ในบริบท ของ สมเกียรติ อ่อนวิมล IN CONTEXT of Somkiat Onwimon WK13/2024 [8] Soft Power - 7: Chapter One - Terrorism and the Privatization of War Soft Power - 7: บทที่หนึ่ง - การก่อการร้าย กับ สงครามเป็นส่วนตัว
[7]
การก่อการร้าย กับ สงครามเป็นส่วนตัว (Terrorism and the Privatization of War)
ดังนั้นระบบ Internet จึงกลายเป็นเครื่องมือสร้างประสิทธิภาพในการก่อการร้ายระดับนานาชาติ หรือระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดีแบบที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในยุคของ Joseph Conrad หรือ Ian Fleming’s James Bond 007 หลังเหตุการณ์ 9/11 การให้สัมภาษณ์ และวิดีโอเทปจาก Bin Laden แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก สร้างอำนาจมหาศาลให้กับนักรบเพื่อเสรีภาพหรือผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ในชั่วพริบตาผ่านระบบ Internet ศาสตราจารย์ Joseph Nye, Jr. กล่าวว่า: “Terrorism depends crucially on soft powerful for its ultimate victory. It depends on its ability to attract support from the crowd at least as much as its ability to destroy the enemy’s will to fight.” “การก่อการร้าย หากจะให้ได้ชัยชนะในที่สุดนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งอำนาจน่มนวลหรือ Soft Power ผู้ก่อการร้ายต้องพึ่งพลังอำนาจในการดึงดูดใจให้ ผู้คนสนับสนุนปฏิบัติการของพวกเขา เท่าๆกับที่ต้องการทำลายขวัญกำลังใจในการสู้รบของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ศัตรูถอดใจที่จะสู้ต่อไป” แนวโน้มชุดที่สอง นี่เป็นการสะท้อนความเปลี่ยนแปลงในแรงจูงใจและการบริหารจัดการของพวกผู้ก่อการร้าย ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 กลุ่มผู้ก่อการร้ายโดยทั่วไปมักจะมีเป้าหมายทางการเมืองชัดเจน และจะปฏิบัติการทำลายกลุ่มชนจำนวนมากๆในวงกว้าง ทั้งๆที่ผู้ก่อการร้ายนั้นเพียงต้องการให้มีคนจำนวนมากเห็นภาพเหตุการณ์ ไม่ใช่ว่าต้องการจะให้เห็นเหตุการณ์ที่มีคนตายเป็นจำนวนมาก การก่อการร้ายแบบที่ว่านี้มักจะได้รับการหนุนหลังเงียบๆจากรัฐบาล เช่นรัฐบาล Libya และ Syria พอมาถึงปลายศตวรรษที่ 20 มีการแตกตัวออกมาจากกลุ่มกิจกรรมรุนแรงเกี่ยวโยงกับศาสนา มาเป็นกลุ่มปลีกย่อยต่างๆ ปฏิบัติการก่อการร้ายรุนแรงและมากกลุ่มขึ้น ดังตัวอย่างที่เห็นคนหนุ่มมุสลิมจำนวนมากอาสาสมัครไปรบต่อสู้กับสหภาพโซเวียตที่ยึดครอง Afghanistan ในช่วงปี 1979-1989 อาสาสมัครหนุ่มมุสลิมเหล่านั้นจึงได้เข้าไปรับการฝึกเป็นนักรบด้วยเทคนิควิธีการต่างๆ มีจำนวนมากที่ได้กลายเป็นสมาชิกกลุ่มนักรบเพื่อศาสนาที่เรียกว่า Jihad หากเทียบกับอดีตก่อนยุคนักรบ Jihad เพื่อพระเจ้าหรือศาสนา การก่อการร้ายแบบขวาจัด ซ้ายจัด ขบวนการแยกดินแดน ขบวนการชาตินิยม ในยุคก่อนจะไม่มีโอกาสผันแปรไปเป็นนักรบอุดมการณ์ศาสนาแบบที่ว่านี้ได้ เพราะโอกาส และเทคโนโลยีมิได้ก้าวหน้าและเข้าถึงกันได้อย่างสะดวกเสรีเท่าศตวรรษที่ 21 การก่อการร้ายในวันนี้จึงเหี้ยมโหดและบ่อยครั้งที่ไม่แยกแยะเป้าทำลายอันเป็นชีวิตของผู้คนพลเมืองผู้บริสุทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งโดยตรง กลุ่มผู้ก่อการร้ายยุคเทคโนโลยีก้าวหน้าวันนี้ก่อการร้ายทำลายชีวิตโดยไม่เลือก ไม่เว้น ไม่ไตร่ตรอง แนวโน้มแบบที่สองนี้ได้รับการเสริมความคิดให้สุดโต่งมากขึ้นด้วยการเปลี่ยนแรงจูงใจในปฎิบัติการ จากเป้าหมายแคบๆทางการเมืองมาเป็นเป้าหมายเชิงพันธะสัญญาถึงโลกหน้าหรือชีวิตใหม่ในโลกหน้าเลยทีเดียว “แต่ก็โชคดี” ศาสตราจารย์ Joseph Nye, Jr. กล่าว, “ต่างจากกลุ่มคอมมิวนิสต์ และ ฟาสต์ซิสต์ ที่การก่อการร้ายแบบนี้ไม่ได้รับความสนใจเข้าร่วมจากผู้คนนอกกลุ่มชุมชนอิสลาม แต่เพียงแค่กลุ่มอิสลามก็มีพลเมืองให้เลือกได้เป็นพันล้านคน อีกด้านหนึ่งก็พบว่ามีการจัดการองค์กรแบบใหม่ด้วย ดูกลุ่ม Al Qaeda เป็นตัวอย่างก็ได้ พวก Al Qaeda มีเครือข่ายอยู่ใน 60 ประเทศโดยประมาณ รวมจำนวนคนนับพันหรือหมื่น ซึ่งเป็นพัฒนาการบริหารจัดการปฏิบัติการก่อการร้ายที่กว้างไกลและร้ายแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หรือแม้จะดูเฉพาะกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายขนาดเล็ก ก็ยังเป็นการยากที่ฝ่ายตรงข้ามจะแทรกซึมเข้าไปต่อสู้กวาดล้างไปได้ง่ายๆ ต่างกับในอดีตที่กลุ่มก่อการร้ายเชื่อมโยงอำนาจรัฐเสมือนกึ่งๆกองกำลังของกองทัพของรัฐ” ที่เป็นเป้าให้ฝ่ายตรงข้ามจัดการได้สะดวกกว่า.
ศาสตราจารย์ Joseph Nye, Jr. ยกชื่อเผด็จการผู้โหดร้ายในอดีตมา 3 คน คือ Adolf Hitler, Joseph Stalin, และ Pol Pot (พอลพต) จอมเผด็จการทั้งสามคนนี้อยู่ในยุคอดีตที่การฆ่าคนจำนวนมากจำต้องอาศัยอำนาจรัฐ กลไกรัฐทั้งองคาพยพ คือทั้งระบบอำนาจที่รัฐพึงจัดให้ได้ทั้งหมด ทำให้ฆ่าคนในรูปแบบเดิมได้นับล้าน โดยไม่ต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีสมัยใหม่ตามที่เปรียบเทียบกับปัจจุบัน “วันนี้มันเป็นเรื่องง่ายดายนักที่จะจินตนาการเห็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลก่อการร้ายด้วยความรุนแรงสุดโต่ง ฆ่าคนได้เป็นล้านโดยไม่ต้องพึ่งกองทัพหรือโครงสร้างการทหารหรือกลไกของรัฐเป็นทางการ นี่แหละคือ ‘การทำสงครามเป็นส่วนตัว’ โดยแท้ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงการเมืองโลกอย่างเหลือจะบรรยาย และยิ่งไปกว่านั้น มันจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติแห่งอารยธรรมของสังคมเมืองอย่างมหันต์ เป็นอีกก้าวหนึ่งของการก่อการร้ายที่รุนแรงขยายวงกว้างยิ่งขึ้นมาก จะเกิดอะไรขึ้นกับคนในเมืองที่กลัวที่จะอาศัยอยู่ในเมืองต่อไป ถ้าการก่อการร้ายมิได้ต้องการเพียงจะระเบิดอาคารสูงสองอาคาร หากแต่ต้องการทำลายครึ่งล่างของเกาะ Mahattan ของ New York หรือระเบิด London ทิ้งไปครึ่งหนึ่งที่เป็นใจกลางเมือง หรือทำลายฝั่งซ้ายของกรุง Paris ให้พินาศราบสิ้นไป”
จินตนาการนี้ได้ผลเท่ากับการทำลายศิลปะ วัฒนธรรม อารยธรรม และวิถีชีวิตของพลเมืองที่เป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, และฝรั่งเศส ไปเลยทีเดียว ในทศวรรษที่ 1970s กลุ่มก่อการร้ายของ Italy คือพวก Red Brigades, Ireland มี กองทัพ IRA, และ Spain มีกลุ่ม ETA ของพวก Basque แยกดินแดน แต่ปัจจุบันนี้การก่อการร้ายเปลี่ยนรูปแบบวิธีการไปแล้ว การต่อสู้ จัดการ กับกระบวนการก่อการร้ายจะต้องไม่ใช่แบบที่ทำไปตามปรกติตามแต่สถานการณ์อย่างที่ทำๆกันมาก่อนหน้านี้ ทัศนะที่เห็นการรบรับกับผู้ก่อการร้ายตามแบบเดิมๆใช้ไม่ได้แล้ว อำนาจแข็งของอาวุธยุทโธปกรณ์และอำนาจเงินจะใช้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายสมัยใหม่ไม่ได้และไม่พอ รัฐบาลแห่งโลกเสรีประชาธิปไตยจำเป็นต้องใช้ Soft Power ให้มากเช่นเดียวกันกับที่ผู้ก่อการร้ายก็ใช้ Soft Power เทำนองเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นแสนยานุภาพของ Soft Power ว่ามีความสำคัญไม่น้อยกว่า หรืออาจจะมากกว่า Hard Power ด้วยซ้ำไป
มาถึงตอนนี้น่าจะเป็นที่พอเข้าใจดีแล้วว่า ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน การใช้ Soft Power เพื่อดึงดูด เป็นพลังให้รักไหลหลง หรือ Attraction ช่วยให้นิยมชมชื่นเข้ามาเป็นกำลังสนับสนุนสู่เป้าประสงค์ตามที่ปรารถนาได้
Hard Power เป็นพลังอำนาจเก่าแก่ที่มนุษย์ใช้มานาน ส่วน Soft Power ก็มีอยู่คู่มนุษย์มายาวนานพอๆกันแต่รัฐมองไม่เห็น วัดค่าไม่เป็น แยกไม่ออกถึงพลานุภาพในกุศโลยายการเมืองระหว่างประเทศ กระทั่งได้รับการศึกษาวิเคราะห์เป็นวิชาการ พลังอำนาจนุ่มนวลที่มีอยู่แต่เดิมเพียงแต่ไม่มีชื่อเรียกจึงได้รับนิยามใหม่เป็นทางการว่า
สัปดาห์หน้า เรื่อง Soft Power ของศาสตราจารย์ Joseph Nye, Jr. จะอธิบายเรื่องสัมพันธภาพระหว่าง Hard Power และ Soft Power กับอำนาจทั้งมวลในโลกยุคข้อมูลข่าวสารสารสนเทศ.