มากกว่าหนึ่งปีมาแล้วที่ Hillary Clinton ได้วางแผน กำหนดวาระแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนอเมริกันให้ดีขึ้น ทำให้ประเทศเข้มแข็งขึ้น มั่นคงปลอดภัยมากขึ้น หนังสือเล่มนี้ชื่อ Stronger Together โดยหลักก็คือความคิดของท่านที่ต่อมานำมาผสมผสานกับความคิดของ Tim Kaine ซึ่งได้รับเลือกเข้าร่วมทีมแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดี คู่กับท่านที่หาเสียงเลือกตั้งเพื่อตำแหน่งประธานาธิบดี ในนามพรรค Democrat ท่านคิดและวางแผนกำหนดนโยบายมานานก่อนหน้าการหยั่งเสียงขั้นต้นที่เรียกว่า Primary แล้ว และสามารถย้อนไปได้ถึงสมัยยังสาวหลังแต่งงานไม่นาน
Hillary Rodham Clinton เป็นภรรยาของอดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ผู้เริ่มชีวิตการเมืองในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ Arkansas ตอนเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในทำเนียบขาว Hillary Clinton ทำงานสาธารณะแข็งขันยิ่งกว่าการเป็นภรรยาประธานาธิบดีตามปรกติธรรมดา มีคณะทำงานของท่านเองทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติในหลายเรื่อง ต่อมาท่านสมัครและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภารัฐ New York ลงสมัครชิงเป็นตัวแทนพรรค Democrat เพื่อแข่งขันเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่พ่ายแพ้แก่ Barack Obama กระนั้นก็ตามท่านก็ยังยินดีรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมัยแรก แล้วออกมาเตรียมการเพื่อลงสมัครแข่งขันรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง คราวนี้ท่านประสพความสำเร็จได้เป็นตัวแทนพรรค และรณรงค์หาเสียงรับเลือกตั้งแข่งขันกับนาย Donald Trump แห่งพรรค Republican โดยกำหนดวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2016 เป็นวันเลือกตั้งเป็นทางการ ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้านั้นเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนแล้ว นโยบายโดยละเอียดทุกเรื่อง ในแผนการทำงานของท่านเมื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี อยู่ในเว็ปไซท์ชื่อ https://www.hillaryclinton.com และรวบรวมพิมพ์ออกมาในรูปแบบหนังสือเล่มขนาดพกพา หาซื้อได้ทั่วไป สะดวกที่สุดก็โดยการสั่งซื้อทางร้าน internet ของ www.amazon.com ที่ https://www.amazon.com/Stronger-Together-Hillary-Rodham-Clinton/dp/1501161733/ref=sr_1_1?s=books&ie=UTF8&qid=1473559590&sr=1-1&keywords=stronger+together |
ผมสั่งหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ใช้เวลาเพียงสี่วัน DHL ก็นำหนังสือมาส่งตรงถึงบ้านที่ภูพิมาน ปากช่อง นครราชสีมา เลือกอ่านเรื่องที่สนใจก่อน และแปลเป็นไทยเฉพาะเรื่องนโยบายที่เกี่ยวกับเอเชียก่อน หากตรวจดูสารบัญจะพบรายละเอียดทุกเรื่องที่เป็นนโยบายหลักสำคัญ ส่วนเวลาหาเสียงอาจพูดเรื่องอื่นด้วยและมีการตำหนิวิพากษ์คู่แข่งด้วย ก็เป็นเรื่องธรรมดาของการหาเสียงทางการเมือง แต่ในที่สุดแล้วประชาชนคนอเมริกันผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำเป็นต้องอ่านและทำความเข้าใจในนโยบายทั้งหมดก่อนตัดสินใจลงคะแนน
บทแปล
เอเชีย
“หกสิบเปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกอยู่ในเอเชีย [13] กว่าครึ่งของการพาณิชย์นาวีต้องใช้เส้นทางเดินเรือผ่านมหาสมุทรของเอเชีย [14] เหมือนเช่นในศตวรรษที่ 20 ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับยุโรปเป็นองค์ประกอบสำคัญ มาในศตวรรษที่ 21 นี้ก็จะเป็นศตวรรษแห่งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับภาคพื้นแปซิฟิค ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องทำให้มั่นใจได้ว่าพันธมิตรของสหรัฐฯ, ความผูกพันทางเศรษฐกิจ, การทูต, และบทบาททางการทหารของสหรัฐฯในเอเชียจะต้องเข้มแข็งมากขึ้นยิ่งกว่าที่เคยมีมาแต่ก่อนๆ
เราเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่มีมาอย่างใกล้ชิดแต่เดิม เช่น เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น พร้อมทั้งได้สร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรใหม่ เป็นต้นว่าเราได้ช่วยทำให้พม่าเข้าสู่วิถีประชาธิปไตย และพม่าก็เพิ่งจะผ่านพ้นช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกอย่างสันติ แสดงให้เห็นว่าบทบาทการเป็นผู้นำของสหรัฐฯนั้นมีคุณค่าสำคัญอย่างไรในโลก เราทำงานเพื่อการต่อต้านขัดขวางการข่มขู่จากเกาหลีเหนือผู้มีลักษณะก้าวร้าวรุกราน และเมื่อการทูตล้มเหลว เรากับพันธมิตรในภูมิภาคก็ใช้นโยบายปิดกั้นทางเศรษฐกิจที่เข้มข้นอย่างที่สุดเพื่อหยุดยั้งโครงการสร้างสมอาวุธอันตรายร้ายแรงทั้งหลายของเกาหลีเหนือ และก็ด้วยความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งมากขึ้นในเอเชียนี้เองทำให้เราสามารถเผชิญหน้าสู้กับกับจีนในทุกเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของชาติเรา ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หรือที่ไหน เช่นในทะเลจีนใต้ว่าด้วยเรื่องเสรีภาพในการเดินเรือ; เรื่องการที่จีนละเมิดสิทธิมนุษยชน; และเรื่องการปกป้องบริษัทอเมริกันทั้งหลายจากการการที่จะถูกจีนทำจารกรรมทรัพย์สินทางปัญญา
ในฐานะที่เป็นภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุดของโลก เกิดชนชั้นผู้มีรายได้ระดับกลางเพิ่มมากขึ้น เอเชียจึงกลายเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 สำหรับสินค้าอเมริกันอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ธุรกิจอเมริกันที่จะประสพความสำเร็จก็จะต้องเข้าถึงตลาดเอเชียให้ได้ จากปี 2009 ถึง 2012 สินค้าออกจากสหรัฐเข้าจีนเพิ่มขึ้น $40,000 ล้าน และในภาพรวม สินค้าอเมริกันเข้าเอเชียเพิ่มขึ้น $120,000 ล้าน [15-16] การผลิตสินค้าส่งออกไปเอเชียยังผลให้เพิ่มการจ้างงานในประเทศสหรัฐฯเองถึง 3.5 ล้านคน [17]
ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน เป็นลักษณะความสัมพันธ์ที่ละเอียดซับซ้อนที่สุดและมีผลกระทบต่อโลกมากที่สุด ดังนั้นการที่จะจัดการกับเรื่องนี้จึงจำต้องใช้ความชาญฉลาดและหนักแน่น
การรักษาพันธมิตรเดิมไว้อย่างแน่นแฟ้นและการพัฒนาหุ้นส่วนพันธมิตรใหม่ในเอเชียนับว่าเป็นเรื่องสำคัญในอันที่จะจัดการปัญหาต่างๆกับจีนในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เรื่องการค้าไปจนถึงเรื่องทะเลจีนใต้ เราจะดำเนินการผ่านอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง ประเทศไทย, เวียดนาม, และ อินโดนีเซีย และสนับสนุนพม่าต่อไปในการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น
การรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในเอเชียถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับการรักษาความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาเอง ดูเรื่องการข่มขู่จากเกาหลีเหนือเป็นตัวอย่าง เกาหลีเหนืออาจจะเป็นรัฐที่กดขี่ข่มเหงประชาชนมากที่สุดบนโลกมนุษย์ก็เป็นได้ เกาหลีเหนือปกครองโดยผู้นำเผด็จการคลั่งอำนาจ ผู้ต้องการสร้างขีปนาวุธพิสัยไกลที่จะติดหัวรบนิวเคลียร์ยิงไปถึงสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้เราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรของเรา คือญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ในการที่จะตอบโต้การข่มขู่จากเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงการสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธที่สามารถยิงทำลายขีปนาวุธติดหัวรบ(นิวเคลียร์) ของเกาหลีเหนือได้ ถ้าหากว่าผู้นำเกาหลีเหนือจะบ้าบิ่นพอที่จะยิงขีปนาวุธมายังเรา [18] เทคโนโลยีเป็นของอเมริกา ส่วนสำคัญของระบบนั้นได้ติดตั้งบนเรือรบของญี่ปุ่น ทั้งสามประเทศช่วยกันสร้างระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ว่านี้ และสำหรับปีนี้ (2016) กองทัพของทั้งสามประเทศมีปฏิบัติการฝึกรบร่วมผสมกันเพื่อตรวจสอบความพร้อมของระบบ นั่นคือพลังของการสร้างพันธมิตรในเอเชีย”
หมายเหตุ
อ้างอิงเชิงอรรถ [13-18] ดูในต้นฉบับภาษาอังกฤษ
ข้อความใน (วงเล็บ) เป็นของผู้แปล
11 กันยายน 2016
เราเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่มีมาอย่างใกล้ชิดแต่เดิม เช่น เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น พร้อมทั้งได้สร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรใหม่ เป็นต้นว่าเราได้ช่วยทำให้พม่าเข้าสู่วิถีประชาธิปไตย และพม่าก็เพิ่งจะผ่านพ้นช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกอย่างสันติ แสดงให้เห็นว่าบทบาทการเป็นผู้นำของสหรัฐฯนั้นมีคุณค่าสำคัญอย่างไรในโลก เราทำงานเพื่อการต่อต้านขัดขวางการข่มขู่จากเกาหลีเหนือผู้มีลักษณะก้าวร้าวรุกราน และเมื่อการทูตล้มเหลว เรากับพันธมิตรในภูมิภาคก็ใช้นโยบายปิดกั้นทางเศรษฐกิจที่เข้มข้นอย่างที่สุดเพื่อหยุดยั้งโครงการสร้างสมอาวุธอันตรายร้ายแรงทั้งหลายของเกาหลีเหนือ และก็ด้วยความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งมากขึ้นในเอเชียนี้เองทำให้เราสามารถเผชิญหน้าสู้กับกับจีนในทุกเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของชาติเรา ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หรือที่ไหน เช่นในทะเลจีนใต้ว่าด้วยเรื่องเสรีภาพในการเดินเรือ; เรื่องการที่จีนละเมิดสิทธิมนุษยชน; และเรื่องการปกป้องบริษัทอเมริกันทั้งหลายจากการการที่จะถูกจีนทำจารกรรมทรัพย์สินทางปัญญา
ในฐานะที่เป็นภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุดของโลก เกิดชนชั้นผู้มีรายได้ระดับกลางเพิ่มมากขึ้น เอเชียจึงกลายเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 สำหรับสินค้าอเมริกันอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ธุรกิจอเมริกันที่จะประสพความสำเร็จก็จะต้องเข้าถึงตลาดเอเชียให้ได้ จากปี 2009 ถึง 2012 สินค้าออกจากสหรัฐเข้าจีนเพิ่มขึ้น $40,000 ล้าน และในภาพรวม สินค้าอเมริกันเข้าเอเชียเพิ่มขึ้น $120,000 ล้าน [15-16] การผลิตสินค้าส่งออกไปเอเชียยังผลให้เพิ่มการจ้างงานในประเทศสหรัฐฯเองถึง 3.5 ล้านคน [17]
ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน เป็นลักษณะความสัมพันธ์ที่ละเอียดซับซ้อนที่สุดและมีผลกระทบต่อโลกมากที่สุด ดังนั้นการที่จะจัดการกับเรื่องนี้จึงจำต้องใช้ความชาญฉลาดและหนักแน่น
การรักษาพันธมิตรเดิมไว้อย่างแน่นแฟ้นและการพัฒนาหุ้นส่วนพันธมิตรใหม่ในเอเชียนับว่าเป็นเรื่องสำคัญในอันที่จะจัดการปัญหาต่างๆกับจีนในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เรื่องการค้าไปจนถึงเรื่องทะเลจีนใต้ เราจะดำเนินการผ่านอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง ประเทศไทย, เวียดนาม, และ อินโดนีเซีย และสนับสนุนพม่าต่อไปในการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น
การรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในเอเชียถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับการรักษาความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาเอง ดูเรื่องการข่มขู่จากเกาหลีเหนือเป็นตัวอย่าง เกาหลีเหนืออาจจะเป็นรัฐที่กดขี่ข่มเหงประชาชนมากที่สุดบนโลกมนุษย์ก็เป็นได้ เกาหลีเหนือปกครองโดยผู้นำเผด็จการคลั่งอำนาจ ผู้ต้องการสร้างขีปนาวุธพิสัยไกลที่จะติดหัวรบนิวเคลียร์ยิงไปถึงสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้เราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรของเรา คือญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ในการที่จะตอบโต้การข่มขู่จากเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงการสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธที่สามารถยิงทำลายขีปนาวุธติดหัวรบ(นิวเคลียร์) ของเกาหลีเหนือได้ ถ้าหากว่าผู้นำเกาหลีเหนือจะบ้าบิ่นพอที่จะยิงขีปนาวุธมายังเรา [18] เทคโนโลยีเป็นของอเมริกา ส่วนสำคัญของระบบนั้นได้ติดตั้งบนเรือรบของญี่ปุ่น ทั้งสามประเทศช่วยกันสร้างระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ว่านี้ และสำหรับปีนี้ (2016) กองทัพของทั้งสามประเทศมีปฏิบัติการฝึกรบร่วมผสมกันเพื่อตรวจสอบความพร้อมของระบบ นั่นคือพลังของการสร้างพันธมิตรในเอเชีย”
หมายเหตุ
อ้างอิงเชิงอรรถ [13-18] ดูในต้นฉบับภาษาอังกฤษ
ข้อความใน (วงเล็บ) เป็นของผู้แปล
11 กันยายน 2016
อ้างจากหน้า 127-128 จากหนังสือนโยบาย Hillary Clinton and Tim Kaine, “Stronger Together: A Blueprint for America’s Future”,
Simon and Schuster Paperbacks, New York, London, Toronto, Sydney, New Delhi, 2016, 255 pages,