John Muir (21 April, 1838 – 24 December, 1914) นักคิด นักเขียน นักปรัชญาแห่งมหาวิหารธรรมชาติ นักต่อสู้เพื่อการอนุรักษ์ป่าเขาลำเนาไพรในสหรัฐอเมริกา จนทำให้เกิดอุทยานแห่งชาติ Yosemite อันยิ่งใหญ่ และทำให้รัฐบาลอเมริกันประกาศจัดตั้งพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นจำนวนมากตามมาถึงวันนี้ ความคิดเรื่องอุทยานแห่งชาติเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในโลก จนทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ออกกฎหมายจัดตั้งและอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติของประเทศตนตามแบบอย่างในสหรัฐอเมริกา ครอบครัวเป็นชาวสกอตแลนด์อพยพมาอยู่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ John ยังเป็นเด็กอายุเพียง 11 ปี ตอนเด็กก็ช่วยพ่อแม่ทำงานในฟาร์มที่รัฐ Wisconsin โตขึ้นออกจากบ้าน เดินป่าแสวงหาความสงบในชีวิต เรียนรู้และบันดาลความรักในธรรมชาติป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างลุ่มหลงธรรมชาติ เขียนหนังสือ รณรงค์ด้วยการให้ความรู้ พูดคุยกับรัฐด้วยความเป็นมิตร ไม่ต่อสู้ด้วยการชุมนุมประท้วง หนังสือ บทความ และบันทึก จดหมายต่างๆที่ John Muir เขียนไว้ตลอดชีวิตมีมากมายนับร้อยเรื่อง
|
John Muir ผู้บูชามหาวิหารแห่งธรรมชาติ กับชัยชนะบนความพ่ายแพ้ที่ Hetch Hetchy Valley “Yosemite (โยเซมิติ้) นั้นอัศจรรย์ยิ่งนักจนเราต้องยอมรับว่ามันเป็นเนรมิตกรรมที่งดงามไม่เหมือนที่ใด เกินจะอธิบายได้ หุบเขาลักษณะนี้มีที่เดียวในโลก, แต่ธรรมชาติก็มิได้สิ้นเนื้อประดาตัวถึงขนาดที่ว่ามีอะไรที่วิเศษอยู่แบบเดียวแห่งเดียวเท่านั้น; ยังมีธรรมชาติอันวิเศษตระการตาเยี่ยง Yosemite นี้ ที่ถูกค้นพบอีกหลายแห่งในเทือกเขา Sierra (เซียร์ร่า) เทือกเขาเดียวกันนี้ที่จะกล่าวได้ว่าอยู่ในสถานะธรรมชาติที่งามยิ่งทำนองเดียวกัน มันถูกสร้างด้วยพลังแบบเดียวกัน จากหินแกรนิตเหมือนกัน และหนึ่งในหุบเขาแถบนี้ที่ว่ามานั้นก็คือ Hetch Hetchy Velley (หุบเขา เฮทช์ เฮทชี่) ซึ่งก็อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี้ (Yosemite National Park) ห่างจากตัวภูเขา Yosemite ออกไปประมาณ 20 ไมล์ นักเดินทางสามารถเข้าถึงได้ทั้งทางถนนและทางเดินเลาะป่าที่เริ่มต้นตรงทางแยกจากถนน Big Oak Flat ตรงทุ่งราบ Bronson Meadows ซึ่งอยู่ล่างจากทุ่งราบ Crane Flat, สำหรับนักปีนเขาก็สามารถมาได้ทางแอ่งลำธาร Yosemite Creek แล้วเดินต่อไปทางลำธารแยกสายกลางของแม่น้ำ Tuolumne (ทูลุมนี).” John Muir (จอห์น มูร์) เริ่มพรรณนา เรื่อง “Hetch Hetchy Valley” ด้วยรูปแบบงานวรรณกรรมธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา โดยเขาจะบรรยายถึงป่าเขาลำเนาไพรที่ตัวเขาเองได้ไปร่วมชีวิตอยู่ด้วยจนเข้าถึงธรรมชาติซึ่งเปรียบเสมือนศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่มนุษย์จะเข้าไปซึมซับความสงบสุขด้วยจิตวิญญาณแห่งความเคารพบูชา John Muir จะเขียนถึงธรรมชาติ การทำงานของธรรมชาติ และความหมายของธรรมชาติ มากกว่าจะพูดถึงคนที่เข้าไปสัมผัสพลานุภาพของธรรมชาติ แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวของเขาเองก็จะให้ความสำคัญน้อยมาก งานเขียนทุกเรื่องของ John Muir จึงสุนทรีไปด้วยสีสันแห่งป่าเขา ดิน น้ำ ลำธาร น้ำตกที่โหมกระหน่ำซอกเขา ทางน้ำเล็กๆที่ไหลเอื่อย ลูบไล้ตะไคร่ที่คลุมโขดหิน หมู่นก ฝูงสัตว์ใหญ่น้อย หมีป่า หมาป่า กระรอก … ละเอียดลงไปถึงหนอนและแมลง สารพัดชีวิตที่งดงามในดินแดนขุนเขาที่สวยงามล้ำลึกที่สุดในสหรัฐอเมริกาและในโลก เรื่อง Hetch Hetchy Valley เป็นบทที่ 15 ของหนังสือเรื่อง The Yosemite ของ John Muir เพราะเขาคือผู้เขียนหนังสือและบทความ ทำกิจกรรมเชื่อมโยง วิ่งเต้น เจรจากับนักการเมือง ทั้งระดับชาติและระดับรัฐ ต่อสู้ กดดัน ผลักดัน จนเกิดอุทยานแห่งชาติ Yosemite National Park ซึ่งจัดลำดับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่สามของสหรัฐอเมริกา (1 ตุลาคม 1890) ต่อจาก The Yellowstone National Park (1872 - อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน) และ Sequoia National Park (27 กันยายน1890 - อุทยานแห่งชาติซีควาย่า) John Muir เขียนเรื่อง The Yosemite เสร็จและพิมพ์เผยแพร่ปี 1912 ตอนที่อายุถึง 74 ปีแล้ว เป็นการรวบรวมเรื่องราวของป่าดงพงไพรและขุนเขาอันยิ่งใหญ่แห่งแคลิฟอเนียร์ที่เขาเดินทางรอนแรมอยู่ยาวนานถึง 50 ปีก่อนหน้า เขาชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในป่า ในถ้ำ บนเขาสูง มีขนมปังแห้งกับใบชาเป็นอาหารและเครื่องดื่มประจำตัว นอนรอนแรมบนพื้นดินเนินหินก็ได้ สร้างกระท่อมอยู่เพื่อซึมซับชีวิตและธรรมชาติที่เขาหลงไหลและเคารพบูชา ไม่ใช้อาวุธปืนติดตัว ไม่ฆ่าสัตว์ทำลายชีวิตในป่า แต่ละครั้งที่เข้าป่าเดินไพร เขาจะอยู่นานเป็นเดือนๆ อาวุธที่แท้จริงของเขาคือสมุดบันทึก ดินสอ และปากกาสำหรับจดบันทึกทุกเรื่องทุกสิ่งที่พบเห็น เก็บตัวอย่างพืชพรรณ ใบไม้ ดอกไม้ เมื่อกลับออกจากป่าถึงบ้านอยู่กับครอบครัวก็เริ่มเรียบเรียงบันทึกและความทรงจำแล้วบรรจงเขียนเป็นหนังสือ ปี 1867 เมื่ออายุ 29 ปี John Muir เดินเท้าเป็นระทาง 1,000 ไมล์ จากเมือง Louisville รัฐ Kentucky ถึงรัฐ Florida ติดชายทะเลอ่าว Mexico ลงเรือข้ามทะเลไป Havana, Cuba นับเป็นการเริ่มชีวิตนักเดินทางร่วมกับธรรมชาติแต่บัดนั้น แต่สำหรับ John Muir ไม่มีที่ใดจะสงบงดงามยิ่งใหญ่สะกดจิตให้เคารพบูชาดุจเป็นมหาวิหารแห่งธรรมชาติเท่ากับเทือกเขา Sierra และ The Yosemite แห่ง California ความยิ่งใหญ่ของ The Yosemite และเทือกเขา Sierra ทำให้เขาใช้ทั้งชีวิตต่อสู้เรียกร้องรณรงค์จนทำให้รัฐบาลประกาศ The Yosemite เป็นอุทยานแห่งชาติได้ในที่สุด หลังจากนั้นชีวิตและงานเขียนของเขาก็ส่งผลให้ประชาชนชาวอเมริกันทั้งประเทศสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกิดแรงสามัคคีผลักดันนักการเมืองตั้งแต่ประธานธานาธิบดี รัฐมนตรี และผู้ว่าการรัฐ ให้เห็นพ้องต้องการประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ ป่าแห่งชาติ และอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ตามต่อมามากมาย รวมเกือบ 400 แห่ง ความคิดเรื่องอุทยานแห่งชาติเกิดที่อเมริกาแล้วส่งผลกระทบไปทั่วโลก ประเทศต่างๆในโลกจึงได้ความคิดจัดตั้งอุทยานแห่งชาติกันต่อมาทุกจนวันนี้ ก่อนถึงแก่กรรมตอนอายุ 76 ปี John Muir เขียนบทความลงนิตยสารจำนวนมาก แต่ที่เขียน-ขนาดยาวเป็นเล่มหนังสือมีเพียง 5 เล่ม คือ The Mountains of California (1894), Our National Parks (1901), My First Summer in the Sierra (1911), The Yosemite (1912), และ The Story of My Boyhood and Youth (1913). หลังจากนั้นเพื่อนที่ยังมีชีวิตอยู่และรู้จัก John Muir อย่างใกล้ชิดได้ค้นดูบันทึกของเขาที่เก็บไว้มากมายมหาศาลแต่เก็บอย่างไม่เป็นระบบนัก จึงจัดการเรียบเรียงเรื่องราวใหม่จนได้หนังสือพิมพ์เผยแพร่หลังการเสียชีวิตได้อีก 4 เรื่อง คือ Travels in Alaska (1915), A Thousand-Mile Walk to the Gulf (1916), The Cruise of the Corwin (1917), และ Steep Trails (1918) John Muir มักจะเหนื่อยใจกับงานเขียนที่มักไม่ได้อย่างที่ใจปรารถนา เขาจะเขียนได้ช้า แก้ไขต้นฉบับบ่อยมากจนงานแทบจะไม่เสร็จได้ง่ายๆ เขาจะพิถีพิถันในการเรียงร้อยถ้อยคำสำนวนข้อมูลข่าวสารและความรู้ต่างๆต้องให้ถูกต้อง ในรูปแบบงานที่เขาประดิษฐ์เองจนปัจจุบันได้รับการยกย่องเป็นวรรณกรรมเชิงธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว งานเขียนของเขาแม้จะถือเป็นอาวุธหลักในการต้อสู้เพื่อการพิทักษ์รักษาป่าและสรรพชีวิตในธรรมชาติก็ตาม แต่ John Muir ก็มิได้ใช้ภาษาของนักรณรงค์ที่รุนแรงตรงเป้าเข้าประเด็น แต่เขากลับใช้สุนทรีแห่งภาษาโน้มน้าวผู้อ่านให้หลงไหลในความงามและความยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติจนไม่อาจมีจิตใจคิดทำลายได้ เขาต้องการให้งานเขียนของเขาถึงผู้คนให้ได้อ่านกันให้มากที่สุด ให้ทุกคนมาดูป่าเขาลำเนาไพรให้ซึ้งตรึงใจจนกลับบ้านไปกลายเป็นคนผู้บูชาธรรมชาติอย่างเต็มตัว หากได้ผลเช่นนี้แล้วงานอนุรักษ์พิทักษ์ป่าและอุทยานแห่งชาติก็จะสำเร็จอย่างบริบูรณ์ ประธานาธิบดีทุกคนที่อยู่ร่วมสมัยในช่วงชีวิตของ John Muir รวมทั้งบุคคลผู้มีอำนาจตัดสินใจเรื่องอุทยานแห่งชาติ จะถูกเชิญมานอนค้างแรมกางเต้นท์ก่อกองไฟคุยกับเขา หรือหากบางท่านไม่มีเวลาจะค้างแรมอย่างน้อยก็ต้องเข้ามาคุยกันในป่าให้เห็นภาพเข้าใจบรรยากาศ เพื่อให้รับรู้ถึงความสำคัญของอุทยานแห่งชาติที่ควรจะอยู่ในสำนึกของประธานาธิบดี และนักการเมืองทั้งหลายอย่างลึกซึ้งและแนบแน่น ทัศนะเชิงบวก และความพร้อมที่จะรอมชอมข้อขัดแย้งของ John Muir ทำให้เขาต้องพบกับและยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของชีวิตการต่อสู้เพื่อพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ เป็นความพ่ายแพ้ต่อนักการเมืองที่ต้องการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำไว้ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าและส่งน้ำเข้าไปเลีี้ยงพลเมือง San Francisco หลังจากต่อสู้กับนายกเทศมนตรีนคร San Francisco และรัฐบาลกลางของประธานาธิบดี 3 คนต่อเนื่องกัน คือ Theodore Roosevelt, William Howard Taft, และ Woodrow Wilson จากปี 1897 ถึง 1913 ในที่สุดอำนาจทุนเหนือการเมืองก็สามารถจัดการให้รัฐบาลยอมออกกฎหมายให้นคร San Francisco สร้างเขื่อน O’Shaughnessy กักเก็บน้ำในพื้นที่หุบเขา Hetch Hetchy ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Yosemite National Park ได้ ทั้งๆที่กฎหมายเดิมห้ามใช้พื้นอุทยานแห่งชาติ แต่อำนาจการเมืองของนักธุรกิจที่คิดแต่เพียงเรื่องความสะดวกสบายทางวัตถุและการประหยัดเงินในการจัดหาน้ำใช้เองแทนที่จะต้องไปซื้อจากบริษัทประปาเอกชน ก็ทำให้ต้องพยายามหาทางสร้างเขื่อนทำอ่างเก็บน้ำราคาถูกเพียง 38 ล้านดอลล่าร์ และผันน้ำผ่านท่อจากหุบเขา Hetch Hetchy ยาวไกล 150 ไมล์ ไปยังมหานคร San Francisco John Muir ถึงแก่กรรมปี 1914 เป็นปีเดียวกันที่เริ่มการก่อสร้างเขื่อน O’Shaughnessy แล้วหุบเขา Hetch Hetchy ทั้งหมดก็จมลึกหายไปอยู่ใต้น้ำ 300 ฟุต เมื่อสร้างเขื่อนเสร็จในปี 1923 รวมเวลาก่อสร้าง 9 ปี หลังจากสร้างเขื่อน O’Shaughnessy และหลังจากหุบเขา Hetch Hetchy ถูกทำเป็นอ่างเก็บน้ำจมหายไปได้ 64 ปี ตรงกับเวลาที่ John Muir เสียชีวิตไปแล้ว 73 ปี จิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ ธรรมชาติในสังคมอเมริกันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นความถูกต้องความคิดและการต่อสู้ของ John Muir พร้อมทั้งยอมรับความผิดพลาดของรัฐบาลและนักการเมืองในอดีตที่สร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทำลายธรรมชาติแวดล้อม ในปี 1987 นาย Donald Hodel รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการในประเทศ (Secretary of the Interior - คล้ายกระทรวงมหาดไทย) ได้มีข้อเสนอให้ทบทวนโครงการเขื่อน O’Shaughnessy และให้เร่งศึกษาหาวิธีทุบทำลายเขื่อนแล้วคืนชีวิตหุบเขา Hetch Hetchy กลับสู่พื้นที่อุทยานแห่งชาติ Yosemite ให้เร็วที่สุดและรอบคอบดีที่สุด โดยให้ทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องศึกษาเรื่องการหาแหล่งน้ำทดแทน หาทางผลิตกระแสไฟฟ้าทดแทนไฟฟ้าจากเขื่อนเดิม และมิให้นคร San Francisco ต้องสูญเสียผลประโยชน์ทางการเงินตามที่เคยได้รับจากการผลิตน้ำประปาจากอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ซึ่งเป็นน้ำฟรีจากธรรมชาติ โครงการทุบทิ้งเขื่อน-คืนหุบเขา Hetch Hetchy ขณะน้ีกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษา และมีความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีและงบประมาณ ถือเป็นการยอมรับความล้มเหลวของเขื่อน ความไม่รอบคอบของนักการเมือง และการตกอยู่ใต้อิทธิพลของระบบทุนและวัตถุนิยมโดยไม่คำนึงถึงความสุขที่มนุษย์พึงได้โดยสิทธิในการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างสงบสุขและงดงาม สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ตัดไม้ทำลายป่ามากในประวัติศาสตร์ยุคบุกเบิกสร้างประเทศกว่า 200 ปีที่แล้ว และในนามแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจก็ได้บุกรุกพลาญธรรมชาติมามากในอดีตแล้ว แต่ความเจริญทางจิตใจด้วยสำนึกอนุรักษ์กำลังหวนกลับคืนมาสู่ประชาชนพลเมืองผู้เคารพธรรมชาติ ดั่งที่ John Muir ประพฤติตนเมื่อกว่า 150 ปี ที่ผ่านมา ทำให้โครงการทุบทิ้งเขื่อนจะเป็นความจริงในเวลาไม่นานข้างหน้าและจะเป็นแบบอย่างต่อมวลมนุษย์ผู้ที่กำลังสร้างเขื่อนแห่งใหม่ๆ ทำความผิดใหม่ๆอยู่ทั่วโลก ณ เวลานี้ด้วย สมเกียรติ อ่อนวิมล 23 กันยายน 2556 อ้างอิง: John Muir, John Muir: Nature Writings, The Library of America, New York, 1997, ISBN 978-1-883011-24-6 John Muir, Our National Parks, Cosimo Classics, New York, 2006, ISBN 1-59605-884-6 John Muir, The Yosemite, The Modern Library Classics, New York, 2003, ISBN 0-8129--6701-1 Edwin Way Teale, The Wilderness World of John Muir, Mariner Books, Boston, New York, 2001, ISBN 0-618-12751-8 Donald Worster, The Passion for Nature: The Life of John Muir, Oxford University Press, Oxfrod, New York, 2008, ISBN978-0-19-516682-8 http://www.sierraclub.org http://www.hetchhetchy.org |