THAIVISION
  • REFLECTION
    • MORNING WORLD >
      • THAKSIN and ASEAN
      • THAKSIN 2010
      • BOBBY SANDS
    • IN CONTEXT >
      • CLASS WAR IN THAILAND?
      • ราชอาณาจักรแห่งบ่อนการพนัน
      • หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
      • SINGAPORE VS TRUMP'S TARIFF
      • สงครามการค้า สหรัฐฯ vs. ไทย
      • IN CONTEXT 17/2024 [Earth Day 1970-2024]
      • IN CONTEXT 16/2024
      • IN CONTEXT 15/2024
      • IN CONTEXT 14/2024
      • IN CONTEXT 13/2024
      • IN CONTEXT 12/2024
      • IN CONTEXT 11/2024
      • IN CONTEXT 10/2024
      • IN CONTEXT 9/2024
      • IN CONTEXT 8/2024
      • IN CONTEXT 7/2024
      • IN CONTEXT 6/2024
  • ON PLANET EARTH
    • EARTH
    • THE WORLD >
      • SCAM INC. (The Economist)
      • SOUTH-EAST ASIAN SEA
  • THAILAND
    • THE MONARCHY >
      • THE MONARCHY IN WORLD FOCUS
      • 9th KING BHUMIBOL- RAMA IX >
        • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
        • Queen Sirikit 1979
        • THE KING'S WORDS
        • THE KING AND I
      • 5th KING CHULALONGKORN >
        • KING CHULALONGKORN THE TRAVELLER
        • KING CHULALONGKORN THE INTERNATIONALIST
      • PHRA THEP (PRINCESS SIRINDHORN)
    • DEMOCRACY IN THAILAND
    • NATIONAL PARKS OF THAILAND >
      • KHAO YAI NATIONAL PARK
      • PHA TAEM NATIONAL PARK
      • PHU WIANG NATIONAL PARK
      • NAM NAO NATIONAL PARK
      • PHU HIN RONG KLA NATIONAL PARK
      • PHU KRADUENG NATIONAL PARK
      • PHU RUEA NATIONAL PARK
      • MAE YOM NATIONAL PARK
      • DOI SUTHEP-PUI NATIONAL PARK
      • DOI INTHANON NATIONAL PARK
      • THONG PHA PHUM NATIONAL PARK
      • KAENG KRACHAN NATIONAL PARK
      • MU KO ANG THONG NATIONAL PARK
      • MU KO SURIN NATIONAL PARK
      • MU KO SIMILAN NATIONAL PARK
      • HAT NOPPHARATA THARA - MU KO PHI PHI NATIONAL PARK
      • MU KO LANTA NATIONAL PARK
      • TARUTAO NATIONAL PARK
    • THAKSIN and ASEAN
  • AND BEYOND
  • THE LIBRARY
    • THE ART OF WAR by SUN TZU
    • SUFFICIENCY ECONOMY BY KING BHUMIBOL OF THAILAND
    • SOFT POWER (Joseph Nye, Jr.)
    • CONVERSATIONS WITH THAKSIN by Tom Plate
    • THE GREAT ILLUSION/Norman Angell
    • MORNING WORLD BOOKS >
      • CASINO ROYALE
      • 1984
      • A BRIEF HISTORY OF TIME
      • A HISTORY OF THAILAND
      • CONSTITUTION OF THE UNITED STATES
    • SCIENCE >
      • ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
      • HUMAN
    • DEMOCRACY IN AMERICA
    • FIRST DEMOCRACY
    • JOHN MUIR
    • MODELS OF DEMOCRACY
    • MULAN
    • THE VOYAGE OF THE BEAGLE
    • ON THE ORIGIN OF SPECIES
    • PHOOLAN DEVI
    • THE REPUBLIC
    • THE TRAVELS OF MARCO POLO
    • UTOPIA
    • A Short History of the World [H.G.Wells]
    • WOMEN OF ARGENTINA
    • THE EARTH : A Very Short Introduction
    • THE ENGLISH GOVERNESS AT THE SIAMESE COURT
    • TIMAEUAS AND CRITIAS : THE ATLANTIS DIALOGUE
    • HARRY POTTER
    • DEMOCRACY / HAROLD PINTER
    • MAGNA CARTA
    • DEMOCRACY : A Very Short Introduction
    • DEMOCRACY / Anthony Arblaster]
    • DEMOCRACY / H.G. Wells
    • ON DEMOCRACY / Robert A. Dahl)
    • STRONG DEMOCRACY
    • THE CRUCIBLE
    • THE ELEMENTS OF STYLE
    • THE ELEMENTS OF JOURNALISM | JOURNALISM: A Very Short Introduction
    • LOVE
    • THE EMPEROR'S NEW CLOTHES
    • THE SOUND OF MUSIC
    • STRONGER TOGETHER
    • ANIMAL FARM
    • POLITICS AND THE ENGLISH LANGUAGE
    • GEORGE ORWELL
    • HENRY DAVID THOREAU >
      • WALDEN
    • MAHATMA GANDHI
    • THE INTERNATIONAL ATLAS OF LUNAR EXPLORATION
    • พระมหาชนก
    • ติโต
    • นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ | A Man Called Intrepid
    • แม่เล่าให้ฟัง
    • SUFFICIENCY ECONOMY
    • พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง
    • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
    • ... คือคึกฤทธิ์
    • KING BHUMIBOL ADULYADEJ: A Life's Work
    • THE KING OF THAILAND IN WORLD FOCUS
    • พระราชดำรัสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ >
      • THE KING'S WORDS
    • TESLA INTERVIEW 1926
  • IN MY OPINION
  • S.ONWIMON
    • MY STORY
    • THE DISSERTATION
    • THE WORKS >
      • BROADCAST NEWS & DOCUMENTARIES
      • SPIRIT OF AMERICA
      • THE ASEAN STORY
      • NATIONAL PARKS OF THAILAND
      • HEARTLIGHT: HOPE FOR AUTISTIC CHILDREN IN THAILAND
    • SOMKIAT ONWIMON AND THE 2000 SENATE ELECTION
    • KIAT&TAN >
      • TAN ONWIMON >
        • THE INTERVIEW
    • THAIVISION


the art of war

where victory is best achieved before the battle
Vertical Divider
Picture
Picture
Picture
Picture
Vertical Divider
ตำราพิชัยสงคราม
The Art of War

อ้างอิง: 
1. The Art of War

Complete Texts and Commentaries
by
Sun Tzu
Translated by Thomas Cleary
[Shambhala Publisher, Boston & London, 2003, ISBN I-59030-054-8]

2. With additional reference to The Art of War by Sun Tzu, Translated by Lionel Giles, Amazon Classics Digital eBook Edition, 
ISBN-10: 1542047528 ISBN-13: 9781542047524 eISBN: 9781542097529
Sun Tzu. The Art of War (AmazonClassics Edition) (p. ). (Function). Kindle Edition. www.apub.com

3. ตำราพิชัยสงครามซุนวู
แปลโดย เสถียร วีรกุล
(พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พล ต.ต. หลวงศิลป์ประสิทธิ์ 
ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2513)
https://archive.org/details/unset0000unse_n5h6/page/n1/mode/2up

*

“ซุน จื่อ วู” (Sun Tzy Wu) หรือ “ซุน จื่อ” (Sun Tzu) หรือ “ซุน วู” (Sun Wu) เป็นชาวเมืองฉี (Chi) เจ้าของงานวรรณกรรมอันโด่งดังในอาณาจักรจีนสมัยโบราณเรื่อง “The Art of War” หรือ “ศิลปะการสงคราม” รู้จักดีในภาคแปลจากภาษาจีนเป็นภาษาไทยในชื่อ “ตำราพิชัยสงคราม” นั้น 
    ชื่อเสียงของซุนจื่อในโบราณกาลครั้งนั้นเป็นที่โจษขานมาถึงพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าโฮลู (Ho Lu) กษัตริย์แห่งแคว้นวู (Wu) พระองค์รับสั่งให้เรียกตัวซุนจื่อมาเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่า “ข้าได้อ่านหนังสือของเจ้าทั้ง 13 บทอย่างละเอียดแล้ว อยากจะขอทดสอบทฤษฎีการรบของเจ้าสักเล็กน้อยจะได้ไหม?” ซุนจื่อตอบว่า “ได้ พุทธเจ้าข้า” กษัติย์โฮลูทรงถามว่าหากจะทดสอบกับพวกผู้หญิงจะได้หรือไม่? ซุนจื้อก็ตอบรับว่าได้ จากนั้นพระองค์ก็ให้นางสนมกำนัลทั้งหมดของพระองค์รวม 180 คน ออกมารวมกลุ่มสมมุติเป็นกองทหารเพื่อการทดสอบ ซุนจื่อก็แบ่งกลุ่มนางสนมเป็นสองกลุ่ม หรือสองหมวดแบบทหาร แล้วให้นางสนมคนโปรดของพระเจ้าแผ่นดินสองคนเป็นหัวหน้าหมวด หมวดละหนึ่งคน จากนั้นให้นางสนมที่กลายเป็นกองทหารแล้วในตอนนี้ถือหอกเป็นอาวุธทุกคน แล้วออกคำสั่งว่า: 

    “ข้าพเจ้าเชื่อว่านางทุกคนรู้แล้วนะว่า “หน้า” กับ “หลัง” และ “ขวา” กับ “ซ้าย” นั้นต่างกันอย่างไร? 
    สาวๆทั้งหลายตอบว่า “ทราบแล้ว” 
    
    ซุนจื่อบอกต่อไปว่า 
    “เวลาข้าฯสั่งว่า ‘ตา มองไปข้างหน้า’ ให้ท่านมองตรงไปข้างหน้า 
    เวลาข้าฯสั่งว่า ‘ซ้ายหัน’ ท่านก็ต้องหันหน้าไปทางซ้ายมือ” 
    เวลาข้าฯสั่งว่า ‘ขวาหัน’ ท่านก็ต้องหันหน้าไปทางขวา 
    เวลาข้าฯสั่งว่า ‘กลับหลังหัน’ ท่านก็ต้องหันไปทางขวารอบตัวไปถึงด้านหลัง 

    พวกนางสนมรับทราบคำอธิบายดีแล้วก็เตรียมพร้อม ซุนจื่อจัดขวานอันเป็นอาวุธสงครามให้พร้อมสรรพ แล้วสั่งเริ่มการฝึก เมื่อเสียงกลองดังขึ้น ซุนจื่อออกคำสั่ง “ขวาหัน”  ไม่มีใครหันขวาตามคำสั่งมีแต่เสียงหัวเราะเฮฮาของเหล่านางสนมทั้งหลาย 
    ซุนจื่อกล่าวว่า: “ถ้าหากว่าคำสั่งไม่ชัดเจนแจ่มแจ้ง, และหากว่าคำสั่งไม่เป็นที่เข้าใจดีทั้งหมดทุกคำ ก็ต้องโทษนายทหารผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่ง”  
    จากนั้นซุนจื่อก็เริ่มการฝึกอีกครั้งแบบเดิม คราวนี้ออกคำสั่งให้ “ซ้ายหัน” แต่พวกนางสนมก็หัวเราะกันเฮฮาอีกเหมือนเดิม ซุนจื่อบอกว่า : “ถ้าหากว่าคำสั่งไม่ชัดเจนแจ่มแจ้ง, และหากว่าคำสั่งไม่เป็นที่เข้าใจเป็นอย่างดีทั้งหมดทุกคำ ก็ต้องโทษนายทหารผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่ง แต่คำสั่งของข้าฯนั้นชัดเจนแจ่มแจ้งดีแล้ว แต่เหล่านางทหารทั้งหลายกลับไม่เชื่อฟังไม่ปฏิบัติตาม ดังนั้นจึงเป็นความผิดของหัวหน้าหมวดทหารนั้น” 
    ซุนจื่อจึงออกคำสั่งลงโทษหัวหน้าหมวดทหารทั้งสองคนนั้นโดยการตัดศีรษะ ถึงตอนนี้กษัตริย์วูซึ่งกำลังทอดพระเนตรเหตุการณ์ทั้งหมดจากปรัมพิธีข้างบน เห็นว่านางสนมคนโปรดสองคนกำลังจะถูกตัดศีรษะจึงทรงแทรกแซงโดยการส่งข้อความลงมายังซุนจื้อว่า:

    “เราพอใจในความสามารถของท่านซุนจื่อในการฝึกนางสนมดุจกองทหาร แต่หากว่าเราจะต้องสูญเสียนางสนมเอกไปทั้งสองคนแล้ว นมกับเนื้ออันเป็นพระกระยาหารของเราก็จะจืดจนสิ้นรสชาติไป เราประสงค์ให้เว้นโทษประหารตัดศีรษะนางสนมของเราทั้งสองคน” 
    ซุนจื่อตอบพระองค์ว่า: “จากการที่พระองค์ทรงมอบอำนาจให้ข้าฯเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดเหนือหน่วยทหารนางสนมเหล่านี้แล้ว คำสั่งของพระองค์ที่เพิ่มเติมมานั้นข้าฯในฐานะผู้บัญชาการกองทัพมิอาจรับปฏิบัติตามได้” 
    ดังนี้แล้ว ซุนจื่อก็สั่งตัดศีรษะนางสนมคนโปรดทั้งสองเสียทันที  แล้วแต่งตั้งนางสนมอีกสองคนที่อยู่ถัดลำดับมาเป็นหัวหน้าหมวดทหารทั้งสองหมวดนั้นแทนนางสนมที่ถูกประหารไป  จากนั้นก็เริ่มฝึกกองทหารใหม่อีกรอบ ออกคำสั่ง ขวาหัน ซ้ายหัน เดินหน้า ถอยหลัง คุกเข่า ยืนตรง ทั้งหมดถูกต้องแม่นยำชัดเจน สงบเงียบไม่มีเสียงปฏิกริยาอันใดแม้แต่น้อย 
    แล้วซุนจื่อก็ส่งความขึ้นไปยังองค์พระมหากษัตริย์แห่งวูว่า: “ทหารหญิงของพระองค์พร้อมแล้ว ผ่านการฝึกอย่างมีระเบียบวินัย พร้อมให้พระองค์ทรงลงมาตรวจได้แล้ว เหล่านางทหารนี้พร้อมจะเข้าสู่สมรภูมิเพื่อราชอาณาจักรได้ แล้วแต่พระองค์จะทรงโปรด จะทรงสั่งให้พวกนางไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนพวกนางก็จะมิขัดคำสั่งของพระองค์แต่อย่างใดเลย" แต่องค์กษัตริย์แห่งวูทรงตรัสว่า “ขอให้ท่านนายพลซุนจื่อจงยุติการฝึกและกลับค่ายได้ ส่วนเรามิประสงค์จะลงไปตรวจกองทหารแต่ประการใด” 
    ทราบดังนั้นแล้วซุนจื่อก็ตอบว่า “พระองค์ทรงโปรดเพียงการพูดเท่านั้น แต่ไม่โปรดที่จะแปลงคำพูดเป็นการปฎิบัติได้” 

    จากนั้นมากษัตริย์โฮลู แห่งแคว้นวูก็เห็นว่าซุนจื่อนั้นรอบรู้การทัพอย่างดี สมควรได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายพลเอกผู้บัญชาการกองทัพ ออกรบทางทิศตะวันตกก็ชนะแคว้นโจว (Chu) บุกเข้าไปถึงเมืองหลวง หยิง (Ying); ทางทิศเหนือนายพลซุนจื่อก็บุกทะลวงเข้าไปในแคว้นฉี (Chi) และ แคว้นฉิน (Chin) สร้างชื่อเสียงระบือไกลให้กับกษัตริย์โฮลูแห่งแคว้นวูอย่างเกรียงไกร เป็นที่รู้จักยำเกรงของเหล่าผู้ครองแคว้นใหญ่น้อยต่างๆมากมาย และนายพลซุนจื่อก็ได้รับชื่อเสียงก้องกระจายไปทั่วแผ่นดินเช่นกัน

นี่คือเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาถึงแรกเริ่มที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ให้พอเล่าต่อกันอย่างเป็นตำนานที่พอมีหลักฐานให้กล่าวได้ว่า “ซุนจื่อ” หรือ “ซุนวู” มีอยู่จริง เป็นนายทหาร นักปรัชญา นักคิด คือผู้เขียน “ตำราพิชัยสงคราม” ในชื่อแปลเป็นภาษาไทยโดย เสถียร วีรกุล แปลจากต้นฉบับภาษาจีน ตั้งชื่อหนังสือว่า “ตำราพิชัยสงครามซุนวู” และ มีผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษจากต้นฉบับภาษาจีนมากมายหลายคน ส่วนมากจะใช้ชื่อหนังสือว่า “The Art of War” แปลตรงตัวว่า “ศิลปะการสงคราม” เรียกชื่อผู้เขียนว่า “Sun Tzu” หรือ “Sun Tzu Wu” หรือ “Sun Wu” เรื่องที่เล่าประวัติแรกเริ่มของซุนจื่อนั้นมาจากบทนำของหนังสือ The Art of War ของ Sun Tzu แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Lionel Giles สำหรับการอ้างอิงส่วนใหญ่จะใช้งานแปลของ Thomas Cleary ปี1988 เป็นหลัก ร่วมกับงานแปลไทยของอาจารย์เสถียร วีรกุล งานแปลของ Thomas Cleary เป็นงานแปลยุคล่าสุด มีทั้งต้นฉบับของซุนจื่อดั้งเดิม ตามด้วยคำวิจารณ์ของนักปราชญ์โบราณในอดีต พร้อมด้วยงานเขียนที่แต่งเติมตามมาทีหลังจากนักเขียนคนอื่น ทำให้หนังสือแปลเล่มนี้สมบูรณ์ทั้งต้นฉบับและคำวิจารณ์และข้อเขียนเติมต่อในยุคหลังด้วย ดังนั้นในหนังสือนี้จึงมีเรื่อง:

  1. “The Art of War” อันเป็นต้นฉบับพร้อมด้วยคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์หรือ “commentators” รวม 11 คน ในศตวรรษที่ 2 ถึง 13 คำวิจารณ์ช่วยอรรถาธิบายขยายความคำสอนของท่านอาจารย์ หรือ Master Sun Tzu  ได้กระจ่างขึ้น
  2. “Mastering the Art of War” เป็นเรียงความโดยนักรบและรัฐบุรุษสองท่านสมัยราชวงศ์ฮั่น
  3. “The Lost Art of War” เขียนขึ้น 100 ปีหลัง The Art of War ของซุนจื่อ โดย Sun Bin (ซุน บิน) โดยยึดหลักการสงครามของซุนจื่อ  และ
  4. “The Silver Sparrow Art of War” (ศิลปะการสงครามตามแบบนกกระจอกเงิน) เป็นเรื่องตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อเหมือนกันเพียงแต่อ้างอิงต้นฉบับที่ค้นพบทีหลัง ณ แหล่งโบราณคดีจังหวัด Shandong ปี 1972 ซึ่งมีบางส่วนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

    สรุปก็คือ “ตำราพิชัยสงคราม” และ ซุนจื่อ หรือ ซุนวู นั้นมีจริงในประวัติศาสตร์ แต่รายละเอียดปลีกย่อยและเนื้อหาตำราอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ว่าตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็จะถือต้นฉบับที่เขียนโดย  ซุนจื่อโดยตรง ไม่รวมคำวิจารณ์ ซึ่งจะเป็นฐานของคำอธิบายและคำวิจารณ์ในบทความนี้เป็นสำคัญ

    ที่นำเรื่องตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อมาเล่าอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ ทั้งๆที่เป็นเรื่องเก่า นักอ่านนักเขียนนักคิดแม้กระทั่งนักธุรกิจชาวไทยย่อมรู้จักดีมานานแล้ว แม้ว่าจะมีใครที่ไม่รู้จักตำราพิชัยสงครามในฐานะงานวรรณกรรมจีนโบราณ แต่ก็คงต้องเคยได้ยิน สำนวนภาษาไทยสำนวนหนึ่งหรือจะเรียกว่าคติพจน์หนึ่งก็ได้ ที่ว่า:

    “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” 

    นี่ก็คือคำคมจากตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อ บทที่ 3 ว่าด้วยการวางแผนยึดเมือง (Planning a Siege) ซึ่ง ซึ่งอาจจะผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับจริงจนคนอ้่งใจอาจไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว “รู้เขา รู้เรา” นั้นจริงถูกต้องตามต้นฉบับ และ “รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” นั้นผิดเพี้ยนไป ท่านซุนจื่อกล่าวตามต้นฉบับแบบเต็ม อ้างฉบับแปลไทยจากต้นฉบับภาษาจีนของอาจารย์เสถียร วีรกุล ว่า:

    “เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า หากรู้เขารู้เรา แม้รบกันตั้งร้อยครั้ง ก็ไม่มีอันตรายใด ถ้าไม่รู้เขาแต่รู้เพียงตัวเรา แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่ หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย ก็จะต้องปราชัยทุกครั้งที่มีการยุทธนั้นแล.”

    ในฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ Thomas Cleary แปลว่า:

    “So it is said that if you know others and know yourself, you will not be imperiled in a hundred battles; if you do not know others but know yourself, you win one and lose one; if you do not know others and do not know yourself, you will be imperiled in every single battle.”
    แปลอีกทีเป็นภาษาไทย (โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล):
    “ดังที่กล่าวไว้ว่า ถ้าท่านรู้เขาและรู้เรา ท่านจะไม่ได้รับอันตรายในการรบทั้งร้อยครั้ง; แต่ถ้าท่านไม่รู้เขารู้แต่เราเอง, ท่านก็จะชนะครั้งแพ้ครั้ง; ถ้าท่านไม่รู้เขาและไม่รู้เราด้วย, ท่านจะได้รับอันตรายในการรบทุกครั้งไป.”

    จึงสรุปได้ว่าซุนจื่อมิได้ใช้คำว่า “แพ้” หรือ “ชนะ” ในคำสอนว่าด้วยการรบร้อยครั้งในบทนี้ เพียงแต่บอกว่าจะเได้รับอันตรายหากไม่รู้เข้ารู้เรา

หลักการพิชัยสงครามนี้ปัจจุบันคนทั่วโลกนำมาประยุกต์ในในชีวิตการต่อสู้แข่งขันทางธุรกิจการงาน และในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน การแข่งขันทางการค้า การทำสงครามการค้าระหว่างประเทศที่กำลังเริ่มขึ้นอย่างเข้มข้นและรวดเร็วจากการก่อสงครามการค้าเป็นสงครามภาษีศุลกากร หรือภาษีนำเข้า ประกาศวันแรกอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 โดยประธานาธิบดี Donald J. Trump แห่งสหรัฐอเมริกา ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเข้าสหรัฐฯจากประเทศต่างๆทั่วโลกโดยไม่มีข้อยกเว้น รวมทั้งประเทศไทยที่โดนขึ้นภาษีศุลกากรถึง 36%  ในโลกมีกว่า 70 ประเทศที่ขอนัดหมายเร่งด่วนเพื่อเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เพื่อปกป้องผลประโยชน์การส่งออกของตนเอง รวมทั้งประเทศไทย ผู้นำชาติต่างๆรอคิวขอพบยอมสยบต่อประธานาธิบดี Trump เป็นคิวยาว รวมทั้งประเทศไทย 

    ประธานาธิบดี Trump ประกาศดูแคลนทุกประเทศอย่างหยาบคายและโอหังว่าผู้นำประเทศต่างๆจะมายอมสยบแบบขอจูบก้น หรือ “kiss ass” 

    ประธานาธิบดีอเมริกันประกาศก้องว่าต่างชาติ รวมทั้งประเทศไทยร่วมกันเอาเปรียบ ปล้นสดมภ์ กวาดล้างทำลายและข่มขืนเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกามานานหลายทศวรรษ จึงขอประกาศอิสรภาพปลดปล่อยประเทศตนในวันที่ 2 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา
    ประเทศทั้งหลายทั้งโลกขอพบเจรจาหย่าศึกสงครามการค้าและยินดีต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับอเมริกา ตามที่อเมริกาต้องการ ประเทศไทยซึ่งได้เปรียบดุลย์การค้ากับสหรัฐอเมริกากว่า $40,000 ล้าน เป็นประเทศลำดับต้นๆ หนึ่งในสิบประเทศต้นบัญชีได้เปรียบดุลย์การค้ากับสหรัฐฯ ก็จะขอต่อรองลดภาษีที่ถูกประกาศเก็บจาก 36% ให้ลดหย่อนลงมาด้วย
    แต่ประเทศจีนอันเป็นเป้าหมายสำคัญของสงครามการค้าที่สหรัฐฯหวังทุบถล่มทำลาย ถูกภาษีจากสหรัฐ 145% เทียบกับไทย 36% และบางประเทศ 10% จีนกลับไม่ติดต่อขอเจรจากับประธานาธิบดี Trump แต่ประการใด ทำให้ประธานาธิบดี Trump และโฆษกรัฐบาลต้องออกมาประกาศเปิดทางเชื้อเชิญให้จีนติดต่อโทรศัพท์มานัดหมายเจรจา 

    แต่จีนกลับเงียบ ไม่ติดต่อ ไม่โทรศัพท์!

    ทำเนียบขาวสวนกลับแบบดูแคลนว่าจีนคงอยากเจรจา แต่ไม่รู้วิธีติดต่อ จึงเชิญชวนให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนติดต่อมา จีนกลับประกาศว่าจะไม่มีการเจรจาหากว่าไม่มีความเท่าเทียมกัน หากสหรัฐไม่เคารพจีน ไม่เคารพกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศขององค์การการค้าโลก บอกว่าการกระทำของสหรัฐเป็นการข่มขู่ชาติอื่น เป็นเรื่องตลก แล้วบอกว่า สงครามการค้าระหว่างประเทศนั้นไม่มีประเทศใดชนะ มีแต่พ่ายแพ้กันทุกฝ่าย จากนั้นจีนก็เดินหน้าโดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ออกเดินทางไปเวียดนาม มาเลเซีย และ กัมพูชา เจรจาหาพันธมิตรร่วมการค้าให้แนบแน่นยิ่งขึ้น เพื่อสู้สงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    จีนไม่ยอบสยบ ไม่ยอมเจรจากับสหรัฐอเมริกา! 

    เป็นความกล้าหาญเด็ดขาด แต่การวิเคราะห์ข้อมูลการค้าของจีนโดยนักเศรษฐศาสตร์สำคัญในโลกเชื่อว่าจีนจะเป็นฝ่ายชนะในที่สุด หมายความว่าสหรัฐฯเองจะเป็นฝ่ายรับทุกข์ทรมาณมากกว่า อดทนได้น้อยกว่าจีนต่อความเสียหายจากสงครามการค้า

    ยุทธศาสตร์สงครามการค้าของจีนในการรับมือกับสหรัฐต้องผ่านการศึกษาไตร่ตรองและการสืบหาข่าวกรองข้อมูลแล้วอย่างรอบคอบตามตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อ 
    หากจะรบกัน คนจีนทุกคนทุกยุคทุกสมัยย่อมรู้จักตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อดีแบบท่องจนขึ้นใจ และไม่มีทางที่จะเป็นอื่นไปได้หากจะคาดว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงก็อ่านและกำลังใช้ตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อ เป็นฐานการวางยุทธศาสตร์การรบทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาอยู่ในขณะนี้:

    ตำราพิชัยสงคราม / The Art of War / ตำราพิชัยสงครามซุนวู

    บทที่ 1 ว่าด้วยการวางแผนเบื้องต้น (ประเมินยุทธศาสตร์)
    ซุนจื่อกล่าวว่า “ปฏิบัติการทางทหารมีความสำคัญยิ่งต่อประเทศชาติ -- มันเป็นเรื่องตายเรื่องเป็น มันเป็นหนทางไปสู่การอยู่รอดปลอดภัย หรือไม่ก็เป็นการเดินทางไปสู่ความพินาศ ดังนั้นมันจึงมีความจำเป็นยิ่งที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ”
    จากนั้น ซุนจื่อ ก็อธิบายว่าในการสงครามมี 5 สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นสำคัญเพื่อชัยชนะในการรบ (เสถียร วีรกุล / Thomas Cleary) คือ
    1. ธรรม / The Way
    2. ลมฟ้าอากาศ / The weather
    3. ภูมิประเทศ / Terrain 
    4. ขุนพล  / The Leadership 
    5. ระเบียบวินัย / Discipline

    ซุนจื่อ: 
    “ธรรม คือสิ่งที่บรรดาลให้ทวยราษฎร์ร่วมจิตสมานฉันท์กับฝ่ายปกครอง ร่วมเป็น            ร่วมตายโดยไม่ระย่อต่อภยันตรายใดๆเลย
    ลมฟ้าอากาศ คือ กลางวันกลางคืน ความร้อนความหนาว และความผันแปร
    เปลี่ยนแปลงแห่งอากาศ
    ภูมิประเทศ คือ ความใกล้ไกล ความทุรกันดารหรือราบเรียบแห่งพื้นที่ กว้างแคบของ
    แนวรบ ตลอดจนยุทธภูมินั้นอยู่ในลักษณะเป็นตายอย่างไร
    ขุนพล คือ บุคคลผู้กอปรด้วยสติปัญญา เที่ยงธรรม เมตตา กล้าหาญ และเข้มแข็ง
    เด็ดขาด
    ระเบียบวินัย คือ ระบอบการจัดกำลังรบ วินัยแห่งทหาร และการใช้จ่ายของกองทัพ

    ปัจจัยสำคัญ 5 ประการนี้ แม่ทัพนายกองย่อมรู้ทั่วกัน ผู้รู้จริงจึงชนะ ผู้ไม่รู้จริงย่อม            ปราชัย

    “ด้วยเหตุฉะนี้ จึงต้องเปรียบเทียบภาวะต่างๆเพื่อเสาะค้นความจริง กล่าวคือ มุขบุรุษฝ่ายไหนมีธรรม ขุนพลฝ่ายไหนมีสมรรถภาพ ลมฟ้าอากาศอำนวยผลแก่ฝ่ายใด การบังคับบัญชาฝ่ายไหนยึดระเบียบวินัยมั่น กำลังพลฝ่ายไหนแข็ง
กล้า ทะแกล้วฝ่ายไหนชำนาญข้าศึก การปูนบำเน็จหรือการลงโทษฝ่ายไหนทำได้โดยเที่ยงธรรม จากเหตุเหตุนี้ ข้าฯก็พอหยั่งถึงซึ่งความมีชัยหรือปราชัยได้แล้ว
    “แม่ทัพนายกองคนใดเห็นชอบด้วยยุทโธบายของข้าเอาไว้ใช้จักชนะ จงรับไว้ใช้ ผู้ใดไม่เห็นด้วย ขืนใช้ไปคงประสบความพ่ายแพ้แน่นอน ก็ขอให้เขาออกจากหน้าที่เถิด”

    ก่อนการบจริงซุนจื่อย้ำในตอนท้ายบทที่ 1 ว่าด้วยการวางแผนเบื้องต้น ในเรื่อง “ยุทธศาสตร์ คือ วิชาเล่ห์เหลี่ยมแต้มคู” หรือที่ปัจจุบันนี้อาจเรียกว่าเป็นยุทธศาสตร์ “ลับ ลวง พราง” (Deception) ว่าในปฏิบัติการทางทหารนั้นจำต้องใช้แผนลับลวงพราง ดังต่อไปนี้ :

    “เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีความสารมารถจริง พึงแสดงให้เห็นว่าเราไม่มีความสามารถ
    เลย
    ครั้นตกลงจะเข้าโรมรันด้วย จงแสดงประหนึ่งว่าเราไม่มีความประสงค์เช่นนั้น
    สิ่งใดใกล้ก็แสดงให้เห็นว่าไกล สิ่งใดไกลก็แสดงให้เห็นว่าใกล้
    คอยล่อใจศัตรูด้วยนานาอามิสประโยชน์
    เมื่อเห็นศัตรูแตกแยกระส่ำระสายแล้ว ก็พึงเข้าหักเอา
    จงเตรียมพร้อมเมื่อข้าศึกมีกำลังสมบูรณ์
    หลีกเลี่ยงเมื่อข้าศึกเข้มแข็งแกร่งกล้าอยู่
    เย้าเมื่อศัตรูตกอยู่ในโทสะจริต
    พึงถ่อมตัวพินอบพิเทาเสริมให้ศัตรูโอหังได้ใจ
    ต้องรังควานให้เหน็ดเหนื่อยระอา ในเมื่อศัตรูพักผ่อนออมกำลัง
    ตอกลิ่มให้ปรปักษ์แตกแยกความสามัคคีกัน
    พึงหักเอาในขณะที่เขามิได้เตรียมพร้อม เข้าจู่โจมในยามที่เขาไม่คาดฝัน
    ทั้งนี้เป็นเงื่อนงำความมีชัยของนักการทหาร จงอย่าแย้มพรายให้สัตรูล่วงรู้เจตจำนงอันแท้จริงของเราได้

    “อันแผนการบซึ่งสังสรรค์กันในพระเทพบิดามหาปราสาท ได้บ่งชี้ให้เห็นชัยชนะแต่เมื่อยังไม่ได้รบกัน ย่อม เนื่องจากได้พิจารณาทบทวนแผนการรบนั้นโดยรอบคอบแล้ว ตรงกันข้ามลางแพ้จะปรากฎให้เห็นแต่ต้นมือ ถ้าการวางแผนรบยังไม่ละเอียดรอบคอบดี การณ์เป็นเช่นนี้ สาอะไรกับการสงครามซึ่งมิได้วางแผนเสียเลยเล่า และด้วยสิ่งเดียวนี้ ข้าฯก็ประจักษ์ชัดถึง๙ึ่งโชคชัยแชะปราชัยแล้ว.”
ส่วนสำนวนแปลไทยของผม (สมเกียรติ อ่อนวิมล) ซึ่งจากภาษาอังกฤษของ Thomas Cleary (ซึ่งก็แปลจากต้นฉบับภาษาจีนเช่นกัน) เป็นดังนี้:

    “ แม้ท่านจะคิดว่าตัวเองมีประสิทธิภาพ แต่ท่านก็ต้องแสดงตัวให้ปรากฏว่าไม่มี
    ประสิทธิภาพ
    หากท่านจะบุกโจมตีข้าศึกจากพื้นที่ใกล้ๆก็ต้องทำให้ดูเหมือนว่าอยู่ไกล หากจะจู่โจม
    จากที่ห่างไกลก็ต้องทำเสมือนจะมาจากที่ใกล้ๆ
    ดึงข้าศึกให้เขามาหาเรา ให้เราได้เปรียบ แล้วทำให้ข้าศึกสับสน
    เมื่อข้าศึกพร้อมรบสมบูรณ์ เราต้องเตรียมรบให้พร้อมเช่นกัน; หากข้าศึกมีกำลังทัพ
    เข้มแข็งเราก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่เข้ารบด้วย
    ใช้ความโกรธยั่วโมโหข้าศึกให้ปั่นป่วน
    ใช้ความอ่อนโยนนอบน้อมหลอกให้ข้าศึกตายใจ
    ทำให้ข้าศึกอ่อนแรง โดยที่เราถอยหนีให้ข้าศึกไล่ตาม
    โจมตีตอนที่ข้าศึกไม่ทันเตรียมพร้อม เคลื่อนทัพตอนที่ข้าศึกไม่คาดคิด”
    การจัดรูปแบบกองทัพและกระบวนรบทางทหารจะต้องไม่ให้แพร่งพรายออกไปถึง
    ข้าศึกก่อนล่วงหน้าการรบ
    ฝ่ายที่คิดหาทางรบเพื่อให้ได้ชัยชนะตั้งแต่ยังอยู่ในค่าย ก่อนที่จะออกไปรบจริง ฝ่าย
    นั้นแหละจะเป็นผู้มียุทธศาสตร์สู่ชัยชนะ ฝ่ายที่คิดแล้วว่าจะไม่มีความสามารถต้าน
    ข้าศึกได้ คิดแบบนี้ตั้งแต่ยังอยู่ในค่ายก่อนออกรบก็จะเป็นฝ่ายที่มียุทธศาสตร์การรบ
    น้อยและด้อยกว่า ฝ่ายที่มียุทธศาสตร์การรบมากและหลากหลายจะเป็นฝ่ายชนะ ฝ่าย
    ที่มียุทธศาสตร์น้อยกว่าจะเป็นฝ่ายแพ้ ฝ่ายที่ไม่มียุทธศาสตร์ใดๆเลยก็ยิ่งจะเป็นฝ่าย
    แพ้แน่นอนมากยิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว”

    ในบทที่ 2 การดำเนินสงคราม

    ตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อสอนว่า ขณะที่กำลังรบอยู่นั้น หากกำลังชนะอยู่ แล้วยังต้องรบต่อไปยาวนาน มันจะทำให้กองทัพเหนื่อยล้า มีดหอกจะหมดคมดาบ ถ้ายึดป้อมค่ายปราการศัตรูได้ เหล่าทหารก็จะเหนื่อยอ่อน หากท่านให้ทหารอยู่ในสนามรบนานเกินไปเสบียงกรังและยุทธปัจจัยก็จะร่อยหรอไม่พอเพียง ดังนั้นจงรู้ไว้ว่าในปฏิบัติการทางทหารนั้นชัยชนะเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่การรบที่อึดทนยืนหยัดยาวนาน

    สำนวนของอาจารย์เสถียร วีรกุล แปลไว้ดังนี้ :
    “ปราชญ์ซุนวูกล่าวว่า ในการเคลื่อนพลนั้น ต้องมีรถศึกเทียมด้วยม้าสี่ และรถพิทักษ์หุ้มเกราะหนังอย่างละพันคัน พลรบนับแสนพร้อมด้วยเครื่องรบ ต้องลำเลียงเสบียงอาหารในระยะทางำกลนับพันโยชน์ มีค่าใช้จ่ายทั้งภายในและภายนอกประเทศ รายจ่ายในการรับรองทูตานุทูต ค่าเครื่องอุปกรณ์อาวุธ เช่นกาวหรือยางไม้ ค่าซ่อมแซมเครื่องรบนานาชนิด ต้องใช้จ่ายวันละพันตำลึงทอง จึงสามารถยกพลจำนวนแสนนี้ได้”
    “ดังนั้นการนำพลเข้าโรมรัน หลักสำคัญคือ รีบคว้าเอาชัยชนะโดยพลัน ถ้าปล่อยให้การรบยืดเยื้อแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์จะลดความคมกล้า ขวัญทหารนับวันจะเสื่อมโทรม เมื่อคิดจะโหมเข้าหักเมือง กำลังรี้พลก็อ่อนเปลี้ยเสียแล้ว กองทัพต้องติดศึกอยู่นานวันฉะนี้ การคลังของประเทศก็จะเข้าตาจน”
    “เพราะฉะนั้น การทำสงครามพึงเผด็จศึกเร็ววัน ไม่ควรช้าอยู่ ฉะนั้นขุนพลผู้รอบรู้การศึก เขาคือวีรบุรุษผู้กำความเป็นตายของผองนิกร และผู้แบกไว้ซึ่งภาระอันจะยังความร่มเย็นหรือทุกข์เข็นแก่ประเทศชาตินั้นแล”

บทที่ 3 ยุทโธบาย 
    ว่าด้วยอุบายในการยุทธ ว่าด้วยแผนการรบเพื่อยึดเมืองของศัตรู ดังชื่อบทที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Planning a Siege” ความสำคัญ หรือหัวใจของการรบให้ได้ชัยชนะอย่างแท้จริงและอย่างดีที่สุดอยู่ที่ต้นบทนี้ และข้อความหรือคำสอนที่โด่งดังจำกันได้เป็นอมตะอยู่ที่ท้ายบทนี้ อ่านทั้งหมดในบทนี้และปฏิบัติให้ได้ตามที่สอน การศึกสงครามก็จะจบลงด้วยชัยชนะโดยพลัน
    เริ่มต้นย่อหน้าแรกของฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Thomas Clearly อ้างคำสอนของซุนจื่อว่า:
    Master Sun: 
    “The general rule for use of the military is that it is better to keep a nation             intact than to destroy it. It is better to keep an army intact than to destroy it,     better to keep a division intact than to destroy it, better to keep a battalion             in tact than to destroy it, better to keep a unit intact than to destroy it.”
    แปลตรงตัวได้ว่า: “กฎการใช้กำลังทหารทั่วไปนั้นมีว่า การเก็บรักษาประเทศของศัตรู
    ไว้ให้สมบูรณ์จะดีกว่าทำลายให้พินาศ  เก็บรักษากองทัพศัตรูไว้ดีกว่าการทำให้ย่อยยับ 
    เก็บรักษากองพลศัตรูไว้ดีกว่าทำลายมัน เก็บกองพันเอาไว้ดีกว่าทำลายมัน เก็บหมวด
    ทหารเอาไว้ก็ดีกว่าจะไปทำลายมันสิ้นเช่นกัน.”
    “Therefore those who win every battle are not really skillful—those who 
    render others’ armies helpless without fighting are the best of all.”
    “ดังนั้นฝ่ายที่รบชนะทุกสมรภูมินั้นถือว่าไม่มีทักษะการสงครามที่ดีแท้จริง - แต่ฝ่ายที่
    ทำให้ศัตรูหมดทางสู้ โดยยังไม่ทันได้ออกแรงรบ คือฝ่ายที่ดีที่สุดยิ่งกว่าใคร.”


    อาจารย์เสถียร วีรกุล แปลอย่างกระชับดังนี้:
    “ปราชญ์ซุนวูกล่าวว่า การทำสงคราม โดยไม่ต้องทำลายเมือง นับว่าเป็นวิธีอัน                ประเสริฐยิ่ง รองลงมาก็คือหักเอาโดยไม่ต้องทำลายกองพล รองลงมาอีกก็คือ การ            เอาชนะโดยไม่ต้องทำลายกองพัน เลวกว่านั้นก็อย่าให้ถึงทำลายกองร้อย หรือทำลาย            กระทั่งหมวดหมู่เลย.”

    “เพราะฉะนั้น การชนะร้อยทั้งร้อย มิใช่วิธีอันประเสริฐแท้ แต่ชนะโดยไม่ต้องรบเลย             จึ่งถือว่าวิเศษยิ่ง.”

    ชัยชนะก่อนจะถึงการรบจริงๆ ตามคำสอนของซุนจื่อ ถือเป็นชัยชนะอังพึงประสงค์และประเสริฐยิ่งกว่าการทำศึกสงครามโรมรันฆ่าฟันทำลายชีวิตและบ้านเมืองทรัพย์สิน
    ส่วนการทำสงครามการค้าระหว่างประเทศในปี 2025/2568 นั้น สหรัฐอเมริกาประกาศสงครามก่อนโดยไม่มีเหตุชะนวนสงครามมาก่อน รบเลย เสียหายทันที หลายชาติขอเจรจาสงบศึกแม่เพียงได้ข่าวประกาศสงครามและเริ่มลิ้มรสความเสียหายเพียงบางส่วน มีบางประเทศประกาศสู้ด้วยการประกาศภาษีศุลกากรโต้กลับ เช่นแคนาดา เม็กซิโก และยุโรป แต่หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยยอมแพ้ขอเจรจาต่อรองเพื่อสงบศึก 
    สำหรับจีนประกาศสู้กลับทันทีและจะไม่ยอมสยบหรือถอยจนถึงที่สุด เมื่อจีนมีตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อ มีหรือที่จีนจะพ่ายสหรัฐฯ เพื่อสงครามการค้าครั้งนี้เป็นบทเรียนพิชัยสงคราม เราจึงเห็นควรนำบางส่วนของ “ตำราพิชัยสงครามซุนวู” มาพิจารณาคู่ขนานไปกับการสงครามที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้น

บทที่ 4 ลักษณะการยุทธ
บทที่ 5 ยุทธานุภาพ
บทที่ 6 ความตื้นลึกหนาบาง
บทที่ 7 การสัประยุทธ์ชิงชัย
บทที่ 8 นานาวิการ
บทที่ 9 การเดินทัพ
บทที่ 10 ลักษณะพื้นภูมิ
บทที่ 11 นวภูมิ
บทที่ 12 พิฆาตด้วยเพลิง

เก้าบทที่ตามมาเป็นรายละเอียดการรบที่อาจไม่จำเป็นที่จะอ้างอิงเทียบเคียงกับการทำสงครามการค้าได้โดยตรงนัก แม้จะสามารถปรับใช้ในชีวิตการงานและปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษยืได้เช่นกันก็ตาม คำสอนเชิงปรัชญาของซุนจื่อเอามาประยุกต์ใช้กับสงครามการค้าระหว่างประเทศจะมีคุณค่าพึงพิจารณาในบทสุดท้าย คือบทที่ 13

บทที่ 13 การใช้จารชน

    การใ้ช้สายลับในการทำศึกสงครามแบ่งเป็น 5 ประเภท คือ
    1. สายลับในท้องถิ่น
    2. สายลับภายในฝ่ายศัตรู หรือไส้ศึก
    3. สายลับสองหน้า แปลงสายลับของฝ่ายศัตรูให้ทำงานให้เรา
    4. สายลับที่ตายแล้ว และ
    5. สายลับที่ยังมีชีวิตอยู่
    หากรู้จักใช้การข่าวจากสายลับทั้งห้าประเภทก็จะช่วยให้การรบมุ่งสู่ชัยชนะได้ แม้สายลับที่ตายแล้วก็ยังมีประโยชน์เพราะที่ตายก็เพราะส่งข่าวปลอมให้ศัตรู สายลับที่ไม่ตายก็กลับมาส่งข่าวที่ได้มานำมาใช้เป็นประโชน์ได้

    ในเรื่องการข่าวและสายลับนี้ ซุนจื้อทันสมัยและสอนเป็นหลักวิทยาศาสตร์มาก โดย
    สอนว่า:

    “ดังนี้แล้ว สิ่งที่ทำให้รัฐบาลที่ชาญฉลาด และแม่ทัพผู้ทรงภูมิปัญญาเอาชนะฝ่ายตรง            ข้ามได้อย่างเป็นพิเศษ คือการข่าว การรู้ข้อมูลข่าวสารล้วงหน้า การข่าวลjวงหน้า
    นั้นมิได้มาจากภูติผี โหราจารย์ หรือการคำนวณตัวเลขใดๆ มันจะได้มาจากคน
    เท่านั้น ได้จากคนที่รู้เงื่อนไขข่าวสารจากศัตรู” 

    ซุนจื้อสอนว่า “ชัยชนะโดยไม่ต้องรบ” เป็นชัยชนะที่ดีที่สุด
    และถ้าจำเป็นจะต้องรบกันจริงด้วยกำลังทัพในสมรภูมิ ซุนจื้อสอนว่า:

    “มีอยู่ 5 หนทางในการประเมินให้รู้ล่วงหน้าว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ :    
  1. ฝ่ายที่รู้ว่าจะรบหรือไม่รบเวลาใด จะเป็นฝ่ายชนะ    
  2. ฝ่ายที่รู้ว่าจะใช้กำลังมากน้อยพอดีเท่าไร จะเป็นฝ่ายชนะ
  3. ฝ่ายที่ทหารระดับบนและระดับล่างมีกำลังใจสู้รบเพื่อชัยชนะเหมือนกัน จะเป็นฝ่ายชนะ
  4. ฝ่ายที่เผชิญหน้ากับฝ่ายที่ไม่มีความพร้อมด้วยความพร้อมจะเป็นฝ่ายชนะ
  5. ฝ่ายที่แม่ทัพมีความสามารถและไม่ถูกจำกัดแทรกแซงจากฝ่ายรัฐบาลจะเป็นฝ่ายชนะ

    นี่เป็นบางส่วน แต่เป็นหลักการสำคัญของ “The Art of War” - “ศิลปะการสงคราม” - หรือ “ตำราพิชัยสงคราม” ของซุนจื้อ เมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว 

    และจีนกำลังใช้ทำสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาอยู่ในศตวรรษที่ 21 เวลานี้

    สหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดี Donald Trump กำลังสร้างศัตรูกับทุกประเทศทั่วโลก เป็นคนไม่อ่านหนังสือ เป็นรัฐบาลของกลุ่มคนที่ยะโสโอหังกร่างทับชาติอื่นๆและท้าทายจีนที่เป็นอาณาจักรเกรียงไกรอยู่มาแต่ยุคโบราณนาน 5,000 ปี  ตั้งแต่ครั้งที่โลกยังไม่มีประเทศชื่อสหรัฐอเมริกา ชัยชนะในสงครามการค้าครั้งนี้จะเป็นของจีนในที่สุดเพราะตำราพิชัยสงครามเป็นตำราจีนที่ใช้รบมานานอย่างได้ผล 
    หากจบเร็วก็จะพิสูจน์ตำราพิชัยสงครามของซุนจื้อที่ว่า
    ชัยชนะจะเป็นของฝ่ายที่รู้เขารู้เรา 
    และหากรบชนะโดยไม่ต้องรบจะเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์ที่สุด 

    สหรัฐจะยอมพ่ายแพ้โดยไม่ถึงกับเสียหายมากเหมือนถูกยึดเมืองจนล่มสลายตามตำราที่เตือนไว้แล้ว ส่วนจีนก็จะเสียหายในระดับหนึ่งเพราะจีนบอกแล้วว่าสงครามการค้านั้นต่างกับสงครามสู้รบทั่วไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ เพราะสงครามการค้ามีแต่แพ้ทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครชนะ 

    ซุนจื่อมิได้สอนเรื่องสงครามการค้า เพราะโลกโบราณเป็นโลกของการค้าเสรี


    “ใครใครค้าช้างค้า ใครใคร่ค้าม้าค้า เจ้าเมืองบ่เอาจกอบ” 
    
    นั้นคือเจ้าเมืองไม่เก็บภาษีศุลกรแต่อย่างใด เป็นการค้าเสรีที่ประวัติศาสตร์ไทย
    บันทึกไว้แต่สมัยสุโขทัย


สมเกียรติ อ่อนวิมล
18 เมษายน 2568








THAIVISION®
REFLECTION ON EVENTS ON PLANET EARTH AND BEYOND 
​©2023 All Rights Reserved  Thai Vitas Co.,Ltd.  Thailand  
✉️
​
[email protected]
  • REFLECTION
    • MORNING WORLD >
      • THAKSIN and ASEAN
      • THAKSIN 2010
      • BOBBY SANDS
    • IN CONTEXT >
      • CLASS WAR IN THAILAND?
      • ราชอาณาจักรแห่งบ่อนการพนัน
      • หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
      • SINGAPORE VS TRUMP'S TARIFF
      • สงครามการค้า สหรัฐฯ vs. ไทย
      • IN CONTEXT 17/2024 [Earth Day 1970-2024]
      • IN CONTEXT 16/2024
      • IN CONTEXT 15/2024
      • IN CONTEXT 14/2024
      • IN CONTEXT 13/2024
      • IN CONTEXT 12/2024
      • IN CONTEXT 11/2024
      • IN CONTEXT 10/2024
      • IN CONTEXT 9/2024
      • IN CONTEXT 8/2024
      • IN CONTEXT 7/2024
      • IN CONTEXT 6/2024
  • ON PLANET EARTH
    • EARTH
    • THE WORLD >
      • SCAM INC. (The Economist)
      • SOUTH-EAST ASIAN SEA
  • THAILAND
    • THE MONARCHY >
      • THE MONARCHY IN WORLD FOCUS
      • 9th KING BHUMIBOL- RAMA IX >
        • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
        • Queen Sirikit 1979
        • THE KING'S WORDS
        • THE KING AND I
      • 5th KING CHULALONGKORN >
        • KING CHULALONGKORN THE TRAVELLER
        • KING CHULALONGKORN THE INTERNATIONALIST
      • PHRA THEP (PRINCESS SIRINDHORN)
    • DEMOCRACY IN THAILAND
    • NATIONAL PARKS OF THAILAND >
      • KHAO YAI NATIONAL PARK
      • PHA TAEM NATIONAL PARK
      • PHU WIANG NATIONAL PARK
      • NAM NAO NATIONAL PARK
      • PHU HIN RONG KLA NATIONAL PARK
      • PHU KRADUENG NATIONAL PARK
      • PHU RUEA NATIONAL PARK
      • MAE YOM NATIONAL PARK
      • DOI SUTHEP-PUI NATIONAL PARK
      • DOI INTHANON NATIONAL PARK
      • THONG PHA PHUM NATIONAL PARK
      • KAENG KRACHAN NATIONAL PARK
      • MU KO ANG THONG NATIONAL PARK
      • MU KO SURIN NATIONAL PARK
      • MU KO SIMILAN NATIONAL PARK
      • HAT NOPPHARATA THARA - MU KO PHI PHI NATIONAL PARK
      • MU KO LANTA NATIONAL PARK
      • TARUTAO NATIONAL PARK
    • THAKSIN and ASEAN
  • AND BEYOND
  • THE LIBRARY
    • THE ART OF WAR by SUN TZU
    • SUFFICIENCY ECONOMY BY KING BHUMIBOL OF THAILAND
    • SOFT POWER (Joseph Nye, Jr.)
    • CONVERSATIONS WITH THAKSIN by Tom Plate
    • THE GREAT ILLUSION/Norman Angell
    • MORNING WORLD BOOKS >
      • CASINO ROYALE
      • 1984
      • A BRIEF HISTORY OF TIME
      • A HISTORY OF THAILAND
      • CONSTITUTION OF THE UNITED STATES
    • SCIENCE >
      • ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
      • HUMAN
    • DEMOCRACY IN AMERICA
    • FIRST DEMOCRACY
    • JOHN MUIR
    • MODELS OF DEMOCRACY
    • MULAN
    • THE VOYAGE OF THE BEAGLE
    • ON THE ORIGIN OF SPECIES
    • PHOOLAN DEVI
    • THE REPUBLIC
    • THE TRAVELS OF MARCO POLO
    • UTOPIA
    • A Short History of the World [H.G.Wells]
    • WOMEN OF ARGENTINA
    • THE EARTH : A Very Short Introduction
    • THE ENGLISH GOVERNESS AT THE SIAMESE COURT
    • TIMAEUAS AND CRITIAS : THE ATLANTIS DIALOGUE
    • HARRY POTTER
    • DEMOCRACY / HAROLD PINTER
    • MAGNA CARTA
    • DEMOCRACY : A Very Short Introduction
    • DEMOCRACY / Anthony Arblaster]
    • DEMOCRACY / H.G. Wells
    • ON DEMOCRACY / Robert A. Dahl)
    • STRONG DEMOCRACY
    • THE CRUCIBLE
    • THE ELEMENTS OF STYLE
    • THE ELEMENTS OF JOURNALISM | JOURNALISM: A Very Short Introduction
    • LOVE
    • THE EMPEROR'S NEW CLOTHES
    • THE SOUND OF MUSIC
    • STRONGER TOGETHER
    • ANIMAL FARM
    • POLITICS AND THE ENGLISH LANGUAGE
    • GEORGE ORWELL
    • HENRY DAVID THOREAU >
      • WALDEN
    • MAHATMA GANDHI
    • THE INTERNATIONAL ATLAS OF LUNAR EXPLORATION
    • พระมหาชนก
    • ติโต
    • นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ | A Man Called Intrepid
    • แม่เล่าให้ฟัง
    • SUFFICIENCY ECONOMY
    • พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง
    • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
    • ... คือคึกฤทธิ์
    • KING BHUMIBOL ADULYADEJ: A Life's Work
    • THE KING OF THAILAND IN WORLD FOCUS
    • พระราชดำรัสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ >
      • THE KING'S WORDS
    • TESLA INTERVIEW 1926
  • IN MY OPINION
  • S.ONWIMON
    • MY STORY
    • THE DISSERTATION
    • THE WORKS >
      • BROADCAST NEWS & DOCUMENTARIES
      • SPIRIT OF AMERICA
      • THE ASEAN STORY
      • NATIONAL PARKS OF THAILAND
      • HEARTLIGHT: HOPE FOR AUTISTIC CHILDREN IN THAILAND
    • SOMKIAT ONWIMON AND THE 2000 SENATE ELECTION
    • KIAT&TAN >
      • TAN ONWIMON >
        • THE INTERVIEW
    • THAIVISION