุมนุมทําข่าวอาเซียนกันอยู่แล้ว ณ นาทีนั้นบรรดาผู้นําชาติอาเซียนและประเทศคู่เจรจาถูกพาหนีออกจากโรงแรมไป ทั้งทางเรือ และทางอากาศโดยเฮลิคอปเตอร์ ท่านนายกรัฐมนตรี Kevin Rudd กําลังเดิน ทางมาจากออสเตรเลียใกล้จะถึงพัทยาแล้ว พอได้ข่าวการก่อความวุ่นวายของพวกเสื้อแดง ท่านก็สั่งหันหัวเครื่องบินกลับออสเตรเลียกลางอากาศโดยฉับพลัน คุณทักษิณใช้คุณอริสมันต์ทําลายการประชุมสุดยอดอาเซียนโดยเฉพาะเจาะจง และทําลายอาเซียนโดยรวม จนคุณทักษิณและคุณอริสมันต์ถือว่าฝ่ายตนได้รับชัยชนะ แต่ในความเห็นของผมนั้น คุณทักษิณพ่ายแพ้ยับเยิน จากพฤติกรรมที่ก่อขึ้น ครั้งนี้ คุณทักษิณประพฤติตน่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในระดับชาติ ระดับอาเซียน และระดับ โลก คุณทักษิณไม่สํานึกเลยว่าตัวเองเคยร่วมการประชุมสุดอยดอาเซียนมาแล้วถึง 6 ครั้ง มากกว่านายกรับมนตรีคนใดๆของไทย คุณทักษิณไม่มีจิตสํานึกอะไรเลยต่องานที่ตัวเองทําให้อาเซียนและประเทศไทย นานถึง 6 ปี คุณทักษิณไม่เคยคิดถึงคุณความดีของตัวเองที่เคยทําไว้ต่ออาเซียนบ้างเลย ผมไม่มีทางเห็นเป็นอื่นนอกจากต้องสรุปว่า คุณทักษิณเป็นคนดีของอาเซียนไม่ได้เลย ผมได้เห็น รู้จัก และวิเคราะห์คุณทักษิณ มานาน 25 ปี แล้ว ผิดหวังมากในความเป็นมนุษย์ของคุณทักษิณก็คราวนี้ ที่พัทยา สําหรับอาเซียนและประเทศไทยนั้นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียหายมหาศาลด้วยแน่นอน การประชุมสุดยอดอาเซียน+6 ล่มล้มลงอย่างน่าเสียใจเป็นที่สุด โลกชะงักงันต่อโอกาสใน การประชุมแก้ปัญหาวิกฤติการเงินที่ทั้งโลกและอาเซียนเผชิญอยู่ อาเซียนต้องหยุด กระบวนการทํางานที่สําคัญที่สุดในรอบ 42 ปี อาเซียนที่กําเนิดที่ประเทศไทย ไม่เคยมีสิ่งใดพาแพ้วพาน แต่แล้วเมื่ออายุได้ 42 ปี อาเซียนก็กลับมาสู่มาตุภูมิ แล้วถูกประชาชนลูกหลานผู้ให้กําเนิดทําร้ายจนบาดเจ็บสาหัส รัฐบาลไทยของผม คือรัฐบาลของท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสียหาย อย่างหนักที่สุด ในนามของประเทศไทย เราจะไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้วในการทํางานเพื่ออาเซียน หน้าที่ของเราต่อไปนี้ก็คือทํางานหนักเพื่อกลับไปร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนให้เหมือนสมาชิกปรกติธรรมดาให้ได้ในอนาคต คุณทักษิณไม่มีทางจะกลับมาเป็นผู้นําประเทศไทยและร่วมอยู่ ในสมาคมอาเซียนได้อีกเลยเพราะคุณทักษิณเป็นผู้ทําลายอาเซียน อนาคตที่เราจะกลับเข้าสู่ความอบอุ่นของอาเซียนนั้นอยู่ข้างหน้า แต่อยู่ยาวไกลมากๆ เพราะชื่อเสียงเกียรติภูมิของราชอาณาจักรไทยเสียหายหมดสิ้นแล้ว ชื่อเสียงที่ว่า หมดสิ้นแล้วนั้นเป็นความจริงที่ชาวโลกกําหนด แต่เราก็จําจะต้องสร้างชื่อเสียงขึ้นใหม่ได้ แม้ จะใช้เวลานานเพียงไรก็ตาม ผมเห็นว่าคนรุ่นปัจจุบันที่เป็นผู้สนับสนุนคุณทักษิณ เป็นคนขาดเหตุผล ด้อยความรู้ เรื่องประชาธิปไตย ขาดวัฒนะธรรมสังคมประชาธิปไตย เขาเป็นผู้ทําลายเกียรติภูมิของชาติ ของตนและทําลายศักดิ์ศรีของตนเองในฐานะพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย จะแก้ไขคนเสื้อแดงเหล่านั้นให้กลับมามีจิตสํานึกถึงอาเซียนและประเทศชาติได้ก็โดยการเพิ่มการศึกษา อบรม เขาต้องหาความรู้เพิ่มเติมให้มากๆเพื่อให้เป็นคนมีเหตุผลและมีวัฒนธรรมและ สามารถดําเนินชีวิตในสังคมประชาธิปไตยได้ เรื่องนี้ทําได้ แม้จะยากยิ่ง เพราะต้องใช้เวลาและต้องตั้งใจพัฒนาตนเองให้หลุดพ้น จากอารมณ์ที่เกิดจากการรับข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆ คุณทักษิณและผู้สนับสนุนทั่วประเทศจะต้องมีความพร้อมที่จะวิเคราะห์ตัวเองด้วย หลักปรัชญาประชาธิปไตย ต้องมีความพร้อมในการเรียนรู้หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงกันใหม่ ที่พัทยา ณ เวลานั้นมันสายเกินไปแล้ว เพราะอารมณ์มาอยู่เหนือสติยั้งคิด จะเรียนรู้ พัฒนาตนเองให้อยู่ในสังคมประชาธิปไตยตอนนั้นก็ไม่ทันแล้ว จึงควรต้องให้โอกาสตัวเองก่อร่างสร้างความเป็นประชาธิปไตยกันใหม่ ผมขอมอบประเทศไทยและอาเซียนให้กับคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเลือกใส่เสื้อสีอะไร หรือ จะยึดมั่นในอุดมการณ์ทางการเมืองแบบใด คนรุ่นใหม่จะต้องเริ่มเรียนรู้อย่างจริงจังต่อ สถานการณ์และความล้มเหลวของคนรุ่นปัจจุบัน เหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองใน ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2551-2552 นั้น ต้องเป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ที่จะต้องศึกษา วิเคราะห์อย่างละเอียดลึกซึ้ง เพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยที่สงบงดงามให้เกิดขึ้นให้จงได้ การศึกษาเท่านั้นที่สร้างสังคมและวัฒนธรรมประชาธิปไตยขึ้นได้ ... ในราชอาณาจักร ไทย สมเกียรติ อ่อนวิมล พัทยา 11 เมษายน 2552 ปรับแก้เพิ่อเผยแพร่ครั้งที่สาม 10 ตุลาคม 2567 |