THAIVISION
  • REFLECTION
    • MORNING WORLD >
      • THAKSIN and ASEAN
      • THAKSIN 2010
      • BOBBY SANDS
    • IN CONTEXT >
      • CLASS WAR IN THAILAND?
      • ราชอาณาจักรแห่งบ่อนการพนัน
      • หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
      • SINGAPORE VS TRUMP'S TARIFF
      • สงครามการค้า สหรัฐฯ vs. ไทย
      • IN CONTEXT 17/2024 [Earth Day 1970-2024]
      • IN CONTEXT 16/2024
      • IN CONTEXT 15/2024
      • IN CONTEXT 14/2024
      • IN CONTEXT 13/2024
      • IN CONTEXT 12/2024
      • IN CONTEXT 11/2024
      • IN CONTEXT 10/2024
      • IN CONTEXT 9/2024
      • IN CONTEXT 8/2024
      • IN CONTEXT 7/2024
      • IN CONTEXT 6/2024
  • ON PLANET EARTH
    • EARTH
    • THE WORLD >
      • SCAM INC. (The Economist)
      • SOUTH-EAST ASIAN SEA
  • THAILAND
    • THE MONARCHY >
      • THE MONARCHY IN WORLD FOCUS
      • 9th KING BHUMIBOL- RAMA IX >
        • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
        • Queen Sirikit 1979
        • THE KING'S WORDS
        • THE KING AND I
      • 5th KING CHULALONGKORN >
        • KING CHULALONGKORN THE TRAVELLER
        • KING CHULALONGKORN THE INTERNATIONALIST
      • PHRA THEP (PRINCESS SIRINDHORN)
    • DEMOCRACY IN THAILAND
    • NATIONAL PARKS OF THAILAND >
      • KHAO YAI NATIONAL PARK
      • PHA TAEM NATIONAL PARK
      • PHU WIANG NATIONAL PARK
      • NAM NAO NATIONAL PARK
      • PHU HIN RONG KLA NATIONAL PARK
      • PHU KRADUENG NATIONAL PARK
      • PHU RUEA NATIONAL PARK
      • MAE YOM NATIONAL PARK
      • DOI SUTHEP-PUI NATIONAL PARK
      • DOI INTHANON NATIONAL PARK
      • THONG PHA PHUM NATIONAL PARK
      • KAENG KRACHAN NATIONAL PARK
      • MU KO ANG THONG NATIONAL PARK
      • MU KO SURIN NATIONAL PARK
      • MU KO SIMILAN NATIONAL PARK
      • HAT NOPPHARATA THARA - MU KO PHI PHI NATIONAL PARK
      • MU KO LANTA NATIONAL PARK
      • TARUTAO NATIONAL PARK
    • THAKSIN and ASEAN
  • AND BEYOND
  • THE LIBRARY
    • THE ART OF WAR by SUN TZU
    • SUFFICIENCY ECONOMY BY KING BHUMIBOL OF THAILAND
    • SOFT POWER (Joseph Nye, Jr.)
    • CONVERSATIONS WITH THAKSIN by Tom Plate
    • THE GREAT ILLUSION/Norman Angell
    • MORNING WORLD BOOKS >
      • CASINO ROYALE
      • 1984
      • A BRIEF HISTORY OF TIME
      • A HISTORY OF THAILAND
      • CONSTITUTION OF THE UNITED STATES
    • SCIENCE >
      • ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
      • HUMAN
    • DEMOCRACY IN AMERICA
    • FIRST DEMOCRACY
    • JOHN MUIR
    • MODELS OF DEMOCRACY
    • MULAN
    • THE VOYAGE OF THE BEAGLE
    • ON THE ORIGIN OF SPECIES
    • PHOOLAN DEVI
    • THE REPUBLIC
    • THE TRAVELS OF MARCO POLO
    • UTOPIA
    • A Short History of the World [H.G.Wells]
    • WOMEN OF ARGENTINA
    • THE EARTH : A Very Short Introduction
    • THE ENGLISH GOVERNESS AT THE SIAMESE COURT
    • TIMAEUAS AND CRITIAS : THE ATLANTIS DIALOGUE
    • HARRY POTTER
    • DEMOCRACY / HAROLD PINTER
    • MAGNA CARTA
    • DEMOCRACY : A Very Short Introduction
    • DEMOCRACY / Anthony Arblaster]
    • DEMOCRACY / H.G. Wells
    • ON DEMOCRACY / Robert A. Dahl)
    • STRONG DEMOCRACY
    • THE CRUCIBLE
    • THE ELEMENTS OF STYLE
    • THE ELEMENTS OF JOURNALISM | JOURNALISM: A Very Short Introduction
    • LOVE
    • THE EMPEROR'S NEW CLOTHES
    • THE SOUND OF MUSIC
    • STRONGER TOGETHER
    • ANIMAL FARM
    • POLITICS AND THE ENGLISH LANGUAGE
    • GEORGE ORWELL
    • HENRY DAVID THOREAU >
      • WALDEN
    • MAHATMA GANDHI
    • THE INTERNATIONAL ATLAS OF LUNAR EXPLORATION
    • พระมหาชนก
    • ติโต
    • นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ | A Man Called Intrepid
    • แม่เล่าให้ฟัง
    • SUFFICIENCY ECONOMY
    • พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง
    • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
    • ... คือคึกฤทธิ์
    • KING BHUMIBOL ADULYADEJ: A Life's Work
    • THE KING OF THAILAND IN WORLD FOCUS
    • พระราชดำรัสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ >
      • THE KING'S WORDS
    • TESLA INTERVIEW 1926
  • IN MY OPINION
  • S.ONWIMON
    • MY STORY
    • THE DISSERTATION
    • THE WORKS >
      • BROADCAST NEWS & DOCUMENTARIES
      • SPIRIT OF AMERICA
      • THE ASEAN STORY
      • NATIONAL PARKS OF THAILAND
      • HEARTLIGHT: HOPE FOR AUTISTIC CHILDREN IN THAILAND
    • SOMKIAT ONWIMON AND THE 2000 SENATE ELECTION
    • KIAT&TAN >
      • TAN ONWIMON >
        • THE INTERVIEW
    • THAIVISION


​THE LIBRAry

WHERE RESIDE THE WORLDS

SUFFICIENCY ECONOMY by KING BHUMIBOL OF THAILAND
​Somkiat Onwimon's Presentation

in  London, Madrid, Barcelona, Amman, and ​Lausanne (2012-1014)

King Bhumibol Adulyadej of Thailand
and His Philosophy of Sufficiency Economy

Picture
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 
กับ เศรษฐกิจพอเพียง



พุทธเศรษฐศาสตร์

เกือบ 2600 ปี มาแล้ว 586 ปีก่อนคริสตกาล พระพุทธเจ้าประสูติ ทรงเจริญวัย ออกผนวช แสวงหาความจริงแห่งชีวิตและสังคมมนุษย์ ศึกษาค้นคว้าหาทางให้มนุษย์ไปสู่สุขคติ จนได้ความจริง สอนหมู่ชนในชมพูทวีปอยู่จนครบ ปีที่ 80 แห่งพระชนม์ชีพ คำสอนส่วนหนึ่งเป็นหลักปรัชญาเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการเลี้ยงชีวิตโดยชอบ พอเหมาะพอควร และพอเพียง อันเป็นต้นกำเนิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่กำลังเจริญงอกงามอยู่ในแผ่นดินไทยปัจจุบัน ศาสตราจารย์ Ernst Friedrich Schumacher นักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมันค้นพบว่าพระพุทธเจ้าคือนักเศรษฐศาสตร์คนแรกบนโลกมนุษย์ที่สอนทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ท่านย้ำว่าเศรษฐศาสตร์แนวพุทธ หรือพุทธเศรษฐศาสตร์ นั้นมีจริงๆ จงอ่านพระไตรปิฎกเถิด จะพบความจริงนี้ใน มรรคแปด การเลี้ยงชีวิตชอบ เป็นหนึ่งในแปดหนทางไปสู่สังคมสงบสุขบริบูรณ์ เศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้านั้น ความสุขในจิตใจ กับ ความอุดมสมบูรณ์ทางวัตถุผสานผสมกลมกลืนกันได้ เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถมีบทบาทเสริมชีวิตเศรษฐกิจแบบที่เรียกว่า”การเลี้ยงชีวิตชอบ”ได้

ศาสตราจารย์ E.F. Schumacher ศึกษาศาสนาพุทธอย่างละเอียดลึกซึ้ง ในเชิงเปรียบเทียบกับโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ว้าวุ่นไปด้วยการแสวงหาความมั่งคั่งทางวัตถุโดยเชื่อว่าจะเป็นที่มาของความสุขทางจิตใจโดยอัตโนมัติ
( Small is Beautiful หน้า 37)
“…countries invariably assume that they can model their economic development plans in accordance with modern economics, and they call upon modern economist from so-called advanced countries to advise them, to formulate the policies to be pursued, and to construct the grand design for development, the Five-Year Plan or whatever it may be called. No one seems to think that a Buddhist way of life would call for Buddhist economics, just as the modern materialist way of life has brought forth modern economics.”
“ประเทศทั้งหลาย ต่างก็คิดเอาว่าจะสามารถออกแบบวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจตามอย่างเศรษฐกิจสมัยใหม่ เชิญนักเศรษฐศาสตร์จากประเทศที่ว่ากันว่าเจริญแล้ว  พัฒนาแล้ว มาเป็นที่ปรึกษา ช่วยกำหนดสูตรการพัฒนาให้เป็นแนวนโยบายที่จะได้ปฏิบัติตาม สร้างแผนพัฒนาอันยิ่งใหญ่โอฬาร รียกว่า ”แผนพัฒนาห้าปี” หรือจะเรียกชื่ออื่นใดก็สุดแล้วแต่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคิดได้เลยว่าวิถีชีวิตแบบชาวพุทธนั้นเองเป็นวิชาเศรษฐศาสตร์ตามแบบของศาสนาพุทธเองได้ ทำนองเดียวกันกับที่วิถีชีวิตสมัยใหม่ซึ่งนิยมความมั่งคั่งทางวัตถุ เป็นรากฐานของวิชาเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ ในปัจุบัน”

รัฐบาลอังกฤษส่งศาสตราจารย์ E.F. Schumacher เข้าไปเป็นที่ปรึกษา วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจให้กับพม่า ด้วยหลักเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ แต่หลังจากใช้ชีวิตในพม่าเพียงไม่กี่เดือนก็เรียนรู้ว่าชาวพุทธในพม่าไม่มีความต้องการเศรษฐศาสตร์แบบตะวันตกเลย เพราะชาวพุทธมีความสุขพอเพียงแล้วกับเศรษฐศาสตร์วิถีพุทธ

  • ให้โอกาสชาวพุทธได้ใช้และพัฒนาความรู้ความสามารถของตน
  • ทำตนให้ปราศจากกิเลส ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเองแล้วหันไปร่วมงานกับผู้อื่นเพื่อประโยชน์ร่วมกันในสังคม และ
  • ช่วยกันผลิตข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ซึ่งเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่เรียกว่า สินค้าและบริการเพื่อการดำรงชีพอยู่บนโลกมนุษย์นี้ร่วมกัน​








นี่คือสามหลักสำคัญแห่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นวิถีชีวิตตามคำสอนเรื่อมรรคแปด ในพระไตรปิฎก
มรรค คือ หนทางดับทุกข์ มี 8 ประการด้วยกัน 
  1. สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ 
  2. สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ 
  3. สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ 
  4. สัมมากัมมันตะ คือ ทำการงานชอบ 
  5. สัมมาอาชีวะ คือ เลี้ยงชีวิชอบ 
  6. สัมมาวายามะ คือ เพียรชอบ 
  7. สัมมาสติ คือ ระลึกชอบ 
  8. สัมมาสมาธิ คือ ตั้งใจชอบ 

การทำงานที่ไร้เป้าหมาย น่าเบื่อ น่าเหนื่อยหน่าย ได้แต่ประโยชน์แก่ตนเองไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมบ้างเลย หรือยากลำบากเกินประมาณจนไม่ได้พักผ่อน ไม่สนุก ไม่มีความสุข มิใช่หนทางของชาวพุทธ เศรษฐศาสตร์แนวพุทธอธิบายกระบวนการผลิตในเชิงเศรษฐศาสตร์แยกเป็นสองกระบวนการ คือ:

หนึ่ง กระบวนการผลิตที่เสริมสร้างเพิ่มพูนทักษะและพลังอำนาจในการผลิตของมนุษย์ เทียบได้กับเครื่องทอผ้าแบบกี่กระตุกทอด้วยฝีมือและแรงงานของมนุษย์เอง และ

สอง กระบวนการผลิตที่ใช้เครื่องจักรกลมากจนทำให้งานของมนุษย์กลายงานที่ทำโดยทาสของมนุษย์ คือเครื่องจักรกลที่มนุษย์ผลิตขึ้นเหล่านั้น แล้วตัวมนุษย์เองก็ต้องมาคุมเครื่องจักรกลให้ทำงานในการ ผลิตสินค้า มนุษย์จึงกลายเป็นทาสรับใช้เครื่องจักรกลที่มนุษย์ผลิตมากับมือ เทียบได้กับเครื่องจักรทอ ผ้าในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งทำลายศิลปวัฒนธรรมอันเป็นทักษะชีวิตแห่งการผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ของมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง

(39)
“It is clear, therefore, that Buddhist economics must be very different from the economics of modern materialism, since the Buddhist sees the essence of civilization not in the multiplication of wants but in the purification of human character. Character, at the same time, is formed primarily by a man’s work. And work, properly conducted in conditions of human dignity and freedom, blesses those who do it and equally their products”
“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพุทธเศรษฐศาสตร์นั้นต่างกับเศรษฐศาสตร์เชิงวัตถุนิยมสมัยใหม่ เพราะศาสนาพุทธมองว่าหัวใจของอารยะธรรมอันหมายถึงความเจริญมั่งคั่งของมนุษย์นั้นมิได้อยู่ที่การเพิ่ม การขยาย การเรียกร้องต้องการสิ่งต่างๆไปอย่างไม้รู้จบสิ้น การสร้างคุณลักษณะอันบริสุทธิ์ผุดผ่องทางศีลธรรมต่างหากที่เป็นอารยะธรรมที่แท้จริงในตัวมนุษย์ อารยะลักษณะที่ว่ามีในตัวมนุษย์นี้นั้นโดยพื้นฐานเกิดจากผลของกิจกรรมการงานของมนุษย์เอง และการงานที่มนุษย์ทำนั้นจะต้องทำอย่างพอเหมาะพอควรภายใต้เงื่อนไขที่เคารพศักดิ์ศรีและอิสรภาพในความเป็นมนุษย์ สรรเสริญคนที่เป็นผู้ผลิตผลงาน และชื่นชมยกย่องผลผลิตของคนคนนั้น อย่างเท่าเทียมเสมอกัน”

ศาสนาพุทธสอนว่าการที่คนมีงานทำทำให้เกิดความสุข มิใช่เพราะต้องการเงินค่าจ้างแต่เพราะต้องการงานที่ให้โอกาสในการแสดงออกซึ่งฝีมือและวินัยในการผลิตงานนั้นๆเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่สอนว่า ต้องเพิ่มผลผลิต เพิ่มกำไรด้วยการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งย่อมหมายถึงการลดค่าจ้างแรงงาน และลดจำนวนคนทำงาน โดยใช้เครื่องจักรทำงานแทนมนุษย์

นักเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ สนใจแต่เรื่องสินค้า ส่วนพุทธเศรษฐศาสตร์สนใจเรื่องการพ้นทุกข์ พ้นจากความต้องการที่เกินจำเป็น ในเมื่อศาสนาพุทธสอนให้เดินทางสายกลาง เศรษฐศาสตร์แนวพุทธจึงไม่มีข้อขัดแย้งกับความมั่งคั่งทางวัตถุ หรือความสุขที่เกิดทางกายภาค

(40)
“It is not wealth that stands in the way of liberation but the attachment to wealth; not the enjoyment of pleasurable things but the craving for them.”
“มันไม่ใช่ว่าความมั่งคั่งจะเป็นอุปสรรคขวางทางไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์ แต่มันเป็นเรื่องของการยึดติดกับความมั่งคั่งต่างหากที่ทำให้พ้นทุกข์ไม่ได้; มันไม่ใช่ว่าการมีความรู้สึกเป็นสุขสนุกสนานกับสิ่งที่ทำให้เพลินเพลินจะเป็นปัญหาทำลายหนทางไปสู่ความหลุดพ้น หากแต่การใฝ่หาต่อสู้ให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ก่อให้เกิดความสุขความบันเทิงนั่นต่างหากที่ทำให้มนุษย์ไม่มีวันพ้นทุกข์ได้”

(40-41)
“The keynote of Buddhist economics, therefore, is simplicity and non-violence. From an economist’s point of view, the marvel of the Buddhist way of life is the utter rationality of its pattern---amazingly small means leading to extraordinarily satisfactory results.”
“ดั่งนั้น หัวใจของพุทธเศรษฐศาสตร์ ก็คือ ความเรียบง่าย  และ การดำเนินชีวิตอย่างสันติ มองจากมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์แล้วก็พบว่าความวิเศษของวิถีชีวิตแบบชาวพุทธนั้นคือความมีเหตุมีผลอันเหมาะสมยิ่งนักในรูปแบบการดำเนินชีวิตเศรษฐกิจ---ใช้ทรัพยากรเพียงน้อยนิดอย่างน่าทึ่ง แต่ก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างมากเป็นพิเศษยิ่งนัก”

Small Is Beautiful: Economics as If People Mattered
เล็กนั้นงดงาม : เศรษฐศาสตร์ประหนึ่งว่ามนุษย์นั้นมีความสำคัญ
โดย... Ernst Friedrich Schumacher


ชีวิตที่พอเพียง ไม่มาก ไม่น้อย ไม่ขาด ไม่เกิน เป็นปรัชญาแห่งพระพุทธองค์ ที่ได้รับการเผยแพร่ต่อไปยังโลกตะวันตก ในเชิงวิชาการเศรษฐศาสตร์ โดย ศาสตราจารย์ E.F. Schumacher ในหนังสือที่ท่านเขียน เมื่อปี ค.ศ. 1973 หรือ พ.ศ. 2516 หนังสือชื่อ “Small is Beautiful” หรือ “ความเล็กนั้นงดงาม” หมายถึงการดำรงชีวิตอย่างพอเหมาะพอควร การกินอยู่การผลิตการใช้ทรัพยากร อย่าให้มาก อย่าให้ใหญ่โตเกินจำเป็น ทุกเรื่อง ทุกสิ่งอย่างในชีวิตนั้น เล็กๆก็พอ นั่นคือ “ความเล็กนั้นงดงาม”

หนังสือที่ชื่อเต็มว่า “Small Is Beautiful: Economics as If People Mattered” หรือ “เล็กนั้นงดงาม : เศรษฐศาสตร์ประหนึ่งว่ามนุษย์นั้นมีความสำคัญ” เล่มนี้นั้น อธิบายความคิดเรื่องการอยู่อย่างเหมาะสมพอเพียง และใช้ทรัพยากรในโลกมนุษย์อย่างประหยัด ยั่งยืน ไม่คิดเรื่องกำไรขาดทุน ไม่สะสมความมั่งคั่งแบบนายทุนในโลกตะวันตก ไม่ใช้พลังงานจากธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำมัน ให้หมดไปด้วยความฟุ่มเฟือย อย่าคิดถึงเงิน ให้คิดถึงค่าของงานที่จะนำไปแลกกับสินค้า หากต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการผลิต ก็ต้องใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ระดับปานกลาง  ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งและเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อหวังกำไรมากๆที่เป็นเงินเศรษฐศาสตร์ตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเองที่เป็นหลักของเศรษฐศาสตร์แห่งความสุขความสงบของมวลมนุษย์บนโลก E.F. Schumacher ชื่นชมและต้องการให้ชาวโลกยึดเศรษฐศาสตร์แนวพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุที่ว่ามนุษย์กำลังพัฒนาโดยใช้ทรัพยากรให้หมดไปอย่างรวดเร็ว โดยหาอะไรมาทดแทนไม่ได้ ส่วนที่ทดแทนกันใหม่ได้ มนุษย์ก็ไม่สามารถผลิตได้มากพอกับที่ใช้ไป มนุษย์ไม่คุ้นเคยกับคำว่า “พอเพียงในการดำรงชีวิต” มนุษย์บนโลกจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น จะผลิต จะกิน จะใช้มากขึ้น พลเมืองโลกยุคอุตสาหกรรมใช้พลังงานเท่ากับทาสยุคโบราณ 200 คน ความดึงดันที่จะเปลี่ยนไปใช้พลังงานนิวเคลียร์แทนน้ำมันและถ่านหิน ก็ไม่มีทางประกันความปลอดภัยในการผลิตพลังงานและการเก็บกากนิวเคลียร์ได้ หาที่เก็บ ให้ปลอดภัยก็ไม่ได้ หากหาได้เวลาที่กว่าที่กัมมันตรังสีจะลดเหลือครึ่งหนึ่งก็นานถึง 6,000 ปี พลังที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจะลดไปอีกเท่าไรในอีกกี่พันปีก็ไม่ทราบ จะให้ลดรังสีไปจนหมดนั้นก็ไม่มีทางเลย ดังนั้นความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจด้วยการเร่งเพิ่มการผลิตจึงเป็นทางสู่หายนะของมนุษยชาติ

“Small Is Beautiful”
คิดทำอะไรอย่างเล็กๆ แต่ให้งดงาม
เสนอแนวคิดให้มนุษย์หันไปอยู่กับธรรมชาติ

ใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อ “สุขภาพ” (Health)
ใช้ที่ดินเพื่อ “ความงาม” ในการดำรงชีวิต (Beauty), และ 
ใช้ที่ดินโดยยึดหลัก “ความยั่งยืน” (Permanence)

สำหรับคนยากจน หรือประเทศที่เรียกตัวเองว่ายากจน ด้อยพัฒนานั้น หนทางแก้ปัญหาความยากจนไม่ใช่การพัฒนาเศรษฐกิจแบบเร่งการผลิตและกระตุ้นการกินการจับจ่ายใช้สอย หรือเพิ่มการลงทุน E.F. Schumacher บอกว่าสาเหตุของความยากจนนั้นไม่ได้อยู่ที่การขาดความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติ หรือขาดเงินทุน หรือขาดโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ, ความยากจนมิใช่เรื่องการขาดน้ำขาดที่ดิน และขาดแร่ธาตุในดินม ความยากจนมิใช่เรื่องขาดเงิน

ความยากจนเกิดจากการ: 
ขาด “การศึกษา” 
ขาด “การจัดการ”  และ 
ขาด “การมีวินัย” 

การจับจ่ายใช้สอย หรือการอุปโภคบริโภค เป็นเพียงหนทางไปสู่ชีวิตที่เป็นสุขเท่านั้น ไม่ใช่ว่าชีวิตที่เป็นสุขมากที่สุดต้องเป็นชีวิตที่เอาแต่จับจ่ายใช้สอยให้มากที่สุดเป็นเงาตามตัว มนุษย์ที่ฉลาดต้องจับจ่ายใช้สอยให้น้อยที่สุดเพื่อให้ได้ชีวิตที่เป็นสุขมากที่สุด 

เมื่อทำความเข้าใจกับพุทธเศรษฐศาสตร์อย่างถ่องแท้แล้ว Schumacher กล่าวว่า ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ในโลก โดยเฉพาะรัฐบาล และ ธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ยังไม่ยอมเชื่อในเศรษฐศาสตร์แนวพระพุทธเจ้า อยู่เช่นเดิม 

แต่นี่คือ “ความเล็กที่งดงาม” ที่กำลังก่อกำเนิดในราชอาณาจักรไทย ด้วยการสานต่ออมตะปรัชญาของมนุษยชาติที่เริ่มมาเมื่อกว่า 2500 ปีที่แล้ว

พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง

วันที่ 18 กรกฎาคม 2517 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า:

“... การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับชั้น  ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมีพอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้น โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดและถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้วจึงค่อยเสริมสร้างความเจริญและฐานะเศรษฐกิจที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป หากแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่างๆขึ้น ซึ่งอาจเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด...”

พอมี พอกิน พอใช้ มั่นคง สมดุล คือปรัชญาในการดำรงชีวิตที่พระองค์ทรงบอกกับพสกนิกรของพระองค์

วันเวลาผ่านไป 23 ปี พสกนิกรซึมซับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างช้าๆ ท่ามกลางความไม่มั่นใจว่าจะต่อสู้กับแนวคิดเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมสมัยใหม่อย่างไรดี

วันที่ 4 ธันวาคม 2540 พระองค์ทรงทบทวนให้ประชาชนของพระองค์ทำความเข้าใจอีกครั้งว่า:

“... การจะเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินหมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ให้มีพอเพียงกับตัวเอง....”

ความพอเพียงนี้พระองค์มิได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัวเอง จะต้องทอผ้าใส่ให้ตัวเอง แต่ว่าในหมู่บ้านจะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก

เรื่องเศรษฐกิจแบบค้าขาย พระองค์ทรงอธิบายเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษ ที่ใช้คำว่า “Trade Economy” ไม่ใช่แบบพึ่งพาตนเอง ที่เรียกว่า “Self-Sufficient Economy” และ เศรษฐกิจแบบพึ่งตนเอง ก็ต่างไปจากเศรษฐกิจแบบพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างคำนิยามใหม่เป็นภาษาอังกฤษว่า “Sufficiency Economy” เศรษฐกิจแบบพึ่งตนเอง จะปฏิเสธผลผลิตจากโลกภายนอก ไม่ยึดทางสายกลาง ไม่เน้นการขยายกิจกรรมเข้าเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจแบบค้าขาย เศรษฐกิจแบบพอเพียง จึงก้าวหน้าล้ำความจำกัดของเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเองไปเคียงคู่ และท้าทายเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี เศรษฐกิจแบบพอเพียง หรือ Sufficiency Economy จึงเป็นวิวัฒนาการของปรัชญาเศรษฐศาสตร์แนวพุทธที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทยทรงศึกษาค้นคว้าทดลอง วิจัย จนได้เป็นเสมือนทฤษฎีใหม่ในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ที่นักเศรษฐศาสตร์และชาวโลกกำลังเฝ้าจับตามองว่า การทดลองในประเทศไทยจะส่งผลต่อโลกอย่างไร
แม้กาลเวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 30 ปี นับจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัส แต่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก็ยังไม่ได้กลายเป็นกระแสหลักของชีวิตเศรษฐกิจของชาวไทย แม้จะทรงมีพระราชดำรัสซ้ำอีกหลายครั้ง สังคมไทยก็ยังไม่หลุดพ้นจากกระแสทุนนิยมเสรี และวัตถุนิยมสากล ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงอธิบายเสริมว่า: 

“... ผู้ที่ชอบเศรษฐกิจแบบสมัยใหม่อาจจะไม่ค่อยพอใจ มันต้องถอยหลังเข้าคลอง มันจะต้องอยู่อย่างระมัดระวัง และต้องกลับไปทำกิจการที่อาจไม่ค่อยซับซ้อนนัก คือใช้เครื่องมือที่ไม่หรูหรา อย่างไรก็ตาม (ก็)มีความจำเป็นที่จะต้องถอยหลังเพื่อที่จะก้าวหน้าต่อไป และถ้าไม่ทำอย่างที่ว่าก็จะแก้วิกฤติการณ์นี้ยาก...”





ในหนังสือ ชื่อ “ตามรอยพระยุคลบาทสู่เศรษฐกิจพอเพียง” พิมพ์เป็นราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 สรุปว่า:

“เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ”

“เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนา และการบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์  

ความพอเพียง หมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่างๆมาใช้ในการวางแผนการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์ สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม  ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความ รอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้าน วัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี”
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญา อันเป็นแนวคิดที่ใช้ได้กับทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ทุกระดับฐานะทางเศรษฐกิจ เป็นแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจของไทยให้มั่นคงยั่งยืนเศรษฐกิจพอเพียงทำให้ทุกคนรู้จุดพอเพียงของตน ณ จุดนี้เองที่ทำให้ชีวิตตนและครอบครัวเป็นสุข สังคมสงบร่มเย็น เอื้ออาทรต่อกัน เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์ ที่เริ่มตั้งแต่ครั้งพุทธกาล สร้างความสุขสมบูรณ์อย่างยั่งยืนให้กับชาวตะวันออกในอดีต ศึกษาและขยายความเข้าใจต่อมาโดยชาวตะวันตก และวิวัฒนาการความคิดใหม่อย่างเป็นระบบในภาคปฏิบัติโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชแห่งราชอาณาจักรไทย
​
วิวัฒนาการเศรษฐกิจโลก

ชีวิตเศรษฐกิจของมนุษย์ กำเนิด ขึ้นพร้อมกับแรกเริ่มกำเนิดชีวิต วิวัฒนาการ ผ่านการทดลอง ปรับแปรรูปแบบกิจกรรม กลายมาเป็นวิถีชีวิตเศรษฐกิจที่แตกต่างหลากหลาย

อยู่มาวันหนึ่งในปี 2517 หลังวิกฤติการเมืองและสังคมครั้งประวัติศาสตร์ พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีก็ทรงมีพระราชดำรัสต่อพสกนิกรของพระองค์ว่า การดำเนินชีวิตเศรษฐกิจของพสกนิกรของพระองค์นั้นต้อง “สร้างพื้นฐาน” ให้ “ถูกต้องตามหลักวิชา” ต้องสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจในราชอาณาจักรของพระองค์โดยยึดหลัก “ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน”

ความคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชมหาราชนั้น เสมือนสังคมในจินตนาการของมนุษย์โบราณกาล แรกเริ่ม ครั้งมนุษย์กำเนิดมาบนโลก มนุษย์ ดำรงชีวิตร่วมกับผลผลิตในธรรมชาติ แม้จะมีอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่มนุษย์ก็ใช้กิน ใช้อยู่ เท่าที่จำเป็น

จำเป็นเท่าใด ก็พอเท่านั้น

Plato นักปราชญ์ชาวกรีซเล่าไว้เมื่อ 2400 ปีที่แล้วว่าในอดีตกาลนานก่อนที่มนุษย์จะรู้จักการบันทึกประวัติศาสตร์ได้ เล่ากันว่ามีดินแดนแห่งหนึ่งเรียกว่า Atlantis เจริญรุ่งเรื่องมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์

ชีวิตการเมืองมั่นคง
ชีวิตเศรษฐกิจมั่งคั่ง
ชีวิตสังคมสงบสุข บริบูรณ์

อยู่มาวันหนึ่ง Atlantis ก็ระเบิด พินาศ สลายล่ม จมลงสู่ พื้นมหาสมุทร มนุษยชาติจึงเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ นาน หลังจากนั้น อารยะธรรมตะวันตก ก็ได้ บันทึกประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ตามแนวประวัติศาสตร์ปรัชญาตะวันตกที่ยึดถือมาเป็นแบบแผนประเพณีทางวิชาการ 

ชาวยุโรป ฝันถึงสังคมบริบูรณ์ที่อยากให้เกิด ณ ที่ใดที่หนึ่ง เรียกเป็นภาษาละติน ว่าUtopia แปลว่า “Nowhere” “ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”

ค.ศ. 1215 Magna Carta กฎบัตรที่ยิ่งใหญ่เสมือนรัฐธรรมนูญฉบับแรกของอังกฤษประกาศระบบเศรษฐกิจแบบเสรี หยุดการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร และพลเมืองผู้ยากจนทั้งหลาย

แนวคิดเศรษฐกิจแบบเสรี นำไปสู่ต้นแบบทฤษฎีเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
​
“The Wealth of Nations” เขียนโดย Adam Smith เมื่อปี ค.ศ. 1776 ปัจจุบันยังเป็นตำราพื้นฐานของแนวคิดเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรีแม้ในปัจจุบัน ฝ่ายที่คิดแยกแตกต่างออกไปก็ทำนายว่า คนจนในสังคมจะลุกขึ้นต่อสู้กับนายทุนผู้ร่ำรวย ปฏิวัติ สร้างสังคมเศรษฐกิจใหม่ที่เท่าเทียมกันต้องรุนแรงแตกหัก ก่อนชีวิตความเป็นอยู่จะเป็นที่พึงพอใจ

มหาตมะ คานธี ผู้ต่อสู้กับเจ้าอาณานิคมอังกฤษในอินเดียเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว เสนอแนวทางเศรษฐกิจให้ชาวอินเดียพึ่งตนเอง ไม่พึ่งอังกฤษ โดยผลิตทุกอย่างใช้เอง โดยใช้เท่าที่มี ผลิตเองเท่าที่ทำได้ แต่แนวคิดนี้ก็เป็นเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเอง หรือที่โลกรู้จักกันดีในคำภาษาอังกฤษว่า “Self-Sufficient Economy” ซึ่งต่างไปจาก “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” หรือ “Sufficiency Economy” อันเป็นนิยามศัพท์เศรษฐศาสตร์ใหม่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แห่งราชอาณาจักรไทย

ความพยายามทางเศรษฐกิจของมนุษยชาติ ดำเนินต่อไป แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกปัจจุบันนั้นมุ่งแต่การแสวงหาวัตถุ ต้องการความมั่งคั่ง มากขึ้น เพิ่มขึ้น ดีขึ้น ซับซ้อนขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้น ยิ่งกว่าเดิม มากกว่าเดิม

ปรัชญาเศรษฐกิจตะวันตกแสวงหาสิ่งที่ต้องการ เพิ่มเติม ไม่รู้จบ ไม่มีจุดพอเพียง

ณ เวลานี้ โลกกำลังอยู่ในยุคเศรษฐกิจแบบวัตถุนิยมเสรี ขยายการผลิตต่อเนื่อง ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่มีจุดยุติ ทั้งๆที่โลกมนุษย์มีทรัพยากรให้มนุษย์ใช้อย่างจำกัด และมีจุดอวสาน เร่งพัฒนา
เร่งใช้ เร่งทำลาย แม้ว่าผู้ที่เข้มแข็งกว่าจะเจริญมั่งคั่งกว่าก็ตาม แต่ความสุขอันยั่งยืนของมนุษย์ในโลกโดยรวมก็หาได้ยากยิ่ง

เศรษฐกิจแบบพอเพียง กับ ทุนนิยมโลกาภิวัตน์

เศรษฐกิจแบบใดหรือที่จะสู้การค้าการลงทุนอย่างเสรีได้?
ทุนแบบไหนหรือจะสู้ทุนที่เป็นเงินตราและวัตถุ และเทคโนโลยีได้?

นี่คือคำถามอันท้าทาย ที่เป็นเสมือนคำประกาศความจริงโดยไม่ต้องรอคำตอบ

ประเทศไหนๆในโลกก็ยอมสยบให้กับการลงทุนข้ามชาติ เพราะเป็นการสร้างงาน สร้างผลผลิตในประเทศ ทั้งยังช่วยถ่ายทอดวิทยาการก้าวหน้าให้กับประเทศที่ยังไม่ก้าวหน้าได้เร็วทันใจ 

ชาติไหนๆก็ยอมอยู่ในกรอบของข้อตกลงการค้าเสรีตามกติกาขององค์การการค้าโลกเพราะโลกนี้เป็นโลกที่นำทางโดยประเทศ สังคม ที่ก้าวหน้าและพัฒนาสูงกว่า
​
เรียกว่าเป็นโลกแห่งโลกาภิวัตน์ ทุกอย่างจำต้องปรับเปลี่ยน และ ผันแปรไปตามใครก็ตามที่คุมอำนาจเป็นผู้นำ ทุนนิยมเสรี การค้าเสรี การลงทุนเสรี ข้ามชาติ ข้ามพรมแดน ข้ามแม้กระทั่งขอบเขตอำนาจแห่งรัฐ

แล้วปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่แนะนำโดยพระมหากษัตริย์ของไทย จะอยู่ได้อย่างไร?

หากอยู่ได้ จะอยู่ตรงไหนของปรัชญาและระบบเศรษฐกิจของโลก

Warren Buffett ตอนอายุ 77 ปี ในปี พ.ศ. 2550 ถือเป็นนักลงทุนชาวอเมริกันผู้ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสองของโลก เขาได้บริจาคเงินงวดแรกเข้ามูลนิธิการกุศล ถึง 3 หมื่นล้านดอลล่าร์ หรือกว่า 1 ล้านล้านบาท 

ส่วน Bill Gates เจ้าของบริษัท Microsoft ได้ชื่อว่ามหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ก็สละทรัพย์ส่วนตัวจำนวนมหาศาลพอๆกันเพื่อแก้ปัญหาของมนุษยชาติ Warren Buffett แนะนำพ่อแม่ที่ร่ำรวยทั้งหลายในโลกว่า:

“Leave your children enough to do anything but not enough to do nothing”
“ทิ้งมรดกให้ลูกๆให้พอเพียงที่จะทำงานอะไรต่อมิไรต่อไปได้ แต่อย่าให้เสียมากเกินไป จนลูกๆไม่ต้อง ทำอะไรอีกเลยในชีวิต”

Warren Buffett ผู้บริจาคเงินช่วยชาวโลกผู้ยากจน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กหลังเดิม ในเมือง Omaha รัฐ Nebraska ที่เขาซื้อมาในราคา $31,500 ดอลลาร์ เมื่อ ตอนอายุ 28 ปี

เศรษฐกิจแบบพอเพียง อาจกำลังค่อยๆซึบซาบเข้าเป็นวิถีชีวิตใหม่ในโลกตะวันตกแล้วก็เป็นได้

ในปี พ.ศ. 2550 โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program - UNDP) จัดทำรายงานเรื่องการพัฒนาคนของประเทศไทย ลงความเห็นสนับสนุนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าจะช่วยพัฒนาคนไทยและสังคมเศรษฐกิจไทยไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคนไทยจะยึดมั่นและปฏิบัติอย่างจริงจังตามแนวคิดของพระองค์ ในเอกสารของ UNDP ย้ำความคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียงว่ามีความสำคัญอย่างแท้จริง: 

เนื่องจากสังคมไทยส่วนใหญ่เป็นสังคมชนบท
มีความไม่เท่าเทียมกันของรายได้
สภาพแวดล้อมกำลังเสื่อมโทรม
สังคมกำลังกำลังสูญเสียรากฐานในท้องถิ่น
สังคมกำลังอ่อนแอลงมากในการควบคุมวิถีชีวิตของตนเอง

พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และโครงการตัวอย่างต่างๆของพระองค์จะช่วยฟื้นฟู จิตสำนึกของชุม ปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง พึ่งตนเองให้ได้ สร้างเกราะป้องกันวิกฤติการณ์ที่มิได้คาดหวัง นำความพอประมาณจากศาสนาพุทธและความพอเพียงจากปรัชญาที่พระเจ้าอยู่หัวทรงสอน มาต่อสู้กับ เศรษฐกิจแบบวัตถุนิยม ความนิยมซื้อ นิยมใช้ที่ไร้ขอบขีดจำกัด นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเผชิญ หน้าท้ากระแสโลกาภิวัตน์ สู้กันให้ได้ และสู้ได้แน่นอน

โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ บอกว่า: 

(UNDP – 20) “ความคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ยึดความมีเหตุผล ความพอประมาณ การมีความรู้ และการมีคุณธรรม” 

UNDP เห็นด้วยว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีพื้นฐานส่วนหนึ่งมาจากศาสนาพุทธ แม้จะเชื่อมโยงไม่ ได้ชัดเจนเป็นทางเดียว แต่ ทางสายกลาง ก็เป็นทางที่ศาสนาพุทธเริ่มต้นให้กับแนวคิดแบบพอเหมาะ พอควรและพอเพียง โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติอธิบายแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นสากลยิ่งกว่าจะจำกัดให้เป็นอิทธิพลของพุทธศาสนาแต่เพียงศาสนาเดียว โดยอธิบายว่า:

(UNDP – 33) “ปรัชญาพื้นฐานของแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์และโลก ซึ่งมีอยู่ในทุกศาสนา ไม่อาจกล่าวว่าแนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับ ศาสนาหรือวัฒนธรรมใดเป็นการเฉพาะ” ในภาคปฏิบัติ

(UNDP – 39 -40-41) เศรษฐกิจพอเพียงประสพผลสำเร็จแล้วในหลายพื้นที่ เช่นเครือข่ายอินแปงใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากการปลูกพืชเศรษฐกิจ มาสู่วนเกษตร ปลูกทุกสิ่งที่กิน กินทุกสิ่งที่ปลูก ใช้ ทุกอย่างที่ผลิต ผลิตทุกอย่างที่ใช้

(UNDP-45) สร้างวิสาหกิจชุมชน สร้างองค์ความรู้ให้ชุมชนเข้มแข็ง ในภาคธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่

ตัวอย่างความสำเร็จปรากฏโดดเด่นที่เครือซิเมนต์ไทย ซึ่งประสิทธิภาพในการทำธุรกิจเติบโตควบคู่ไป กับการพัฒนาคุณภาพของคนในองค์กร ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นเผชิญหน้าต่อสู้กันได้ กระแสทุน

นิยมโลกาภิวัตน์ไม่มีเป้าหมายเอาแพ้เอาชนะ แต่มุ่งผสมกลมกลืนกับโลกาภิวัตน์อย่างพอเหมาะพอควร และ ยั่งยืน 

เศรษฐกิจพอเพียงคือปรัชญา  ใช้ได้กับทุกชีวิต ทุกสังคม ทุกระดับเศรษฐกิจ กำเนิด เติบโต เป็นสมบัติทางความคิดของมนุษยชาติที่วิวัฒนาการมานานหลายพันปี จนเกิดเป็นแนวคิดที่เป็นระบบชัดเจน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราชของปวงชนชาวไทย ผ่านกระบวนการ ทดสอบ ทดลอง จนปัจจุบันกำลังจะหยั่งรากลึกเป็นฐานแห่งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวไทย เพื่อบอกชาวโลกว่า

ประเทศไทยนั้นมิได้แสวงหาความยิ่งใหญ่ แต่สงบสุข

ราชอาณาจักรไทยนั้น ... เล็ก และ งดงาม ... พอเพียง เพื่อ เพียงพอ.

Thaivision
5 ธันวาคม 2557
----------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง:
  1. ตามรอยพระยุคลบาทสู่เศรษฐกิจพอเพียง มิติใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตร, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๔๔
  2. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้อยู่ในหัวใจนักปกครอง, กระทรวงมหาดไทย, ๒๕๔๒
  3. พระราชดำรัส พระราชทานเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐, คู่มือการดำเนินชีวิตสำหรับประชาชน ปี ๒๕๔๑ และ ทฤษฎีใหม่,  สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บริษัท มงคลชัยพัฒนา จำกัด  บริษัทบางจากปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน)
  4. Schumacher, E.F., Small is Beautiful: Economic as if People Mattered, Harper Torchbooks, Harper & Row, Publisher, New York, London, 1973, 290 pages, ISBN 06-131-788-0
THAIVISION®
REFLECTION ON EVENTS ON PLANET EARTH AND BEYOND 
​©2023 All Rights Reserved  Thai Vitas Co.,Ltd.  Thailand  
✉️
​
[email protected]
  • REFLECTION
    • MORNING WORLD >
      • THAKSIN and ASEAN
      • THAKSIN 2010
      • BOBBY SANDS
    • IN CONTEXT >
      • CLASS WAR IN THAILAND?
      • ราชอาณาจักรแห่งบ่อนการพนัน
      • หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
      • SINGAPORE VS TRUMP'S TARIFF
      • สงครามการค้า สหรัฐฯ vs. ไทย
      • IN CONTEXT 17/2024 [Earth Day 1970-2024]
      • IN CONTEXT 16/2024
      • IN CONTEXT 15/2024
      • IN CONTEXT 14/2024
      • IN CONTEXT 13/2024
      • IN CONTEXT 12/2024
      • IN CONTEXT 11/2024
      • IN CONTEXT 10/2024
      • IN CONTEXT 9/2024
      • IN CONTEXT 8/2024
      • IN CONTEXT 7/2024
      • IN CONTEXT 6/2024
  • ON PLANET EARTH
    • EARTH
    • THE WORLD >
      • SCAM INC. (The Economist)
      • SOUTH-EAST ASIAN SEA
  • THAILAND
    • THE MONARCHY >
      • THE MONARCHY IN WORLD FOCUS
      • 9th KING BHUMIBOL- RAMA IX >
        • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
        • Queen Sirikit 1979
        • THE KING'S WORDS
        • THE KING AND I
      • 5th KING CHULALONGKORN >
        • KING CHULALONGKORN THE TRAVELLER
        • KING CHULALONGKORN THE INTERNATIONALIST
      • PHRA THEP (PRINCESS SIRINDHORN)
    • DEMOCRACY IN THAILAND
    • NATIONAL PARKS OF THAILAND >
      • KHAO YAI NATIONAL PARK
      • PHA TAEM NATIONAL PARK
      • PHU WIANG NATIONAL PARK
      • NAM NAO NATIONAL PARK
      • PHU HIN RONG KLA NATIONAL PARK
      • PHU KRADUENG NATIONAL PARK
      • PHU RUEA NATIONAL PARK
      • MAE YOM NATIONAL PARK
      • DOI SUTHEP-PUI NATIONAL PARK
      • DOI INTHANON NATIONAL PARK
      • THONG PHA PHUM NATIONAL PARK
      • KAENG KRACHAN NATIONAL PARK
      • MU KO ANG THONG NATIONAL PARK
      • MU KO SURIN NATIONAL PARK
      • MU KO SIMILAN NATIONAL PARK
      • HAT NOPPHARATA THARA - MU KO PHI PHI NATIONAL PARK
      • MU KO LANTA NATIONAL PARK
      • TARUTAO NATIONAL PARK
    • THAKSIN and ASEAN
  • AND BEYOND
  • THE LIBRARY
    • THE ART OF WAR by SUN TZU
    • SUFFICIENCY ECONOMY BY KING BHUMIBOL OF THAILAND
    • SOFT POWER (Joseph Nye, Jr.)
    • CONVERSATIONS WITH THAKSIN by Tom Plate
    • THE GREAT ILLUSION/Norman Angell
    • MORNING WORLD BOOKS >
      • CASINO ROYALE
      • 1984
      • A BRIEF HISTORY OF TIME
      • A HISTORY OF THAILAND
      • CONSTITUTION OF THE UNITED STATES
    • SCIENCE >
      • ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
      • HUMAN
    • DEMOCRACY IN AMERICA
    • FIRST DEMOCRACY
    • JOHN MUIR
    • MODELS OF DEMOCRACY
    • MULAN
    • THE VOYAGE OF THE BEAGLE
    • ON THE ORIGIN OF SPECIES
    • PHOOLAN DEVI
    • THE REPUBLIC
    • THE TRAVELS OF MARCO POLO
    • UTOPIA
    • A Short History of the World [H.G.Wells]
    • WOMEN OF ARGENTINA
    • THE EARTH : A Very Short Introduction
    • THE ENGLISH GOVERNESS AT THE SIAMESE COURT
    • TIMAEUAS AND CRITIAS : THE ATLANTIS DIALOGUE
    • HARRY POTTER
    • DEMOCRACY / HAROLD PINTER
    • MAGNA CARTA
    • DEMOCRACY : A Very Short Introduction
    • DEMOCRACY / Anthony Arblaster]
    • DEMOCRACY / H.G. Wells
    • ON DEMOCRACY / Robert A. Dahl)
    • STRONG DEMOCRACY
    • THE CRUCIBLE
    • THE ELEMENTS OF STYLE
    • THE ELEMENTS OF JOURNALISM | JOURNALISM: A Very Short Introduction
    • LOVE
    • THE EMPEROR'S NEW CLOTHES
    • THE SOUND OF MUSIC
    • STRONGER TOGETHER
    • ANIMAL FARM
    • POLITICS AND THE ENGLISH LANGUAGE
    • GEORGE ORWELL
    • HENRY DAVID THOREAU >
      • WALDEN
    • MAHATMA GANDHI
    • THE INTERNATIONAL ATLAS OF LUNAR EXPLORATION
    • พระมหาชนก
    • ติโต
    • นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ | A Man Called Intrepid
    • แม่เล่าให้ฟัง
    • SUFFICIENCY ECONOMY
    • พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง
    • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
    • ... คือคึกฤทธิ์
    • KING BHUMIBOL ADULYADEJ: A Life's Work
    • THE KING OF THAILAND IN WORLD FOCUS
    • พระราชดำรัสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ >
      • THE KING'S WORDS
    • TESLA INTERVIEW 1926
  • IN MY OPINION
  • S.ONWIMON
    • MY STORY
    • THE DISSERTATION
    • THE WORKS >
      • BROADCAST NEWS & DOCUMENTARIES
      • SPIRIT OF AMERICA
      • THE ASEAN STORY
      • NATIONAL PARKS OF THAILAND
      • HEARTLIGHT: HOPE FOR AUTISTIC CHILDREN IN THAILAND
    • SOMKIAT ONWIMON AND THE 2000 SENATE ELECTION
    • KIAT&TAN >
      • TAN ONWIMON >
        • THE INTERVIEW
    • THAIVISION