The Constitution of the United States
The Constitution of the United States
Introduction by R.B. Bernstein รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ฉบับแรกและฉบับเดียวของชาวอเมริกัน มีอายุใช้งานถึงวันนี้กว่าสองร้อยปีแล้ว "The Constitution of the United States" ในบทนำที่เขียนโดย R.B. Bernstein ได้สรุปให้เห็นภาพในอดีตว่า: ปี ค.ศ. 1607 อาณานิคมอังกฤษแห่งแรกในอเมริกาเริ่มตั้งชุมชนที่ Jamestown ในรัฐ Virginia ปัจจุบัน ต่อมาอาณานิคมขยายเป็น 13 รัฐทางชายฝั่งตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ เริ่มมีปัญหาขัดแย้งเกี่ยวกับการปกครองและภาษีอากร กลายเป็นสงครามเพื่อกอบกู้เอกราช ในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ที่ประชุมรัฐอาณานิคมครั้งที่สอง ที่เรียกว่า Second Continental Congress ประกาศมติว่า “(The colonies)...are, and of right ought to be, free and independent states.” รัฐอาณานิคมทั้ง 13 รัฐมีสิทธิที่จะเป็นอิสระ และควรได้รับอิสรภาพ พ้นจากการปกครองของอังกฤษ อีกสองวันต่อมาวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 จึงได้ประกาศเอกราช ตามร่างคำประกาศเอกราช ที่เขียนโดย Thomas Jefferson ซึ่งเริ่มต้นว่า: “When in the Course of human Events, it becomes necessary for one People to dissolve the Political Bands which have connected them with another, and to assume among the Power of the Earth, the separate and equal Station to which the Laws of Nature and of Nature’s God entitle them, a decent Respect to the opinions of Mankind requires that they should declare the course which impel them to the Separation” “เมื่อถึงกาลที่มนุษย์เดินมาถึงภาวะจำเป็นที่บรรดาประชาชนกลุ่มหนึ่ง จำต้องสลายรัฐสัมพันธ์ที่เคยมีต่อ กัน ออกไปก่อตั้งรัฐใหม่เคียงคู่ไปกับเหล่ารัฐมหาอำนาจทั้งหลายบนโลกมนุษย์นี้อย่างเสมอศักดิ์ศรีกัน อัน เป็นไปตามกฎแห่งธรรมชาติ ตามประกาศิตของพระผู้เป็นเจ้าผู้ครอบครองธรรมชาติ ด้วยความเคารพใน ความเห็นของมนุษยชาติ ถึงครานี้แล้วที่มวลหมู่ชนจำต้องแยกจากกัน” “We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable Rights, that among these are Life, Liberty, and the Pursuit of Happiness---that to secure these Rights, Governments are instituted among Men, deriving their just Powers from the Consent of the Governed, that whenever any Form of Government becomes destructive of these Ends, it is the Right of the People to alter or to abolish it, and to institute new Government, laying its Foundation on such Principles, and organizing its Powers in such Form, as to them shall seem most likely to effect their Safety and Happiness….” “เราถือว่าความจริงดังกล่าวนี้เป็นความจริงที่ปรากฏในตัวเองโดยธรรมชาติ ที่ว่ามนุษย์ทุกคนถูกพระเจ้า สร้างมาให้เท่าเทียมกัน โดยพระผู้ทรงเนรมิตชีวิตยังได้ทรงประทานสิทธิทั้งมวลที่ติดมากับตัวตนของ มนุษย์ รวมถึงสิทธิในชีวิต เสรีภาพ และสิทธิในการแสวงหาความสุขสมบูรณ์ --- และในการให้ได้มาซึ่ง สิทธิเหล่านั้น จำต้องมีการจัดการตั้งรัฐบาล ซึ่งจะได้รับอำนาจอันชอบธรรมจากประชาชนผู้ถูกปกครอง ใน คราใดก็ตามที่รัฐบาลแบบใดก็ตามได้ทำลายขัดขวางทางไปสู่เป้าหมายแห่งสิทธิเสรีภาพเหล่านั้นแล้วไซร้ ก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะเปลี่ยนแปลง หรือล้มล้างรัฐบาลนั้นเสีย แล้วสถาปนารัฐบาลใหม่ขึ้นแทน เพื่อ วางรากฐานของหลักการ และจัดการกระบวนอำนาจในรูปแบบในอันที่จะก่อกำเนิดความปลอดภัยและ สันติสุข...” “….That these United Colonies are, and of Right ought to be, FREE AND INDEPENDENT STATES…” “เหล่าสหรัฐอาณานิคมทั้งหลายนี้เป็นรัฐเสรีและมีเอกราช และควรจะได้รับเสรีภาพและเอกราชอย่าง แท้จริง” สงครามเพื่อเอกราชของอาณานิคมอเมริกันดำเนินไปนาน 7 ปี วันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1783 โดยการลงนามในสนธิสัญญาที่กรุง Paris อังกฤษยอมรับรองเอกราชของ สหรัฐอเมริกา วันที่ 25 พฤษภาคม 1787 เหล่าสหพันธรัฐเอกราชประชุมกันที่ Philadelphia เพื่อเตรียมการร่างรัฐธรรม นูญ สำหรับการปกครองสหรัฐอเมริกาให้เป็นเอกภาพกว่าที่เป็นอยู่ โดยเลือก George Washington เป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ, William Jackson แห่งรัฐ Georgia เป็นเลขาธิการ มีสมาชิกสภาร่าง รัฐธรรมนูญ 74 คน เป็นผู้แทนจาก 12 รัฐ โดยรัฐที่ 13 คือ Rhode Island ปฏิเสธที่จะมาร่วมประชุม แต่ที่มา ร่วมประชุมจริงๆมีเพียง 55 คน มี George Washington จากรัฐ Virginia, Benjamin Franklin จาก Pennsylvania นำกลุ่มวีระบุรุษของชาติ; James Madison จาก Virginia, James Wilson จาก Pennsylvania และ Alexander Hamilton จาก New York นำกลุ่มนักทฤษฎีรัฐศาสตร์การปกครอง; John Dickinson จาก Delaware และ Roger Sherman จาก Connecticut เป็นผู้นำฝ่ายรัฐบุรุษอาวุโส; William Paterson จาก New Jersey และ Luther Martin จาก Maryland เป็นผู้แทนกลุ่มผลประโยชน์การ ปกครองส่วนรัฐและท้องถิ่น; ตัวแทนกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มผู้นำที่สุขุมสงบมาช่วยสร้างความสมานฉันท์เมื่อ เกิดความขัดแย้ง ได้แก่ John Blair จาก Virginia กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาจากวันที่ 25 พฤษภาคม ถึง 17 กันยายน ค.ศ. 1787 รวม 116 วัน มีผลใช้ได้บริบูรณ์เมื่อได้รับการรับรองจากรัฐต่างๆ 9 รัฐในทั้งหมด 13 รัฐ ในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1788 สหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เขียนรัฐธรรมนูญสั้นๆเพียง 7 มาตรา หนาเพียง 21 หน้า เมื่อพิมพ์เป็นเล่มขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ กระชับ อ่านง่าย และทรงพลัง: Article I มาตราที่ 1 ว่าด้วยอำนาจนิติบัญญัติของรัฐสภา Article II มาตราที่ 2 ว่าด้วยอำนาจบริหารของประธานาธิบดี Article III มาตราที่ 3 เป็นเรื่องของอำนาจตุลาการของ Supreme Court หรือศาลสูง และศาลชั้นล่างอื่นๆ Article IV มาตราที่ 4 เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของรัฐต่างๆ Article V มาตราที่ 5 บัญญัติเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ Article VI มาตราที่ 6 รับรองหนี้สินของสหรัฐที่เกิดขึ้นก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญ และสถาปนารัฐธรรมนูญให้เป็นกฎหมายสูงสุดของสหรัฐอเมริกา Article VII มาตราที่ 7สุดท้าย กำหนดกระบวนการรับรองรัฐธรรมนูญโดยเสียงรัฐข้างมากอย่างน้อย 9 รัฐ ใน 13 รัฐ วันเวลาผ่านไป 232 ปี (ถึงปี 2020) สหรัฐอเมริกายังคงใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมโดยมีการแก้ไขเพิ่มเติม 18 ครั้ง รวม 27 มาตรา รัฐธรรมนูญที่สั้นอ่านง่ายนั้นก็เพื่อวางโครงสร้างของความเป็นประชาธิปไตยในสถาบันทางการเมืองในส่วนกลางและระดับรัฐ ไม่มีการเขียนถึงพรรคการเมือง เพียงแต่กำหนดองค์ประกอบสมาชิกของรัฐสภาทั้งสองที่แต่ละรัฐจะจัดการเลือกตั้งกันเอง เรื่องสิทธิเสรีภาพก็เขียนในบทแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่ 1 ที่เรียกว่า Amendment I ย่อหน้าเดียวว่า Amendment I “Congress shall make no law respecting an establishment of religion, or prohibiting the free exercise thereof; or abridging the freedom of speech, or of the press; or the right of the people peaceably to assemble, and to petition the Government for a redress of grievances.” “สภา Congress จะต้องไม่ออกกฎหมายใดๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนา หรือห้ามการนับถือศาสนาใด หรือปิดกั้นจำกัดเสรีภาพในการพูด เสรีภาพของหนังสือพิมพ์ หรือสิทธิของประชาชนในการชุมนุมโดยสันติ และการร้องเรียนต่อรัฐบาลเพื่อให้แก้ปัญหาต่างๆ” เขียนเพียงเท่านี้ ไม่ต้องตีความ หรือขยายความ ก็มีความหมายปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของชาวอเมริกันได้ทั้งประเทศมากว่า 200 ปีแล้ว วัฒนธรรมทางการเมือง ความมีสำนึกรู้รับผิดชอบชั่วดีและบทบาทหน้าที่ของพลเมืองและนักการเมือง โดยไม่ต้องพึ่งกฎหมายที่ละเอียด หรือรัฐธรรมนูญที่ยาวหลายร้อยมาตราเช่นประเทศที่ด้อยวัฒนธรรมการเมืองทั้งหลายในโลก ประชนชาวอเมริกันทุกคน ก็ได้ร่วมกันสร้างชาติด้วยการปกครองประเทศโดยรัฐธรรมนูญเพียง 34 มาตรา เท่านั้นเอง. |
|