THAIVISION
  • REFLECTION
    • MORNING WORLD >
      • THAKSIN and ASEAN
      • THAKSIN 2010
      • BOBBY SANDS
    • IN CONTEXT >
      • CLASS WAR IN THAILAND?
      • ราชอาณาจักรแห่งบ่อนการพนัน
      • หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
      • SINGAPORE VS TRUMP'S TARIFF
      • สงครามการค้า สหรัฐฯ vs. ไทย
      • IN CONTEXT 17/2024 [Earth Day 1970-2024]
      • IN CONTEXT 16/2024
      • IN CONTEXT 15/2024
      • IN CONTEXT 14/2024
      • IN CONTEXT 13/2024
      • IN CONTEXT 12/2024
      • IN CONTEXT 11/2024
      • IN CONTEXT 10/2024
      • IN CONTEXT 9/2024
      • IN CONTEXT 8/2024
      • IN CONTEXT 7/2024
      • IN CONTEXT 6/2024
  • ON PLANET EARTH
    • EARTH
    • THE WORLD >
      • SCAM INC. (The Economist)
      • SOUTH-EAST ASIAN SEA
  • THAILAND
    • THE MONARCHY >
      • THE MONARCHY IN WORLD FOCUS
      • 9th KING BHUMIBOL- RAMA IX >
        • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
        • Queen Sirikit 1979
        • THE KING'S WORDS
        • THE KING AND I
      • 5th KING CHULALONGKORN >
        • KING CHULALONGKORN THE TRAVELLER
        • KING CHULALONGKORN THE INTERNATIONALIST
      • PHRA THEP (PRINCESS SIRINDHORN)
    • DEMOCRACY IN THAILAND
    • NATIONAL PARKS OF THAILAND >
      • KHAO YAI NATIONAL PARK
      • PHA TAEM NATIONAL PARK
      • PHU WIANG NATIONAL PARK
      • NAM NAO NATIONAL PARK
      • PHU HIN RONG KLA NATIONAL PARK
      • PHU KRADUENG NATIONAL PARK
      • PHU RUEA NATIONAL PARK
      • MAE YOM NATIONAL PARK
      • DOI SUTHEP-PUI NATIONAL PARK
      • DOI INTHANON NATIONAL PARK
      • THONG PHA PHUM NATIONAL PARK
      • KAENG KRACHAN NATIONAL PARK
      • MU KO ANG THONG NATIONAL PARK
      • MU KO SURIN NATIONAL PARK
      • MU KO SIMILAN NATIONAL PARK
      • HAT NOPPHARATA THARA - MU KO PHI PHI NATIONAL PARK
      • MU KO LANTA NATIONAL PARK
      • TARUTAO NATIONAL PARK
    • THAKSIN and ASEAN
  • AND BEYOND
  • THE LIBRARY
    • THE ART OF WAR by SUN TZU
    • SUFFICIENCY ECONOMY BY KING BHUMIBOL OF THAILAND
    • SOFT POWER (Joseph Nye, Jr.)
    • CONVERSATIONS WITH THAKSIN by Tom Plate
    • THE GREAT ILLUSION/Norman Angell
    • MORNING WORLD BOOKS >
      • CASINO ROYALE
      • 1984
      • A BRIEF HISTORY OF TIME
      • A HISTORY OF THAILAND
      • CONSTITUTION OF THE UNITED STATES
    • SCIENCE >
      • ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
      • HUMAN
    • DEMOCRACY IN AMERICA
    • FIRST DEMOCRACY
    • JOHN MUIR
    • MODELS OF DEMOCRACY
    • MULAN
    • THE VOYAGE OF THE BEAGLE
    • ON THE ORIGIN OF SPECIES
    • PHOOLAN DEVI
    • THE REPUBLIC
    • THE TRAVELS OF MARCO POLO
    • UTOPIA
    • A Short History of the World [H.G.Wells]
    • WOMEN OF ARGENTINA
    • THE EARTH : A Very Short Introduction
    • THE ENGLISH GOVERNESS AT THE SIAMESE COURT
    • TIMAEUAS AND CRITIAS : THE ATLANTIS DIALOGUE
    • HARRY POTTER
    • DEMOCRACY / HAROLD PINTER
    • MAGNA CARTA
    • DEMOCRACY : A Very Short Introduction
    • DEMOCRACY / Anthony Arblaster]
    • DEMOCRACY / H.G. Wells
    • ON DEMOCRACY / Robert A. Dahl)
    • STRONG DEMOCRACY
    • THE CRUCIBLE
    • THE ELEMENTS OF STYLE
    • THE ELEMENTS OF JOURNALISM | JOURNALISM: A Very Short Introduction
    • LOVE
    • THE EMPEROR'S NEW CLOTHES
    • THE SOUND OF MUSIC
    • STRONGER TOGETHER
    • ANIMAL FARM
    • POLITICS AND THE ENGLISH LANGUAGE
    • GEORGE ORWELL
    • HENRY DAVID THOREAU >
      • WALDEN
    • MAHATMA GANDHI
    • THE INTERNATIONAL ATLAS OF LUNAR EXPLORATION
    • พระมหาชนก
    • ติโต
    • นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ | A Man Called Intrepid
    • แม่เล่าให้ฟัง
    • SUFFICIENCY ECONOMY
    • พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง
    • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
    • ... คือคึกฤทธิ์
    • KING BHUMIBOL ADULYADEJ: A Life's Work
    • THE KING OF THAILAND IN WORLD FOCUS
    • พระราชดำรัสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ >
      • THE KING'S WORDS
    • TESLA INTERVIEW 1926
  • IN MY OPINION
  • S.ONWIMON
    • MY STORY
    • THE DISSERTATION
    • THE WORKS >
      • BROADCAST NEWS & DOCUMENTARIES
      • SPIRIT OF AMERICA
      • THE ASEAN STORY
      • NATIONAL PARKS OF THAILAND
      • HEARTLIGHT: HOPE FOR AUTISTIC CHILDREN IN THAILAND
    • SOMKIAT ONWIMON AND THE 2000 SENATE ELECTION
    • KIAT&TAN >
      • TAN ONWIMON >
        • THE INTERVIEW
    • THAIVISION


​somkiat onwimon

JUST DROPPING BY TO SEE ​HOW THINGS ARE ON PLANET EARTH
​WILL LEAVE SOON

คำปราศรัย เวทีมวลมหาประชาชน โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล  [พ.ศ. 2557]

[1] คำปราศรัย เวทีอโศก
[23 มกราคม 2557]

คำปราศรัย เวทีอโศก
โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล
21:00 น. 23 มกราคม 2557

[บทนำ]

ผมเป็นคนมองโลกสวยมายาวนานตลอดชีวิต 66 ปี

ผมเป็นคนที่กำนันสุเทพตัดพ้อต่อว่าบนเวทีมวลมหาประชาชนมากว่าเดือน ว่าเป็นพวกโลกสวย

แต่นับวันโลกของผมมันเริ่มจะไม่สวยมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมจึงมาที่นี่ มาอยู่กับท่าน มวลมหาประชาชน 
เพราะผมพบว่าที่นี่ คือโลกที่สวย สงบ งดงาม ที่แท้จริง!

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาผมได้อ่านบทความของสำนักวิจัยอเมริกันแห่งหนึ่ง ชื่อ INTERNATIONAL CRISIS GROUP เขาวิเคราะห์วิกฤติการเมืองไทยวันนี้ และวิเคราะห์การต่อสู้ของเรามวลมหาประชาชนไทยกลางกรุงเทพมหานครนี้ว่า การให้ปฎิรูปก่อนการเลือกตั้งเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง ไม่มีทางเลือกอื่น แต่เป็นทางเลือกที่เป็นความหวังที่อ่อนล้าเต็มที เปรียบเสมือนคนลอยคอกำลังจะจมน้ำ เพียงเกาะหญ้าปล้องน้อยที่ลอยปริ่มน้ำอยู่เท่านั้น.

แต่ องค์กรวิจัยระหว่างประเทศนี้ก็สรุปว่า “หญ้าปล้องน้อยที่ลอยความหวังปริ่มน้ำ” อยู่ที่กรุงเทพฯนี้ ก็เป็นความหวังเดียว ไ่มีความหวังอื่น ไม่มีทางเลือกอื่นใดเลย สำหรับการปฏิรูปประเทศไทยให้ดีขึ้นให้ทัดเทียมมาตรฐานอารยะประชาธิปไตย ในโลกมนุษย์ใบนี้

ผมมาที่นี่ในคืนนี้มิได้มาเพื่อเกาะหญ้าปล้องน้อยของมวลมหาประชาชน …… แต่มาเพื่อเป็นหญ้าอีกปล้องหนึ่ง เสริมความแข็งแกร่งแห่งความหวังของมวลมหาประชาชน ให้ความฝันที่เป็นความหวังลอยปริ่มน้ำอยู่ในขณะนี้ ได้กลายเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เป็นความจริงในการสร้าง “สังคมประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” ให้พวกเราทุกคน โดยเฉพาะลูกหลานของเราในปัจจุบันและในอนาคตได้อยู่ร่วมกันสร้างชีวิต … สร้างชาติ … สร้างแผ่นดิน …ให้มั่นคง มั่งคั่ง … รุ่งเรื่อง … บริสุทธิ์ … งดงาม … สดใส …และ ยั่งยืนตลอดไป.

…ให้ชาติไทยและคนไทยอยู่บนโลกมนุษย์ได้อย่างสง่างาม ทัดเทียมทุกชนชาติในโลก เป็นที่เคารพชื่นชมของพลเมืองชาติอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในโลก

ผมจึงมาที่นี่ เพื่อร่วมปฏิรูปประเทศไทยกับท่านทั้งหลาย 

ก่อนการเลือกตั้ง!

[ระบอบทักษิณ]

ประเทศไทยผ่านการปฏิรูปการเมืองมาแล้วหลายช่วงหลายตอน ส่วนใหญ่ก็ด้วยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ร่างแล้วร่างอีก ยึดอำนาจแล้วยึดอำนาจอีก จนเรามีรัฐธรรมนูญใช้แล้วถึง 18 ฉบับ แสดงความหวั่นไหว ระส่ำระสายในเรื่องประชาธิปไตยอย่างหาทางออกไม่เจอ จนวันนี้เราก็กำลังพยายามอย่างเหน็ดเหนื่อยยาวนานเพื่อล้มระบอบการบริหารประเทศที่ทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเป็นระบบกว้างใหญ่ครอบคลุมทั้งระบบราชการ สถาบันการเมือง และกลุ่มพวกผู้มีอำนาขธุรกิจการเมือง

ที่เราเรียกว่าระบอบทักษิณ

ผมรู้จัก พตท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร มาแต่แรกเริ่มครั้งที่ผมเป็นนักข่าวโทรทัศน์ในวัยหนุ่ม และคุณทักษิณเป็นนักธุรกิจกำลังไต่เต้าขึ้นสู้ความมั่งคั่งทางธุรกิจ และขยายอำนาจเข้าสู่การเมือง ตอนที่คุณทักษิณร่ำรวยมากขึ้นจนสังคมเห็นผิดสังเกตุ ผมยกมือลุกขึ้นถามในที่ประชุมฟังคุณทักษิณบรรยายว่า:

“คุณทักษิณร่ำรวยมากแล้ว ทำไม่จึงไม่จัดระบบและเงินงบประมาณของบริษัท AIS ชินคอร์ป แบ่งเงินเพื่อการวิจัยและพัฒนา (Reaseach and Development) ไว้บ้าง สัก 2-3% ของยอดเงินรายได้ของบริษัทในเครือ ดังเช่นบริษัทสำคัญในโลกเขาทำกัน เช่น Samsung ของเกาหลีใต้ที่กำลังเริ่มโดดเด่นในตอนนั้น?”

คุณทักษิณตอบผมว่า “การเอาเงินไปวิจัยเพื่อให้ได้นวัตกรรม ได้เทคโนโลยีใหม่ของตนเองมันสิ้นเปลืองเงินมาก ไม่คุ้มกัน”

คำตอบนี้ทำให้ผมไม่คิดว่าคุณทักษิณจะสร้างอาณาจักรธุรกิจอุตสาหกรรมอะไรให้เป็นอนาคตทางนวัตกรรมของระบบเศรษฐกิจไทย ผมจึงไม่เห็นคุณทักษิณจะมีคุณค่าอะไรมากไปกว่าคนมีเงินมากธรรมดา

มาในตอนที่คุณทักษิณพยายามเอาสัมปทาน IBC Cable TV จาก อสมท. แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ แถมเทคโนโลยีของตัวเองก็ไม่มี ต้องไปให้บริษัท Clear View จาก Hawaii มาร่วมทุนด้วย คุณทักษิณเชิญผมไปนั่งคุยด้วยที่สำนักงานใหญ่ของ IBC เป็นอาคารหลังเล็กๆย่านราชวัตร คุณทักษิณถามผมว่าผมจะคิดอย่างไร ถ้าคุณทักษิณจะเข้าไปเป็นผู้อำนวยการ อสมท. เพราะมันจะได้จัดการเอาสัมปทานให้ IBC ของตัวเองได้ง่ายๆ ตอนนั้นผมเป็นผู้สื่อข่าวและเป็นผู้ประกาศข่าวในฐานะบริษัทเอกชนเล็กๆร่วมงานกับข่าวช่อง 9 อสมท. ผมเดาว่าคุณทักษิณต้องการให้ผมร่วมเป็นพวกด้วย ผมก็ตอบคุณทักษิณไปว่า คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ จะเอาสัมปทานจาก อสมท. และจะเป็นผู้อำนวยการ อสมท. เสียเอง อย่างนี้ไม่ได้ 

คุณทักษิณจึงบอกว่าถ้างั้นก็จะจัดการให้ รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล อ. ชาติชาย ชุณหวัณ แล้วตั้งคนที่ไว้ใจได้เป็น ผอ. อสมท. แล้วจะได้จัดการให้ได้สัมปทาน IBC Cable TV

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ผมทึ่งในขีดความสามารถในการทุจริตแบบไม่ทำอะไรผิดกฎหมายของคุณทักษิณจริงๆ

นั่นคือจุดเริ่มของระบอบทักษิณ ดังที่เรารู้จักอิทธิฤทธิ์กันในปัจจุบัน

แม้ตอนนั้นยังไม่มีคำนิยามเรื่อง “ระบอบทักษิณ” ก็ตาม

เมื่อคุณเฉลิม อยู่บำรุงเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุมงาน อสมท. คุณเฉลิมบอกผมว่า “เราพวกเดียวกันแล้วนะครับอาจารย์” 

แล้วคุณเฉลิม ก็ให้สัมภาษณ์ว่า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งเพิ่งพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปนนั้น เป็คนร่ำรวยผิดปรกติ มีบ้านถึง 3 หลัง แต่ผมในฐานะที่เป็นนักข่าวด้วยก็ทำข่าวพิสูจน์ว่า พล เอก เปรม ไม่มีบ้านสามหลัง ไม่ได้ร่ำรวยผิดปรกติอะไร 

บ้านที่เกาะยอ ชาวสงขลาสร้างให้ ท่านก็ไม่เอา ก็จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์

บ้านที่ท่าแร้ง บางเขน ก็ไม่มีจริง

บ้านที่โคราชก็เป็นบ้านพักประจำตำแหน่งแม่ทัพภาค

และบ้านที่ท่านอยู่จริงที่เรียกว่าบ้านสี่เสา ก็เป็นของทางราชการที่ให้ท่านอยู่อาศัยตามตำแหน่งและระเบียบของกองทัพ

คุณเฉลิมไม่พอใจข่าวของผม จึงโทรศัพท์มาบอกผมว่า “เราแยกทางกันเดินนะครับอาจารย์”

แล้วเราก็แยกทางกันเดิน คุณเฉลิมปลดผมออกจากงานที่ทำร่วมกับ อสมท. โดยมติคณะรัฐมนตรีในสมัยนั้น

ที่คุณทักษิณเขียนไว้ในหนังสือชื่อ “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวอะไรกับ อสมท. จึงไม่เป็นความจริง 
คุณทักษิณนั้น ขณะที่ตาเหม่อลอยจ้องดวงดาวนั้น เท้าก็เหยียบย่ำทุกสิ่งอย่างบนดินฟุ้งกระจาย แหลกลาน

ในปี 2543 ผมได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสุพรรณบุรี คุณทักษิณกำลังสร้างพรรคไทยรักไทย เพื่อไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งคนมาทาบทามผมให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกแบบบัญชีรายชื่อของพรรค แต่ผมปฏิเสธ

ต่อมาคุณทักษิณ โดยบริษัท Chin Corp ก็เข้าไปซื้อหุ้นสถานีโทรทัศน์ iTV จาก 10% พยามให้มากถึง 40% ทั้งๆที่กฎเดิมห้ามไว้ไม่ให้ใครถือหุ้นเกิน 10% แต่คุณทักษิณก็แก้ไขกฏเกณฑ์จนทำได้ เหลือติดอยู่ที่ว่าค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายรัฐแพงมากถึง 25,000 ล้านบาทในช่วง 30 ปี

คุณนิวัติ บุญทรง ปัจจุบันชื่อ นิวัติธำรง บุญทรงไพศาล ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนทุน American Field Service รุ่นเดียวกับผม ตอนนั้นเป็นผู้บริหารชินคอร์ปของคุณทักษิณ ก็ชวนผมเข้าไปทำงานที่ iTV ผมรับงานเป็นรองผู้อำนวยการ iTV สายงานข่าว ได้เงินเดือน 2 แสนบาท ได้รับคำสั่งให้ช่วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร และกันมิให้คุณสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นข่าวใน iTV มากเกินไป วันใดที่ iTV ทำข่าวคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เวลาเป็นข่าวน้อยกว่าคุณสมัคร ผมจะถูกเรียกตัวไปให้ชีแจง ให้ตรวจเทปข่าวในวันนั้นๆ

แล้วผมก็ถูกขอว่าต้องช่วยให้พรรคไทยรักไทยและคุณทักษิณได้ครออำนาจทางการเมือง ให้คุณทักษิณได้เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ แล้วให้ความมั่นใจกับผมว่าไม่ต้องห่วง iTV จะขาดทุน เพราะจะเอาเงินงบโฆษณาครึ่งหนึ่งของ Chin Corp มาให้ iTV ยังไงๆก็ไม่มีทางขาดทุน แถมงบโฆษณาอีกครึ่งหนึ่งนั้นก็จะแจกจ่ายกระจายไปดูแลให้สื่อมวลชนอื่นๆทั้งหมดในประเทศไทย ให้เป็นมิตรกับคุณทักษิณไปตลอดกาล

ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา กรรมการบริหาร iTV จาก Chin Corp ขอให้ผมช่วยจัดการในวุฒิสภาให้มีพวกมากพอที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงค่าสัมปทาน iTV จาก 25,000 ล้านบาท  ให้เหลือต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท แล้วเมื่อ iTV ได้เข้าตลาดหลักทรพย์ ผมก็จะได้สิทธิ์ซื้อหุ้นในราคาต่ำตอนเข้าตลาด ผมเตรียมตัวรวยได้เลย ถ้าอยากรวย!

ผมลาออกจาก iTV ไม่ขอร่วมงานกับคุณทักษิณและ Chin Corp ทันทีที่ทราบเงื่อนไขข้อเสนอ หลังทำความรู้จักกันในเชิงธุรกิจการเมืองเพียง 2 เดือน

[การแทรกแซงวุฒิสภา]

เที่ยงวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2556 นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พตท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ผู้สั่งการงานนายกรัฐมนตรีอยู่เบื้องหลัง แถลงว่าจากนี้ไป ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมจะตกอยู่ในความรับผิดชอบของวุฒิสภา และบอกว่าวุฒิสภาเป็นอิสระ รัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยจะไปแทรกแซงไม่ได้ 

ประสบการณ์ของผมแตกต่างไปจากที่คุณยิ่งลักษณ์พูด 
และที่คุณยิ่งลักษณ์พูดก็ตรงข้ามกับที่คุณทักษิณทำ

ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นความจริงสำหรับประกอบการใช้วิจารณญาณของพลเมืองดีผู้ห่วงใยประเทศชาติ ได้พิจารณาระวังภัยทุจริตซ้ำเป็นรอบสอง โดยคุณทักษิณฯ และพรรคพวก ที่เคยทำมาแล้วเมื่อสิบปีที่แล้วอย่างแยบยล และเรื่องนี้กระบวนการยุติธรรมก็ได้พิพากษาความผิดและยึดทรัพย์จากคุณทักษิณคืนมาให้รัฐแล้ว แต่มาวันนี้คุณทักษิณกำลังจะเอาคืน ด้วยวิธีการแบบเดิม 

คือแก้กฎหมายให้ตัวเองได้ประโยชน์ 

โดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย

เป็นการทุจริต ที่อาจจะผิดกฎหมายเก่า แต่ไม่ผิดกฎหมายใหม่

ปี 2544 พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นำพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนนท่วมท้นในสภาผู้แทนราษฎร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนแรกเริ่ม คุณทักษิณยังมีอิทธิพลไม่มากพอในวุฒิสภา พลตรีมนูญกฤติ รูปขจร เป็นประธานวุฒิสภา ผมเป็นสมาชิกวุฒิสภาจากจังหวัดสุพรรณบุรี  ผม กับคุณโสภณ สุภาพงษ์, สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ, ชนะในการแปรญัติร่าง พรบ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยแก้ไขร่างๆจากพรรคไทยรักไทย เป็นว่าให้ต่างชาติถือหุ้นได้เพียง 25% แทนที่จะเป็น 49% ดั่งที่คุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยต้องการ ร่างเดิมที่กำหนดตัวเลข 49% ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก่อนจะมาถึงวุฒิสภา มาเสียท่าการแปรญัตติของผมและคุณโสภณฯอย่างไม่คาดฝัน 

แต่ชัยชนะของผมและคุณโสภณ และวุฒิสภาเสียงข้างมาก ก็เป็นขัยชนะช่วงสั้นๆ
ความพ่ายแพ้ของคุณทักษิณก็เพียงชั่วครู่ชั่วยาม สามปีเศษเท่านั้นเช่นกัน
เป็นช่วงเวลาที่คุณทักษิณจะได้พัฒนาทักษะการบริหารสมาชิกในวุฒิสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นอิสระ และใครต่อใครก็คิดว่าพรรคการเมืองไม่มีอำนาจแทรกแทรงได้

ปี 2547 คุณสุชน ชาลีเครือ สว.ชัยภูมิ ได้เป็นประธานวุฒิสภา ต่อจาก พลตรี มนูญกฤติ รูปขจร คุณศรีเมือง เจริญศิริ สว.มหาสารคาม ปรากฏตัวและทำกิจกรรมเป็นแกนนำกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาผู้สนับสนุนคุณทักษิณฯและพรรคไทยรักไทย

ปลายปี 2547 คุณทักษิณส่งร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับที่สองแก้ไขเพิ่มเติมผ่านสภาผู้แทนราษฎร ขึ้นมาถึงวุฒิสภา มีสาระสำคัญให้ปรับสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติในกิจการโทรคมนาคมเพิ่มจากเดิม 25% เป็น 49%  

ผมกับคุณโสภณฯเตรียมรับมือมานานสามปี รู้ดีว่าคุณทักษิณจะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ป โดยแก้กฎหมายให้ขายหุ้นให้ชาวต่างชาติมากขึ้นจนติดเพดาน 49% ตามที่เคยอยากได้แต่แพ้เสียงวุฒิสภาเมื่อสามปีเศษก่อนหน้า ผมกับคุณโสภณฯ จึงเสนอขอแปรญัตติให้กฎหมายกลับสู่ร่างเดิม คือให้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติอยู่ที่ 25% แต่ประธานกรรมาธิการฯพิจารณาร่างฯไม่รับเอกสารขอแปรญัติจากผมและคุณโสภณฯ อ้างว่าขัดหลักการของกฎหมายที่ต้องการให้เพิ่มสัดส่วนหุ้นต่างชาติเป็น 49% จะมาขอแก้เป็นสัดส่วนอื่นไม่ได้ ผมเลยไม่ได้รับโอกาสขึ้นสู่ห้องกรรมาธิการเพื่อชี้แจงเหตุผลในการของแปรญัตติ 

ผมหมดโอกาสพูดแม้แต่คำเดียว 

การห้ามไม่ให้ผมแปรญัตติโดยอ้างว่าคำขอแปรญัตติขัดกับหลักการที่ร่างไว้ในอารัมภบทว่าด้วยหลักการของร่างขอแก้ไขกฎหมาย เป็นสิ่งที่พวกคุณทักษิณห้ามไม่ให้ผมทำเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่พรรคเพื่อไทยทำได้ใน

กรณีร่างพระราชบัญญ้ตินิรโทษกรรมที่อื้อฉาวในรัฐสภาปีที่แล้ว

ผ่านมากว่าสามปี คุณทักษิณได้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากพอที่จะชนะทุกครั้งที่คุณทักษิณสั่งการ ความมั่นใจของคุณทักษิณ และพรรคไทยรักไทยกลับคืนมาสูงยิ่ง 

ในสภาผู้แทนราษฎรก็มีคะแนนท่วมท้น

ในวุฒิสภาก็คุมและสั่งการได้ดั่งใจปราถนา

ปี 2547-2548 ผมประมาณตัวเลขจากการเก็บข้อมูลอย่างถี่ถ้วนเป็นแรมปีว่าสมาชิกวุฒิสภาที่ที่มีทั้งหมด 200 คน มีตกอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมและดูแลความสุขสมบูรณ์เป็นรายเดือนและตามประเภทงานที่สั่งให้ลงคะแนนพิเศษ มีจำนวนประมาณ 80-90 คน และมี สว.สายข้าราชการอาวุโสเก่าอีกจำนวนหนึ่งที่จะลงคะแนนช่วยคุณทักษิณแบบอิสระอีกราว 40-50 คน ที่เหลือเป็น สว.อิสระแท้ๆราว 50-60 คน

สว.ที่จัดอยู่ใน “ค่ายทักษิณ” ปรกติจะได้รับเงินเดือนประมาณ 50,000-100,000 บาท และบางครั้งก็มีค่าตอบแทนเฉพาะกิจตามงานที่กำหนดให้ทำ ข้อมูลเหล่านี้ผมได้จากการพูดคุยกับ สว.ที่เกี่ยวข้องบางคน

คุณทักษิณใช้เงินไม่มากนักในการใส่ใจดูแลคะแนนสนับสนุนในวุฒิสภา ช่วงเวลาสามปีเศษที่รอแก้พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับใหม่ เพียงดูแล สว.ไม่ถึงร้อยคนด้วยเงินเล็กน้อย พอผ่านกฎหมายไปได้ก็สามารถทำเงินได้มหาศาลโดยอาศัยประโยชน์จากการแก้กฎหมายนั้น

พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๒) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2549 

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม เพียงสองวันข้ามวันเสาร์-อาทิตย์มาเท่านั้น ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ก็ขายหุ้นชินคอร์ปทั้งหมด 49% ให้กับบริษัทเทมาเส็กโฮลดิ้ง ของสิงโปร์ เป็นเงิน 73,271,200,910 บาท (เจ็ดหมื่นสามพันสองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดล้านสองแสนเก้าร้อยสิบบาท) หากใจร้อนรีบขายไปเท่าที่จะขายได้ตามกฎหมาย คือ 25% เมื่อสามปีก่อนหน้า ก็จะได้เงินเพียงประมาณ 36,934,769,000 บาท (สามหมื่นหกพันเก้าร้อยสามสิบสี่ล้านเจ็ดแสนหกหมื่นเก้าพันบาท) 

รอเพียงสามปีเศษ ลงทุนดูแลทุกข์สุขของผู้จงรักภักดีในวุฒิสภาไม่กี่คน ไม่กี่เดือน ไม่กี่บาท ก็แก้กฎหมายให้จนสามารถขายกิจการได้เงินเพิ่มมาอีกถึง 36,336,431,000 บาท (สามหมื่นหกพันสามร้อยสามสิบหกล้านสี่แสนสามหมื่นหนึ่งพันบาท) ตามตัวเลขจากการคำนวนโดยประมาณ

คุณทักษิณเป็นคนเปิดเผย ทำอะไรได้มาแล้วก็อยากทำใหม่แบบเก่า 

คิดว่าง่าย เพราะเคยทำมาแล้ว ทำได้ไม่ยากด้วย!

คุณทักษิณมั่นใจว่านักการเมืองนั้นซื้อได้ ไม่ได้มีเกียรติหรือศักดิ์ศรีอะไรกันนักหนา!

ที่คุณยิ่งลักษณ์ผู้น้องสาวบอกว่าวุฒิสภานั้นรัฐบาลแทรกแซงไม่ได้นั้น 

เป็นการพูดที่ถูกต้องตามหลักการในรัฐธรรมนูญ 

แต่ในภาคปฏิบัติของพรรคเพื่อไทย ครั้งที่ชื่อพรรคไทยรักไทยนั้น ประวัติพฤติกรรม

ทางการเมืองของคุณทักษิณ ผู้เป็นพี่ชาย บอกชัดเจนว่าแทรกแซงได้ด้วยเงิน

ทำมาแล้ว....จะสานต่อ ทำตามแบบที่ทำมาต่อไป ตามที่หาเสียงเลือกตั้งบนป้ายข้างถนนทั่วประเทศในตอนนี้

นี่คือบางเรื่องที่เกี่ยวกับระบอบทักษิณ ที่มวลมหาประชาชนกำลังพยายามจะล้มให้สูญสิ้นไปจากสังคมไทย

นี่คือโลกอันไม่สวยงามของประเทศไทย

[การต่อสู้แบบอหิงสา สัตยาเคราะห์ และ อารยะดื้อแพ่งขัดขืน]

วันนี้ เรากำลังต่อสู้เพื่อล้มระบอบทักษิณ และเพื่อปฏิรูปประเทศไทยของเราใหม่ให้สวยสดงดงามอย่างแท้จริง

การต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย หรือในที่ไหนๆในโลกเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น เพราะนักการเมืองที่ทุจริตฉ้อฉลมักจะได้โอกาสเข้ามาฉ้อฉลระดับชาติได้เสมอ 

กำนันสุเทพพยายามบอกท่านทั้งหลายซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่เว้นแต่ละคืน ว่าให้เราสู้ด้วยสันติวิธี สงบ ปราศจากอาวุธ ตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ และตามแบบที่ท่านมหาตมะ คานธี แห่งอินเดีย เรียกว่า “อหิงสา” ซึ่งท่านทำสำเร็จมาแล้ว เมื่อขับไล่จ้าวอาณานิคมอังกฤษ จนอินเดียได้รับเอกราขเมื่อ 67 ปีที่แล้ว

การใช้หลักอหิงสามาต่อสู้ล้มระบอบทักษิณนั้น ผมหวั่นใจมากว่าเราจะทำไม้ได้สมบูรณ์ตามหลักการที่แท้จริง ผมหวั่นใจว่าในที่สุดจะเกิดความรุนแรง หากเราไม่ได้ศึกษาทำความเข้าใจเรื่องอหิงสาอย่างแท้จริง

แต่ผมก็พอใจในระดับหนึ่งที่ว่าความรุนแรงทางกายนั้นมิได้เกิดจากฝ่ายมวลมหาประชาชน โดยภาพรวม แม้จะมีการขว้างปาด้วยอารมณ์โกนธแค้นบ้างในบางช่วง

ต้องขอชื่นชมกำนับสุเทพ กปปส. และมวลมหาประชาชนทุกท่านที่มีสันติวินัยในตนเองในระดับที่น่าเคารพ สำหรับการต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย

อหิงสา ส่วนที่เรายังทำกันไม่ได้ คือ อหิงสาทางวาจา และทางใจ

อหิงสานั้นมี 3 แบบ ที่ต้องทำให้ได้ไปพร้อมๆกัน คือ

สันติทางกาย ไม่ใช้กำลัง ไม่ใช้อาวุธ ไม่มีความรุนแรงทางกายภาพ เรื่องที่เราทำได้อย่างน่าเคารพดังที่ผมว่าไปแล้ว

สันติทางวาจา เรายังทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้

คำพูดที่หยาบคายรุนแรงต่อฝ่านตรงข้ามยังปรากฏอยู่เสมอ จนผมไม่มีความสุขใจ และเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการได้รับชัยชนะ

สันติทางใจ เรื่องนี้ อยู่ในใจ หมายถึงการแผ่เมตตาต่อฝ่ายตรงข้าม ให้ชิงชังเฉพาะสิ่งเลวร้ายที่เขาทำ แต่ไม่ชิงชังตัวเขา หรือตัวบุคคลผู้กระทำ

เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ท่านมหาตมะ คานธีบอกว่า อหิงสา เป็นเรื่องที่ต้องทำไปตลอดชีวิต

ผมใช้ชีวิตวัยหนุ่ม เรียนหนังสือในประเทศอินเดีย นาน 5 ปี รู้จักปรัชญาและกิจกรรมอหิงสาของมหาตมะ คานธีมากพอ หรืออาจมากเกินไปจนเกิดความห่วงใยการอ้างอหิงสาในประเทศไทยเกินพอดีก็เป็นได้

แต่ผมก็อยากจะยืนยันว่า สันติวิธี หรือ อหิงสาที่สมบูรณ์ จะนำไปสู่ชัยชนะที่สมบูรณ์ แน่นอน

[มหาตมะ คานธี]

วิธีไม่ใช้ความรุนแรง ที่เรียกว่า “อหิงสา”  ถือเป็นดุจอาวุธในต่อสู้การขัดขืน ดื้อแพ่ง ต่อความชั่วร้ายและความไม่ยุติธรรมจากอำนาจรัฐ

นักต่อสู้ต้องมีวินัยในตนเอง ต้องมีวินัยในการกำกับควบคุมตนเอง ดำเนินชีวิตเรียบง่าย ยอมรับโทษทุกข์ทรมาณโดยไม่หวาดหวั่นหรือเกลียดชังใคร มุ่งก่อประโยชน์ให้กับผู้อื่น ไม่เห็นแก่ประโยชน์ตอบแทนส่วนตน

ยึดมั่นในความสัตย์จริง, ความไม่รุนแรง, ความไม่กลัว, การไม่ยึดติดกับความเป็นเจ้าของในสรรพสิ่ง, ไม่เป็นขโมย, การทำงานเพื่อยังชีพ, ยึดในความเสมอภาคกันของทุกศาสนา.

เรียกร้องให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เหตุผลและจิตสำนึก 

โดยที่ผู้เรียกร้องเป็นฝ่ายยอมสละตนให้เป็นผู้รับทุกข์ทรมานเสียเอง 

แรงจูงใจให้ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้เปลี่ยนความคิด

และเปลี่ยนแปลงตนเอง ทำให้เขากลับมาเป็นพันธมิตร

และเป็นเพื่อนโดยสมัครใจอย่างเต็มใจ 

แนวทางนี้ตั้งอยู่บนฐานคิดที่ว่าการเรียกร้องด้วยศีลธรรมไปยังหัวใจและจิตสำนึกนั้น ในฐานะที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน จะมีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผล มากกว่าการเรียกร้องที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการข่มขู่เพื่อให้เกิดภัยอันตราย การบาดเจ็บต่อร่างกาย หรือภัยจากการใช้ความรุนแรง 

ความรุนแรงไม่มีวันที่จะเอาชนะความบาปหยาบช้าเลวร้ายใดๆได้เลย; มันเพียงได้แต่กดทับเอาไว้ได้ระยะหนึ่ง แล้วบาปหยาบช้าเหล่านั้นมันก็จะผุดกลับขึ้นมาอีก คราวนี้มันจะเพิ่มพลังบาปหยาบช้าขึ้นอีกเท่าตัว 

ในทางตรงกันข้าม การไม่ใช้ความรุนแรง จะเป็นการหยุดบาปหยาบช้านั้นได้จบสิ้น เพราะผู้ทำบาปหยาบช้านั้นได้ถูกเปลี่ยนไปแล้วโดยพลานุภาพของความไม่รุนแรง

เราจึงจำต้องมีคุณสมบัติของคนมีวินัยก่อน ต้องมีคุณสมบัติไม่เห็นแก่ตัว และเสียสละตนโดยไม่หวั่นไหวต่อภาระหน้าที่ 


การต่อสู้ในทางการเมือง มีรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า

การดื้อแพ่งไม่เชื่อฟังแบบผู้เจริญหรือผู้มีอารยะธรรม 

หรือที่เรียกันทั่วไปในประเทศไทยว่า “อารยะขัดขืน”

ก็ต้องใช้อหิงสาเป็นอาวุธเช่นกัน

เป็นวิธีไม่ใช้ความรุนแรง ในการต่อต้านรัฐบาล เมื่อวิธีการต่อสู้ด้วยการเจรจาและวิธีทางตามกฎหมาย และ รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ 

ที่เรียกว่า ‘civil’ หรือ “อารยะ” นั้นก็เพราะเป็นการแสดงการขัดขืนและฝ่าฝืนแบบไม่รุนแรงโดยประชาชนพลเมืองผู้ซึ่งในยามปรกติเป็นผู้เคารพกฎหมายเสมอมา; 

กฎหมายที่มวลมหาประชาชนขัดฝืนนั้น เป็นกฎหมายเฉพาะที่เป็นอันตรายเสียหายต่อประชาชนเท่านั้น มันเป็น “อารยะ” ด้วยเพราะเหล่ามวลมหาประชาชนที่ประท้วงโดยการขัดฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนั้นจักต้องปฏิบัติตนอย่างผู้มีอารยธรรม มีความปราถนาดีและปฏิบัติแบบนุ่มนวลต่อผู้ที่มีหน้าที่รักษากฎหมาย 


นักอารยะขัดขืนควรจะต้องไม่กระทำการใดๆให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความอับอายด้วยซ้ำไป 

เราใช้การต่อสู้แบบมีอาระต่อต้านรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น กระทำการอันมิชอบ เมื่อรัฐบาลทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา สิ้นสุข เสียขวัญ   

มหาตมะ คานธี ต่อสู้รวม 3 ช่วงประวัติศาสตร์อินเดีย ใช้เวลาเฉพาะที่นับตอนจัดการมวลมหาประชาชนอินเดียจริงๆ 13 ปี 

การไม่ให้ความร่วมมืออาจแสดงออกโดย:

  • คืนตำแหน่งหรือเกียรติยศต่างๆที่เคยได้จากรัฐบาล 
  • ลาออกจากราชการ 
  • ถอนตัวออกจากงานตำรวจ งานทหาร 
  • งดการเสียภาษี 
  • ปิดโรงเรียนหรือไม่ไปโรงเรียน 
  • และคว่ำบาตรสภานิติบัญญัติหรือรัฐสภา 

แล้วให้ก่อตั้งและบริหารจัดการสถาบันใหม่ของตนขึ้นมาแทนสถาบันหรือองค์กรที่ประท้วงไม่ร่วมมือด้วยดังกล่าว 

อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องมีความระมัดระวังมากในบางรูปแบบของกระบวนการไม่ให้การต่อสู้กับรัฐบาลนี้ ทำให้รัฐบาลที่โหดร้ายได้อ้างเป็นเหตุกระทำการรุนแรงต่อประชาชน 

ต้องไม่ให้ประชาชนต้องเดือนร้อนทุกข์ยากมากเกินกว่าที่จำเป็นจากการกระทำของรัฐบาลผู้กดขี่

ดูจากประวัติศาสตร์การต่อสู้ของอินเดีย และประวัติศาสตร์การต่อสู้ของมนุษยชาติในโลก ต่อต้านอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม การต่อสู้ไม่ง่าย ไม่สั้น ไม่จบเร็ว

สำหรับมวลมหาประชาชนที่ต่อสู้มาเข้าเดือนที่สาม เดือนนี้ อาจจะจบเร็วจบช้า ก็ได้ทั้งสิ้น แต่ต้องจบเป็นชัยชนะของประชาชนแน่นอน เพราะเหตุผลในการต่อสู้เพื่อสร้างชาติสร้างแผ่นดินของมวลมหาประชาชนครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ที่ชอบธรรม มีเหตุผลสมบูรณ์ เพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นนประมุข

ขอบคุณ และ สวัสดีครับ
สมเกียรติ อ่อนวิมล

Picture
©Anonymous Photographer

[2] คำปราศรัย เวทีปทุมวัน
[26 มกราคม 2557]

คำปราศัย เวทีปทุมวัน
โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล
20:30 น. 26 มกราคม 2557

[บทนำ]

สวัสดีมวลมหาประชาชนที่รักและเคารพครับ

เมื่อกี้เพิ่งได้กอดกำนันสุเทพ
เพิ่งได้กอดกำนันสุเทพ จริงๆ … 
ผมไม่เคยเจอหน้ากำนันสุเทพมาก่อนเลย 
ไม่เคยพบกันที่ไหน 
ไม่เคยคุยกันเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

3 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่เคยแม้แต่จะโทรศัพท์คุยกัน
ได้กอดกำนันกับเขาบ้างก็เป็นบุญแล้วสำหรับลูกบ้านหน้าใหม่อย่างผม
จะให้หอมแก้มเหมือนที่คนกรุงเทพหลายคนได้หอม ผมก็เกรงใจ 
กลัวจะชอบกำนันมากเกินไป

ท่านทั้งหลายครับ คนเราหาก จะรัก-จะชอบ กัน ก็ไม่ควร รักกัน-ชอบกัน จนหมดสิ้นครบ 100% ควรจะเว้นระยะห่างไว้บ้างพอประมาณ หากรักกันมากเกินไปก็จะไม่กล้าถกเถียงท้วงติง 

รักกันมากใกล้ชิดกันมากจนเกินไป ก็อาจจะไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์กัน 
ผมจึงขอรักกำนันสุเทพแบบมีระยะห่าง 
ขอพื้นที่ไว้ตำหนิวิพากษ์กำนันสุเทพบ้าง 
ในบางเรื่อง บางเวลาที่ผมเห็นว่าต้องทำ

ผมจะไม่ทุ่มเทความรักให้กับชายใดจนหมดตัว 
โดยเฉพาะชายแก่ๆอย่างกำนันสุเทพ

คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ในรอบสองเดือนที่ผ่านมาได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ติชมมากมายหลากหลาย ผมเองก็วิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอจากระยะไกล เหมือนกับท่านมวลมหาประชาชนทั้งหลาย รวมทั้งประชาชนที่แม้จะเห็นด้วยกับเหตุผลและหลักการพื้นฐานในการล้มระบอบทักษิณ และให้ปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้ง แต่ก็ยังคงมีเรื่องที่ไม่เห็นพ้องกับกระบวนงานของกปปส.และกำนันสุเทพ อยู่บ้างในบางเรื่องปลีกย่อย 

และผมก็พอใจที่กำนันสุเทพรับฟังและปรับวิธีทำงานของท่าน และของ กปปส. เรื่อยมาอย่างไม่รั้งรอ เคารพในเหตุผลของผู้ท้วงติง จนถึงวันนี้ 

แสดงว่ากำนันสุเทพเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง 
รับฟังเสียงของประชาชนทุกฝ่ายทุกคน 

ในอีกไม่นาน เมื่อเราสามารถล้มระบอบทักษิณได้สำเร็จ 
หากว่าเกิดประชาธิปไตยในแบบที่ควรจะสมบูรณ์ 
แต่กลับไม่สมบูรณ์ขึ้นมาตามที่กำนันสุเทพวาดหวังไว้ 
กลายเป็นประชาธิปไตย “ระบอบสุเทพ” ที่ไม่สมบูรณ์ขึ้นมาในอนาคต 
มวลมหาประชาชนก็ต้องสามารถ “ล้มระบอบสุเทพ” ได้

นั่นคือประชาธิปไตยที่เราคาดหวังสำหรับประเทศไทยในอนาคต
และนี่คือสังคมประชาธิปไตยที่เรากำลังช่วยกันสร้างกับกำนันสุเทพ และ กปปส.

เข้าเดือนที่ 3 ของการต่อสู้ของท่านทั้งหลายเพื่อล้มระบอบทักษิณ 
ซึ่งก็จะต้องเริ่มต้นด้วยการขอให้รัฐบาลอันไม่ชอบธรรมของนาวสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกไป เพราะคุณยิ่งลักษณ์เป็นเพียงคนที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนและผู้รับคำสั่งจาก พตท.ทักษิณ ชินวัตร ให้รับปฏิบัติงานสร้างระบอบทักษิณให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในทศวรรษที่ 2 

เรื่องนี้คุณทักษิณไม่เคยปกปิดเป็นความลับแต่อย่างใด
เพียงแต่ว่าคนที่รู้จักหรือมีความสัมพันธ์กับคุณทักษิณอย่างใกล้ชิดจะไม่ยอมออกมาเปิดเผยกระบวนความคิดและเบื้องหลังการทำงานของคุณทักษิณ ให้สาธารณชนได้รับรู้โดยตรงเท่านั้น

[สนทนากับทักษิณ ที่ Dubai]


เมื่อเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.2553 ที่บ้านพักเขต Emirates Hills ชานนคร Dubai ประเทศสหรัฐ Arab Emirates คุณทักษิณได้สนทนากับนักเขียนและนักวิชาการชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ Tom Plate เป็นการสัมภาษณ์ 4 รอบ รอบละ 2 ชั่วโมง และคุยกันที่ร้านอาหารบนอาคารสูง Burj Khalifa อีก 1 ครั้ง 

ต่อมาอีกครึ่งปี ในกลางปี 2554 มีการสนทนารอบที่ 6 ทั้งหมดนี้ Tom Plate ยังได้ติดต่อคุณทักษิณฯผ่าน E-mail เป็นระยะๆ, โทรศัพท์คุยกันอีก 2 ครั้ง ระหว่าง Tom Plate ที่ Los Angeles กับ คุณทักษิณฯที่ Dubai

บทสนทนาทั้งหมดนี้กลายมาเป็นหนังสือชื่อ CONVERSATIONS WITH THAKSIN พิมพ์จำหน่ายที่สิงคโปร์ ในปี 2554

ในหนังสือเล่มนี้ คุณทักษิณพูดความจริงจากหัวใจอย่างเสรี โดยไม่ระมัดระวังคำพูด

แต่ความจริงจากหัวใจของคุณทักษิณที่ว่านั้นทำให้คนไทยรู้จักระบอบทักษิณดีขึ้น ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณทักษิณ 

คุณทักษิณที่ผมรู้จักดีว่าเป็น “คนจริง” และเป็น “คนเก่ง”

คุณทักษิณเป็นคนทุจริตคดโกงประเทศชาติจริง
และเป็นคนโก่งเก่งจริงๆ

ดังที่คุณทักษิณจะเล่าให้ฟังด้วยตัวเองดังต่อไปนี้:

หนังสือ CONVERSATIONS WITH THAKSIN หรือ “สนทนากับทักษิณ” วางขายที่เมืองไทยได้ไม่กี่วันก็ถูกเก็บออกจากร้านหนังสือจนเกลี้ยง แล้วหายวับไปจากตลาด คนไทยจึงไม่มีโอกาสได้ซื้ออ่านกันโดยตรง ผมต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ และซื้อมาหลายสิบเล่ม ไว้แจกเพื่อนๆและผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพ ผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งบอกผมว่าหากโทรศัพท์ไปสั่งที่สำนักพิมพ์ที่สิงคโปร์เขาก็จะสั่งให้ร้านที่กรุงเทพเอามอร์ตอร์ไซค์ไปส่งถึงบ้าน 

ปัจจุบันนี้ท่านสามารถชื่อได้ผ่าน internet ในระบบหนังสือ digital book download แล้ว พอหาซื้อได้จากร้านหนังสือทาง Internet บางแห่งในอังกฤษ

เอาเป็นว่าหนังสือ CONVERSATIONS WITH THAKSIN นี้ไม่มีวางขายในประเทศไทย ขึ้นไปที่ร้าน Asia Books และ Kinokuniya ที่  Siam Center และ Siam Paragon ข้างบนโน้น ก็จะไม่มีขาย

สำนักพิมพ์มติชน เจ้าของลิทธิ์หนังสือชุด CONVERSATIONS WITH ….ใครต่อใครในเอเชียนี้ ก็ไม่ยอมแปลขาย ทั้งที่แปลเรื่องอื่นขายแล้ว 

เล่ม 1 CONVERSATIONS WITH LEE KUAN YEW ก็แปลขายแล้ว

เล่ม 2 CONVERSATIONS WITH DR. MAHATHIR MOHAMMAD ก็แปลขายแล้ว

เล่ม 3 CONVERSATIONS WITH THAKSIN มติชนไม่ยอมแปลขาย

เล่ม 4 CONVERSATIONS WITH BAN KI MOON มติชนก็อุตส่าห์ก็แปลขายแล้ว

ใครเป็นคนสั่งห้ามไม่ให้ขายผมไม่ทราบ 
แต่ คุณ นพดล ปัทมะ เคยแถลงว่าเป็นหนังสือน่าอ่าน 
และมีให้อ่านที่ห้องสมุดพรรคเพื่อไทย ในกรุงเทพ

ข้อความในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นข้อความที่คุณทักษิณเผลอพูดเองแบบตั้งใจ และที่คุณทักษิณพูดทั้งหมดเป็นอันตรายต่อคุณทักษิณเอง 
เพราะใครได้อ่านก็จะโกรธความคิดอันร้ายกาจของคุณทักษิณ

ใครที่เคยชิงขังคุณทักษิณ ก็จะกลายเป็น เกลียดชังมากขึ้น

ใครที่เคยชอบคุณทักษิณก็จะได้สติ เริ่มชิงชังคุณทักษิณ หรืออาจจะกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณ และระบอบทักษิณ ทันทีที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบ

ผมเองอ่านจบหลายรอบแล้ว
เนื่องจากสำนักพิมพ์มติชนเข้าของลิขสิทธิ์ ไม่ยอมแปลขาย
วันนี้ผมก็ขอแปลเสียเอง

ขอแปลแจก ต่อท่านมวลมหาประชาชน ณ เวทีปทุมวัน และทุกเวทีมวลมหาประชาชนทั่วประเทศ  

[หนังสือ Conversations with Thaksin / สนทนา กับ ทักษิณ By Tom Plate]

ปัญหาใหญ่ปัญหาแรกของคำพูดของคุณทักษิณในหนังสือเล่มนี้ คือปัญหาเรื่องการพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นเรื่องที่คุณทักษิณไม่เคยหยุด ไม่เคยหลบหลีกที่จะพูดหรือตอบคำถาม และทุกครั้งที่ถูกถามคุณทักษิณก็จะตอบตามที่ใจคิด

คุณทักษิณยินดีที่จะพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่อยากพูดโดยไม่รั้งรอหรือหยุดคิดให้ถ่องแท้ 

Tom Plate ในฐานะผู้เขียนก็เอาทั้งหมดมาพิจารณา ปรับแก้ ตัดแต่ง และตัดทอน ให้เหลือเท่าที่ปรากฏในหนังสือ ลงพิมพ์เฉพาะเนื้อหาที่ Tom Plate คิดว่าจะปลอดภัยจากข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แล้วจึงลงพิมพ์เฉพาะส่วนของบทสนทนาที่ปรับแต่งแล้วจะปลอดภัยเท่านั้น 

ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้เผื่อมีการพิมพ์ครั้งที่สองในโอกาสที่เหมาะสมในอนาคต

หนังสือเล่มนี้ คุณสุรนันท์ เวชชาชีวะ ก็เป็นผู้ร่วมมือช่วยเหลือ Tom Plate อย่างเต็มที่ คุณสุรนันท์ ช่วยแปลเอกสารสิ่งพิมพ์ส่วนที่เกี่ยวกับบทให้สัมภาษณ์ของคุณทักษิณอีกด้วย 

ต่อไปนี้เป็นบางตอนจากหนังสือ
"Conversations with Thaksin" หรือ "สนทนากับทักษิณ"

ตลอดเล่มของหนังสือเรื่องนี้ คุณทักษิณบอกว่าต้องการกลับประเทศไทย แต่ต้องกลับแบบมีเกียรติ กลับแบบพ้นความผิดทั้งปวง และหวังว่าเมื่อให้น้องสาวเป็นนายกรัฐมนตรีตัวแทนให้แล้ว คาดว่าน้องสาวจะจัดการให้คุณทักษิณได้กลับประเทศไทยโดยเร็วภายใน 12 เดือนแรกที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี

คุณทักษิณบอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า:

Thaksin: “พวกเขากลัวผม ไม่ไว้ใจผมว่าจะไม่ตามไปล้างแค้น แต่ผมไม่ตามไปล้างแค้นหรอก”

“แม้ว่าผมไม่ได้อยู่ในเมืองไทย พวกเขาก็ยังไม่ต้องการให้ผมกลับไปเมืองไทย เพราะเขารู้ว่าเขาแข่งกับผมตรงๆก็สู้ผมไม่ได้ ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องว่าผมจะกลับไปอย่างไร การกลับประเทศไทยของผมต้องไปอย่างมีเกียรติ ผมจะต้องคอยจังหวะที่เหมาะสม  

อาจเป็นตอนปลายปี 2554 … เดือนธันวาคม

“They’re afraid of me, they don’t trust that I’m not out for revenge. But I’m not out for revenge.”

“Even when I am not in Thailand they don’t want me to go back. Because they know they cannot compete directly. So it’s the question of the way I go back. My return must be in a gracious way. And so I have to wait for the right moment. It may be at the end of this year [2011] … in December.”

“No witch-hunt. I think forgiveness is the key. I mean it.”

“I want to forgive and make the whole country forgive each other. Because, if you don’t forgive, you cannot reconcile your country. You cannot be one nation anymore.”

Thaksin: “แน่นอน ผมต้องการกลับประเทศไทย”

“I definitely want to return.”

Tom Plate ถามคุณทักษิณว่า:

Tom: “แต่ถ้าคุณจะกลับไป จำเป็นไหมที่คุณจะต้องกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี? คุณจะกลับไปเป็นรัฐมนตรีที่ปรึกษาอาวุโสให้กับนายกรัฐมนตรีแบบที่นายลีกวนยูของสิงคโปร์เคยเป็นอยู่หลายปีได้ไหม?”

“But if you do go back, do you have to be prime minister? Could you go back as minister-mentor, like Lee Kuan Yew of Singapore used to be for years?”

คุณทักษิณตอบว่า:

Thaksin: “ผมไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรทั้งนั้น” 
 “I don’t have to be anything.”

Tom: “คุณจะกลับไปเป็นแบบโซเนีย คานธี มีอำนาจอยู่เบื้องหลังเก้าอี้นายก รัฐมนตรีอินเดียได้ไหม? 
“Could you go back as Sonia Gandhi? The power behind the throne of India?”

Thaksin: “ผมไม่จำเป็นเลยที่จะเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ยกตัวอย่างหน่อยว่าถ้าพระมหากษัตริย์จะทรงมีพระเมตตามากพอที่จะแต่งตั้งให้ผมเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผมก็สามารถที่จะทำให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีเงินมากขึ้น ดังนั้นถ้าทางสำนักพระราชวังแต่งตั้งให้ผมได้รับตำแหน่งอะไรในวังก็ได้ มันก็จะทำให้ผมไปยุ่งกับการเมืองไม่ได้ ตำแหน่งในวังแบบนั้นจะมีผลบังคับให้ผมไม่อาจเล่นการเมืองได้”
“I do not need to involve myself in politics. For example, if the monarchy were kind enough to appoint me as an advisor to the Crown Property. I can help Crown Property do better financially. So, if I were appointed to any position by the Palace, I cannot be involved in politics. That kind of appointment would have the effect of forcing me not to get involved in politics.”

Tom:  “ถ้าอย่างนั้นคุณก็อาจรับตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยพระราชสำนักใช่ไหม?”
“So you might accept the Palace appointment?”

Thaksin: “ใช่ครับ แต่ผมไม่อยากได้ตำแหน่งองคมนตรี [ในประเทศไทยตำแหน่งนี้สำคัญมาก] ผมไม่ต้องการทะเยอทะยานถึงขนาดนั้น ผมต้องการเพียงพิสูจน์ว่าผมเป็นประโยชน์ต่อประเทศของผม และ ประชาชนของผม… เมื่อผมได้กลับไป แน่นอนว่าผมควรจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน”

“Yes. But I don’t want to have a Privy Councilor position [in Thailand a very important posting]. I don’t want to be anything that is ambitious. I just want to prove that I don’t mind being anything, but I want to prove that I am beneficial to my country and my people… When I go back, definitely, I should be appointed something to be beneficial for the country and the people.”

เมื่อ Tom  Plate ผู้สัมภาษณ์พาคุณทักษิณเข้าสู่การสนทนาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้แล้ว ไม่ต้องถามเพิ่มเติม คุณทักษิณก็พูดเสริมโยงใยไปถึงเรื่องที่ติดค้างในใจของตนเองออกมาอย่างละเอียด:

Thaksin: “อืมม์ เมืองไทยมันเป็นอย่างนี้ เจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายทหาร … ใครต่อใคร … [ไม่ทำอะไร] กันเลยจนกว่าจะได้รับสัญญาณ แม้กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เราพยายามจะขอประกันตัวพวกผู้นำคนเสื้อแดงของเราให้พ้นจากการถูกคุมขัง เราไปคุยกับผู้พพิพากษาหลายคน และเราขอความเมตตาจากท่าน … ขอให้ปล่อยตัวพวกเรา นี่มันไม่ใช่เรื่องการเมือง คุณก็คงรู้ ตามรัฐธรรมนูญของเรา รัฐบาลลควรจะให้ประกันตัวอาชญากรทุกคน เพราะมันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ยกเว้นในบางกรณีเป็นการเฉพาะ ดังนั้นพวกเราต้องการปกป้องสิทธิ์ของพวกเขา แต่คณะผู้พิพากษาก็ไม่ยอมให้ประกันตัวคนเสื้อแดง พอเราถามผู้พิพากษาคนหนึ่งว่าทำไมจึงไม่ให้ประกันตัว  ผู้พิพากษาคนหนึ่งบอกว่า ‘ไม่มีสัญญาณ’  เราก็เลยบอกว่า ‘ท่านเป็นผู้พิพากษาจริงๆหรือเปล่าล่ะ?’ ผู้พิพากษาถูกจ้างให้มาทำหน้าที่พิพากษา ไม่ใช่ให้มารอดูสัญญาณ ใช่ไหม? แต่ผู้พิพากษาคนนั้นก็บอกกับเราว่า ‘ผมยังไม่ได้รับสัญญาณเลย’ ดังนั้นมันก็ดูเหมือนกับว่าทุกคนเอาแต่รอดูสัญญาณ”

“Well, you know in Thailand, the government officials, the military … they … [don’t do] anything until they get a signal. Even during the effort recently to bail our arrested Red Shirt leaders out of jail, we talked to the judges, and we asked for leniencies … to let them out, you know. This is not a political thing. By our Constitution the government is supposed to grant bail for every criminal because it’s their duty to grant bail, except in certain circumstances, and so we wanted to protect their rights, but the judges would not allow bail for the Red Shirts. And when we asked a judge why, the judge said, ‘There is no signal.’ And we said ‘Are you the judge or not?’ The judge has been hired to judge, not to look for signals, right? But the judge says to us, ‘I got no signal.’ So it looks like everyone is just waiting for signals.”

คุณทักษิณก็ไม่ยอมพูดให้ชัดว่า “สัญญาณอะไร? มาจากใคร? ที่ไหน?” ปล่อยให้เป็นเรื่องกำกวมให้คาดเดากันต่อไป แต่ที่สับสนก็คือคุณทักษิณเอารัฐบาลมาปนกับศาล บอกว่าเป็นหน้าที่รัฐบาลแต่กลับไปคุยกับศาลแล้วโทษศาลว่าไม่ทำตามที่รัฐบาลบอกว่าควรทำ เป็นความสับสนของคุณทักษิณในความไม่รู้เรื่องรัฐธรรมนูญ และไม่เข้าใจว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายบริหาร แต่ศาลเป็ยฝ่ายอำนาจยุติธรรม อำนาจอธิปไตยทั้งสองที่แยกกันมานานกว่า 70 ปีแล้ว ส่วนเรื่องการประกันตัวผู้ต้องหาก็ไม่เคยมีกฎหมายให้อำนาจรัฐบาลสั่งศาลให้ประกันตัวใครได้ ยิ่งเป็น “อาชญากร”​ด้วยแล้ว ศาลเองก็ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ที่จะต้องให้ประกันตัว “อาชญากร” โดยอัตโนมัติ

เรื่องการแบ่งแยกอำนาจ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ นี้เป็นหัวใจของ
“The Spirit of the Laws” งานนิติศาสตร์ปรัชญาวรรณกรรมของ Montesquieu ที่คุณทักษิณชอบอ้างเป็นเสมือนคัมภีร์บริหารประเทศตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรี

วันนี้คุณทักษิณไม่อ่าน Montesquieu อีกแล้ว
อ่านแต่ “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ฉบับดั้งเดิมที่ยังไม่แก้ไขคำผิดที่ผมอ่านพบ

คราวนี้ Tom Plate ถามแรงมาก ผมไม่นึกว่าคุณทักษิณจะตอบ 
ผมไม่คิดว่าคุณทักษิณควรตอบ ถ้าหากคุณทักษิณมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์:

Tom : “ใครบ้างที่พอจะกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีแห่งประเทศไทยได้? พระสันตะปาปาหรือ? อัลเลาะห์ได้ไหม? พระพุทธเจ้าล่ะจะพอได้ไหม? พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีจะทรงรับฟังใครบ้าง?”
“Who can talk to the King and Queen of Thailand? The Pope? Allah? Buddha? Whom do they listen to?”

คำถามของ Tom หนัก เอียง และ แรงเหลือหลาย หากผมเป็น Tom ผมก็คงสวมวิญญาณผู้สื่อข่าวนิสัยไม่ดี ถามนำแรงๆ แบบเดียวกัน 

คุณทักษิณไม่ท้วง หรือต่อว่าวิธีตั้งคำถามของ Tom ย้อนกลับไปเลย ราวกับว่าทั้งคุณทักษิณและทอมพูดภาษา “สัญญาณ” เดียวกัน:

Thaksin: “ผมว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงเคารพความเห็นจากนานาประเทศ ดังนั้นถ้าหากมันเป็นความเห็นของชาวโลกว่า ถึงเวลาแล้วที่เมืองไทยจะต้องปรองดองกัน และให้มีการกราบบังคมทูลปรึกษาหารือกับพระเจ้าอยู่หัวแล้วให้ความคิดบางอย่างกับพระองค์สักหน่อย ถ้าได้อย่างนั้นพระองค์ก็อาจกลับมาทรงคิดได้บ้างว่า เอาหล่ะ นี่เป็นทางออก ผมเชื่อว่านั่นคือทางออกในการแก้ปัญหา”

“Well, His Majesty respects international opinion. So if it is world opinion that this is time for Thailand to reconcile, and there is consultation with His Majesty, and they give him some ideas, then His Majesty might come to think that , okay, this is the solution. I do believe that that will be a solution.”

Tom ลากคุณทักษิณลงลึกมากขึ้น ติดกับดักแห่งคำถามนำของนักสัมภาษณ์ระดับนานาชาติสนิทแล้ว:

Tom: “… สมมุติว่าจะมีคนที่น่าเคารพสักคน --- เช่นนายบัน คี-มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ --- สมมุติว่าให้ท่านไปกรุงเทพฯ แล้วเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว โดยบอกว่า ‘ความวุ่นวายและการนองเลือดทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับประเทศไทยเลย ทำไมจึงปรองดองกันไม่ได้?’ พระเจ้าอยู่หัวจะทรงรับฟังไหม? พระองค์จะให้นายบัน คี-มูน เข้าเฝ้าไหม?”
“… Supposing someone of respect --- Ban Ki-moon, the United Nations Secretary General --- supposing he were to go to Bangkok and to talk to the King, and say, ‘There has been all this turmoil and bloodshed, this is not good for Thailand. Why can’t there be reconciliation? Would the King listen? Would the King receive him?

Thaksin: “ผมว่าโดยตำแหน่งของนายบัน คี-มูน พระเจ้าอยู่หัวจะทรงต้อนรับท่านแน่ ตำแหน่งระดับสูงเช่นนั้นเป็นตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมในอันที่จะเป็นผู้นำระดับนานาชาติ เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุระดับอาวุโสมาก พระองค์ทรงเป็นประมุขของประเทศที่ทรงอาวุโสมากที่สุด”

“ครับ ผมว่ามันเป็นงานในหน้าที่ของนายบัน คี-มูน ที่จะต้องแสดงความเป็นผู้นำให้ปรากฏต่อสาธารณชน และแสดงตนให้สมกับเกียรติที่มี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการแทรกแซงจากต่างประเทศโดยสหประชาชาติ  มันไม่ใช่แค่เรื่องกิจการภายประเทศเท่านั้น ปัญหาวุ่นวายนี้มันกระทบทั้งภูมิภาค แล้วยังกระทบอนาคตของประชาธิปไตยด้วย กระทบเรื่องสถานภาพสิทธิมนุษยชนอีกด้วย มันเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องทำเรื่องนี้”

“I think that given Ban’s position, the King will welcome him. That kind of high-level position is the right position to provide international leadership because His Majesty is very senior. He is the most senior head of state.” 

“Yes, It’s the job of Ban to express his leadership to express his leadership publicly and have it honored. This is not a matter of international intervention by the UN, it is not just an internal affair at all. This trouble affects the whole region, and really affect the future of democracy and affects the status of human rights. It’s his duty to do so.”

ทอมถามสวนทางขึ้นมาทันควัน ว่า ….

Tom:“หมายถึงใคร ที่คุณว่ามีหน้าที่จะต้องทำเรื่องนี้ คุณหมายถึงพระเจ้าอยู่หัวหรือ?

“Who, the King?

Thaksin: “ไม่ใช่ ผมหมายถึงนายบัน คี-มูน เป็นหน้าที่ของท่าน ท่านต้องทำ แต่ผมไม่รู้ว่าท่านจะกล้าทำไหม ท่านเป็นคนที่เหมาะสมแล้ว เพราะท่านเป็นคนที่มีหน้าที่รักษามาตรฐานระดับนานาชาติในเรื่องสิทธิมนุษยชน ตั้งคำถามในเรื่องอาชญากรรมสงคราม สนับสนุนศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ คุณก็รู้ว่าในที่สุดประเด็นต่างๆเหล่านี้ [เรื่องความรุนแรงทางการเมืองในประเทศไทย] จะต้องไปสู่ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นยิ่งถ่วงเวลาออกไปนานเท่าใด…”

No, Ban Hi-moon’s. His duty. He must do it. But I don’t know that he has the courage to do it. He is the right person, because he is the one who upholds the the international standard of human rights, raises questions about war crimes, supports the International Criminal Court. You know, eventually these issues [of political violence in Thailand] will go to the ICC, regardless, so the more things are prolonged…”

Tom พูดแทรกเข้ามาว่า … 

Tom: The worse it is for Thailand.”
“ก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นสำหรับประเทศไทย”

Thaksin: “ใช่แล้ว แต่ผมเกรงว่าท่านคงจะไม่มีความกล้าหาญมากพอ”
“Yes. But I am afraid that he doesn’t have the courage,”

Tom: “คุณหมายถึงใคร พระเจ้าอยู่หัวหรือ? 
Who, the King?”

Thaksin: “ไม่ใช่! ผมหมายถึงนายบัน”
“No! Ban.”

การพูดที่ออกมาจากใจจริงๆของคุณทักษิณนี้เองทำให้เรารู้จักตัวตนของคุณทักษิณที่แท้จริง และทำให้คุณทักษิณต้องรับภัยและรับผิดชอบการพูดและกระทำของตัวเอง

ว่ากันเฉพาะเรื่องการเมืองอื่นๆที่คุณทักษิณพาดพิงถึงในหนังสือ สนทนากับทักษิณ หรือ “Conversations with Thaksin” นี้ ก็ทำให้เห็นแผนการณ์ของระบอบทักษิณในประเทศไทยมากขึ้น ชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างเรื่องเกี่ยวกับ:
พล เอก เปรม ติณสูลานนท์, ประธานองค์มนตรี

คุณทักษิณพูดว่า:

Thaksin: “ท่านเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาองค์มนตรีทั้งหมด ท่านมีบารมีถึงขนาดสามารถสั่งนายกรัฐมนตรีทั้งหลายให้ “ทำโน่น อย่าทำนี่” ได้เลย และท่านสามารถสั่งผู้บัญชาการทหารบกทหารอากาศว่าควร ‘ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้’ ตอนที่ผมเป็นรัฐบาล ก่อนที่ผมจะถูกโค่นอำนาจ ท่านก็อายุ 80 กว่าแล้ว ใส่เครื่องแบบหทารอันงดงามของท่านออกไปบรรยายตามสถาบันทหารต่างๆ โดยใช้คำเปรียบเปรยว่าให้คิดว่าสถาบันทหารนั้นเปรียบได้ดั่งม้า มาบอกไม่ต้องเชื่อฟังคนขี่ม้า นั่นถือเป็นการบอกใบ้ต่อเหล่าทหารทั้งหลายมิให้เชื่อฟังนายกรัฐมนตรี”

“He’s the most powerful of all the Privy Councillors. He has the clout to tell prime ministers, ‘You do this, you do not do this.’ And he can talk to all the army and air force commanders and say, ‘You should do that, you should do this.’ Now, during my administration, before I was ousted, he, at 80-plus years old, wearing his splendid uniforms, goes to visit every military academy and gives lectures. In one of his lectures he used his metaphor: think of Thailand’s military establishment as a horse; horses don’t have to listen to their jockey. So that was the hint that he told the military, ‘Don’t listen to the prime minister.’” 

คุณทักษิณเป็นคนชอบพูด ชอบตอบคำถาม
ถามอะไรมาก็ได้ แต่ชอบจะตอบตามที่ต้องการตอบ 
ไม่จำเป็นต้องตรงกับคำถาม

[ถาม “มาเลย์” ตอบ “มุสลิม”]

Tom: “ลงไปทางใต้ของประเทศไทย, ที่มาเลเซีย อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเดร์เคยเขียนหนังสือที่โด่งดังเรื่องหนึ่งชื่อ “The Malay Dilemma” ในหนังสือเล่มนั้นท่านอ้างว่าปัญหาของคนมาเลย์ก็คือการที่เป็นคนไม่ทะเยอทะยาน ท่านบอกว่าชาวมาเลย์ไม่ชอบทำงานหนัก เขาชอบสนุกกับชีวิตมากเกินไป และคนมาเลย์ก็ไม่มีวันจะพัฒนาประเทศได้อย่างถูกต้องเหมาะสมด้วยวิถีชีวิตแบบนี้”

“To Thailand’s south, in Malaysia, former PM Mahathir wrote a famous book in 1970 called The Malay dilemma, and in that book he claims the problem with the Malays is that they’re not ambitious. He says they don’t really want to work hard. They enjoy life too much, and Malaysia cannot get its country developed properly that way.”

Thaksin: “มันก็แบบเดียวกันกับพวกคนมุสลิมในภาคใต้ของไทย พวกมุสลิมก็เอาแต่ไปโรงเรียนสอนศาสนา พวกเขาไม่ต้องการไปเรียนหนังสือในโรงเรียนธรรมดา 

และอย่างที่สอง บ่อยมากที่พวกสามีเป็นคนเกียจคร้าน พวกผู้ชายเอาแต่อยู่ในร้านน้ำชาทั้งวัน นั่งกินน้ำชากันไปวันๆ แล้วก็เล่นนกเขา นกแบบที่มีเสียงร้องได้นั่นแหละ พวกผู้หญิงในบ้านกลายเป็นฝ่ายออกไปทำงานกรีดยาง.”

“พวกผู้ชายไทยมุสลิมจำนวนมาก ไม่มีความทะเยอทะยานจะทำงานทำการอะไรเลย”

“It’s the same with the Muslims in Thailand’s south. They go only to religious schools. They don’t want to go to normal schools. And, secondly, often the husband is very lazy. They want to stay all day in tea-houses, drinking tea, and then playing with the cuckoo bird, the one that can sing. It is the lady of the house who goes to work the rubber trees.”

“Many men have no ambition.”

เป็นคำวิจารณ์จากคุณทักษิณที่ดูแคลนชาวไทยมุสลิม ท้าทายความสงบในชีวิตของคุณทักษิณอีกวาระหนึ่ง ถ้า...หรือเมื่อ...คุณทักษิณกลับมาประเทศไทย

[ถามแดง ตอบเหลือง]

Tom: “คุณให้เงินสนับสนุนพวกเสื้อแดงบ้างหรือเปล่า? … คุณส่งเงินไปให้พวกแดงบ้างไหม?”

“have you been funding them?… Have you sent them money?”

Thaksin: “(ทักษิณถอนหายใจ): “คุณรู้ไหมว่าไม่มีกฎหมายห้ามเรื่องบริจาคเงินให้กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ว่าส่วนใหญ่เขาก็ได้เงินบริจาคจากที่นี่บ้างที่โน่นบ้าง”

 (He sighs) “You know, there is no law prohibiting sending funds to any movement, but most of them they get donations from here and there.”

Tom: “จากที่ไหนล่ะ?”
From where?”

Thaksin: “จากที่นี่ ที่โน่น … มีหลายคนสนับสนุนพวกเสื้อแดง รู้ไหม. แล้วพวกเสื้อเหลืองนั้นล่ะ มีพวกคนระดับสูง ผู้มีอำนาจ --- อำนาจเก่าระดับบน --- บริจาคให้ … ให้เยอะด้วย บางที่ก็ให้กันอย่างเปิดเผย ที่อย่างนั้นทำไมไม่มีใครว่า พอเวลามาพูดถึงเงินบริจาคให้พวกเสื้อแดง เราได้รับบริจาค --- ส่วนใหญ่เป็นเงินไม่มาก --- แต่เราไม่ต้องไป [จ้าง] คนมาร่วมชุมนุม พวกเสื้อแดงเขาชุมนุมกันเพราะจะมาต่อสู้ แต่พวกเสื้อเหลือง --- บางทีเขาต้องจ่ายเงินจ้างให้มาชุมนุมกันเสมอๆ พวกเสื้อเหลืองต้องการใช้เงินมากๆ ส่วนพวกเรานั้นได้รับเงินบริจาคจากที่นี่ที่โน่น และได้จากเพื่อนๆด้วย --- จากพวกเพื่อนๆ และพวกญาติ พี่น้องของผมบางคนเขาอาจบริจาคด้วย ผมไม่รู้ และผมไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะผมอยู่ที่นี่ แต่บางทีถ้าเพื่อนผมบางคนอยากจะสนับสนุนขบวนการเสื้อแดงก็ได้ เขาคงบริจาคกัน”

“From here and there … many people support the Reds, you know. Then the Yellow Shirts, even some member of the elite establishment -- old establishment and elite ---make donations … big money, sometimes openly. No one criticizes that. But for us, we get donations --- but mostly small donations --- but we don’t have to [hire] people to come. They come because they want to fight, but the Yellow Shirts --- sometimes they have to pay people, you know, they sometimes pay those who come to demonstrate and so on. So they need a lot of money. We don’t need a lot of money. We get donations from here and there, and also some friends---some friends, some of my relatives, maybe they donate. I don’t know. And I did not do anything because I’m here. But maybe if some of my friends would like to support the movement, well yes, they do.”

Tom: “แล้วตัวคุณหล่ะ คุณส่งเงินไปมากน้อยเท่าไร ที่ส่งไปให้พวก(เสื้อแดง)ที่สนับสนุนคุณ?”
“ But how much money have you sent back, or given to your supporters?”

Thaksin: “ผมมีเงินนอกประเทศไทยไม่มากนัก และยังต้องใช้เงินลงทุนบางอย่างอยู่บ้าง ผมมีเงินของ ครอบครัวอยู่ในเมืองไทย ผมไม่เคยส่งเงินกลับไปประเทศไทยเพื่ออะไรเลย”
I don’t have much money outside Thailand and I still doing some investing. I have my family money in Thailand. I never send money back to Thailand for anything.”

Tom: “แต่คุณคงมีวิธีเอาเงินออกจากบัญชีในกรุงเทพฯให้พวกคนของคุณ?”
“But do have ways of getting money out of your accounts in Bangkok to your people?”

Thaksin: “ทุกบาททุกสตางค์ที่มีอยู่ที่โน่น --- ครอบครัวผมถูกเฝ้าตามดูอย่างใกล้ชิดโดยพวกเขา --- ความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวถูกติดตามดูตลอด
“Everything that is there---they have been monitoring my family closely---every movement will be monitored.”

Tom: “ครับ แล้วคำตอบว่าไงครับ? คุณให้เงินสนับสนุนพวกเสื้อแดงของคุณหรือเปล่า?”
“Right. So what is the answer? Are you funding your Reds or not?

Thaksin:   “เปล่า” 
“No.”

Tom: “เปล่าจริงๆหรือ?” 
“You’re not.”

Thaksin: “เปล่าเลย จริงๆ”
 “No.”

Tom:  “โอเค, เปล่าก็เปล่า, เพราะถ้าเกิดพบที่หลังว่าคุณสนับสนุน มันจะดูไม่ดีนะครับ”
“Okay, because if it comes out you are, it’s going to be awkward.”
             
Thaksin:  “เปล่า, ไม่ได้ให้, บอกว่าเปล่าก็เปล่า” 
“No, no.”

Tom: “ครับ เปล่าก็เปล่า”
“Alright.”

           

Thaksin: “ไม่ได้ให้ จริงๆ โธ่!” 
“No.”
           
Tom: “แต่ผมว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรผิดนะครับหากจะให้เงินสนับสนุน ผมไม่คิดว่ามันจะผิดศีลธรรมอะไรเลย ที่ผมถามก็เพราะแค่อยากทราบความจริงเท่านั้นเอง”
“I don’t think there is anything wrong with it. I don’t think there is anything morally wrong with it. I’m just asking, just trying to find out the truth.”

Thaksin: “ไม่, ไม่มีอะไรผิดหรอกที่จะบริจาคเงิน”
“No, nothing wrong with it.”

Tom: “ในทางกฎหมายก็คงไม่มีอะไรผิด แต่ว่าไม่น่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องในการสร้างประชาธิปไตย ไช่ไหมครับ?”
“Nothing wrong legally, perhaps; but surely it’s no way to run a democratic railroad. Right?”

คุณทักษิณผงกศีรษะรับว่าเห็นด้วย
He nods in agreement.

ไม่มีบทสนทนาช่วงไหนจะสนุกเท่ากับช่วงนี้เลย 
คุณทักษิณไม่ตอบเสียยาว 
จนรู้คำตอบที่ไม่ยอมตอบในที่สุด 
เป็นคำตอบที่ผมรู้ดีอยู่แล้วเป็นส่วนตัว 

เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็รู้คำตอบเช่นกัน … 
นี่คือตัวตนที่แท้จริงของ พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร

คุณทักษิณโกงเก่ง แต่โกหกไม่เก่ง ถ้าเจอคำถามซับซ้อน วกวนไปมา ถามแรงๆ ชนแรงๆ คุณทักษิณก็ตอบยาวจนแม้ไม่ถามก็ยังตอบอีกต่างหาก

ผมอยากขอสัมภาษณ์คุณทักษิณสักชั่วโมงจริงๆ
กินข้าวด้วยสักมื้อก็ได้ แล้วผมจะจ่ายให้สัก 200,000 อีกต่างหาก!

[ทักษิณอยากกลับประเทศไทยทำไม?]

คุณทักษิณอยากกลับมาประเทศไทยทำไม?
ปี 2537 ก่อนเข้าสู่การเมือง คุณทักษิณมีทรัพย์สิน $1.6-$2.2 พันล้าน
พอร่ำรวยมากมายมหาศาลขึ้น แล้วทำความผิดถูกยึดทรัพย์ คุณทักษิณบ่นกับ Tom ว่า:

Thaksin: “ตอนนี้เหลือความมั่งคั่งร่ำรวยน้อยลงไป เพราะรัฐบาลไทยโขมยเงินผมไป”
“Because the government robbed me, (now I have) less.

Thaksin: “พวกคณะปฏิวัติยึดอำนาจปล้นเงินผมไปโดยใช้ศาลการเมืองเป็นเครื่องมือ พวกเขาเอาไปอย่างหน้าด้านๆถึง $1.4 พันล้าน โดยการยึดส่วนของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นตอนที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งดอกเบี้ยและเงินปันผลช่วงที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย”
“ … I was robbed by the junta through the political court. They ridiculously  took away US$1.4 billion by confiscating the proportion of each share price that increased while I was prime minister, including the interest and dividends earned during my prime-ministership.”

[บทส่งท้าย]

ท้ายสุด … คุณทักษิณก็ถูก Tom Plate ถามให้ประเมินความรู้สึกทั้งหมดต่อชีวิต และการกระทำที่ผ่านมา:

Tom: “คุณรู้สึกเสียใจบ้างไหม?” 
“Do you have any regret?

Thaksin: “ครับผมรู้สึกเสียใจ, … แต่ความจริงก็คือว่า ผมจะทำแบบเดิมอีก ถ้าผมสามารถทำใหม่ได้ ผมก็จะทำอย่างเดิมทั้งหมด ถ้าพรุ่งนี้ทำได้ผมก็จะทำพรุ่งนี้เลย พวกเขาสามารถเตะโด่งผมออกนอกประเทศไปได้อีก แล้วผมก็จะตอบโต้สู้กลับ ให้ผมได้กลับบ้านอีก และถ้าพวกเขาทำกับผมอีก ผมก็จะสู้กับมันอีก และผมจะกลับมา”

“Yes, … but the truth is I would do it again. If I could do it all again tomorrow I would. They could kick me out again, and I’d fight back and I’d go back home. And if they do that again, I will fight it, and I will be back.”

เป็นการยืนยันรับประกันชัดเจนโดยตรงจากปากคุณทักษิณว่า 

คุณทักษิณจะไม่สำนึกผิดอะไรทั้งส้ิน 

หากกลับมาประเทศไทยอีกก็จะทำแบบเดิมอีก 

ไม่เปลี่ยนแปลง 

ถ้าถูกขัดขวางอีก ก็จะสู้ไม่ถอย 

ถูกผลักดันให้ออกไปนอกประเทศอีก ก็จะสู้อีก 

จะกลับมาทำอย่างเดิมแน่นอน!

ท่าทางระบอบทักษิณจะไม่ปรองดองกับใครแน่!

ด้วยเรื่องจริงที่เล่ามานี้
เรา …. มวลมหาประชาชนไทย จึงต้องล้มระบอบทักษิณ 
ให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง
ปฏิรูปประเทศไทยที่รักของเรา ก่อนการเลือกตั้ง
สำหรับมวลมหาประชาชนที่ต่อสู้มาเข้าเดือนที่สาม เดือนนี้ 
อาจจะจบเร็วจบช้า ก็ได้ทั้งสิ้น แต่ต้องจบเป็นชัยชนะของประชาชนแน่นอน 

เพราะเหตุผลในการต่อสู้เพื่อสร้างชาติสร้างแผ่นดินของมวลมหาประชาชนครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ที่ชอบธรรม มีเหตุผลสมบูรณ์ 
เพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ขอบพระคุณ และสวัสดีครับ
สมเกียรติ อ่อนวิมล
26 มกราคม 2557

อ้างอิง:
Thomas Plate, Conversations with Thaksin - From Exile to Deliverance: Thailand’s Populist TycoonTells His Story, Giants of Asia Series, Marshall Cavendish Editions, Singapore, 2011, 252 pages, ISBN: 978-981-4328-68-5]

[แถมท้าย หลังประชาชนปรบมือเสร็จ]
ผมประสานงานกับ กปปส. แล้วว่าจะกลับมาที่เวทีปทุมวันอีกครั้งเมื่อผมเตรียมตัวพร้อม โดยคราวหน้าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ
แต่ขอเตรียมตัวมากๆหน่อย 
อาจจะต้องความช่วยเหลือตรวจบทภาษาอังกฤษ จากเอกณัฐ และ น้องตั๊น
เพราะภาษาอังกฤษของสองหนุ่มสาวนั้นเป็น Oxford / Cambridge / Queen’s English  แท้ๆ …… 

ภาษาอังกฤษของผมมัน Suphanburi English

พบกันใหม่เร็วๆนี้ครับ
Picture

THAIVISION®
REFLECTION ON EVENTS ON PLANET EARTH AND BEYOND 
​©2023 All Rights Reserved  Thai Vitas Co.,Ltd.  Thailand  
✉️
​
[email protected]
  • REFLECTION
    • MORNING WORLD >
      • THAKSIN and ASEAN
      • THAKSIN 2010
      • BOBBY SANDS
    • IN CONTEXT >
      • CLASS WAR IN THAILAND?
      • ราชอาณาจักรแห่งบ่อนการพนัน
      • หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
      • SINGAPORE VS TRUMP'S TARIFF
      • สงครามการค้า สหรัฐฯ vs. ไทย
      • IN CONTEXT 17/2024 [Earth Day 1970-2024]
      • IN CONTEXT 16/2024
      • IN CONTEXT 15/2024
      • IN CONTEXT 14/2024
      • IN CONTEXT 13/2024
      • IN CONTEXT 12/2024
      • IN CONTEXT 11/2024
      • IN CONTEXT 10/2024
      • IN CONTEXT 9/2024
      • IN CONTEXT 8/2024
      • IN CONTEXT 7/2024
      • IN CONTEXT 6/2024
  • ON PLANET EARTH
    • EARTH
    • THE WORLD >
      • SCAM INC. (The Economist)
      • SOUTH-EAST ASIAN SEA
  • THAILAND
    • THE MONARCHY >
      • THE MONARCHY IN WORLD FOCUS
      • 9th KING BHUMIBOL- RAMA IX >
        • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
        • Queen Sirikit 1979
        • THE KING'S WORDS
        • THE KING AND I
      • 5th KING CHULALONGKORN >
        • KING CHULALONGKORN THE TRAVELLER
        • KING CHULALONGKORN THE INTERNATIONALIST
      • PHRA THEP (PRINCESS SIRINDHORN)
    • DEMOCRACY IN THAILAND
    • NATIONAL PARKS OF THAILAND >
      • KHAO YAI NATIONAL PARK
      • PHA TAEM NATIONAL PARK
      • PHU WIANG NATIONAL PARK
      • NAM NAO NATIONAL PARK
      • PHU HIN RONG KLA NATIONAL PARK
      • PHU KRADUENG NATIONAL PARK
      • PHU RUEA NATIONAL PARK
      • MAE YOM NATIONAL PARK
      • DOI SUTHEP-PUI NATIONAL PARK
      • DOI INTHANON NATIONAL PARK
      • THONG PHA PHUM NATIONAL PARK
      • KAENG KRACHAN NATIONAL PARK
      • MU KO ANG THONG NATIONAL PARK
      • MU KO SURIN NATIONAL PARK
      • MU KO SIMILAN NATIONAL PARK
      • HAT NOPPHARATA THARA - MU KO PHI PHI NATIONAL PARK
      • MU KO LANTA NATIONAL PARK
      • TARUTAO NATIONAL PARK
    • THAKSIN and ASEAN
  • AND BEYOND
  • THE LIBRARY
    • THE ART OF WAR by SUN TZU
    • SUFFICIENCY ECONOMY BY KING BHUMIBOL OF THAILAND
    • SOFT POWER (Joseph Nye, Jr.)
    • CONVERSATIONS WITH THAKSIN by Tom Plate
    • THE GREAT ILLUSION/Norman Angell
    • MORNING WORLD BOOKS >
      • CASINO ROYALE
      • 1984
      • A BRIEF HISTORY OF TIME
      • A HISTORY OF THAILAND
      • CONSTITUTION OF THE UNITED STATES
    • SCIENCE >
      • ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
      • HUMAN
    • DEMOCRACY IN AMERICA
    • FIRST DEMOCRACY
    • JOHN MUIR
    • MODELS OF DEMOCRACY
    • MULAN
    • THE VOYAGE OF THE BEAGLE
    • ON THE ORIGIN OF SPECIES
    • PHOOLAN DEVI
    • THE REPUBLIC
    • THE TRAVELS OF MARCO POLO
    • UTOPIA
    • A Short History of the World [H.G.Wells]
    • WOMEN OF ARGENTINA
    • THE EARTH : A Very Short Introduction
    • THE ENGLISH GOVERNESS AT THE SIAMESE COURT
    • TIMAEUAS AND CRITIAS : THE ATLANTIS DIALOGUE
    • HARRY POTTER
    • DEMOCRACY / HAROLD PINTER
    • MAGNA CARTA
    • DEMOCRACY : A Very Short Introduction
    • DEMOCRACY / Anthony Arblaster]
    • DEMOCRACY / H.G. Wells
    • ON DEMOCRACY / Robert A. Dahl)
    • STRONG DEMOCRACY
    • THE CRUCIBLE
    • THE ELEMENTS OF STYLE
    • THE ELEMENTS OF JOURNALISM | JOURNALISM: A Very Short Introduction
    • LOVE
    • THE EMPEROR'S NEW CLOTHES
    • THE SOUND OF MUSIC
    • STRONGER TOGETHER
    • ANIMAL FARM
    • POLITICS AND THE ENGLISH LANGUAGE
    • GEORGE ORWELL
    • HENRY DAVID THOREAU >
      • WALDEN
    • MAHATMA GANDHI
    • THE INTERNATIONAL ATLAS OF LUNAR EXPLORATION
    • พระมหาชนก
    • ติโต
    • นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ | A Man Called Intrepid
    • แม่เล่าให้ฟัง
    • SUFFICIENCY ECONOMY
    • พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง
    • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
    • ... คือคึกฤทธิ์
    • KING BHUMIBOL ADULYADEJ: A Life's Work
    • THE KING OF THAILAND IN WORLD FOCUS
    • พระราชดำรัสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ >
      • THE KING'S WORDS
    • TESLA INTERVIEW 1926
  • IN MY OPINION
  • S.ONWIMON
    • MY STORY
    • THE DISSERTATION
    • THE WORKS >
      • BROADCAST NEWS & DOCUMENTARIES
      • SPIRIT OF AMERICA
      • THE ASEAN STORY
      • NATIONAL PARKS OF THAILAND
      • HEARTLIGHT: HOPE FOR AUTISTIC CHILDREN IN THAILAND
    • SOMKIAT ONWIMON AND THE 2000 SENATE ELECTION
    • KIAT&TAN >
      • TAN ONWIMON >
        • THE INTERVIEW
    • THAIVISION