1984
โดย George Orwell (63) ‘The Capitalists owned everything in the world, and everyone else was their slave. They owned all the land, all the houses, all the factories, and all the money. If anyone disobeyed them they could throw him into prison, or they could take his job away and starve him to death. When any ordinary person spoke to a capitalist he has to cringe and bow to him, and take off his cap and address him as “sir.” ’ “พวกนายทุนเป็นเจ้าของทุกอย่างในโลกนี้ แล้วคนอื่นๆก็คือพวกทาสของนายทุน พวกนายทุนเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมด เป็นเจ้าของบ้านทั้งปวง เป็นเจ้าของโรงงานทุกหนแห่ง และครอบครองเงินทั้งระบบ หากใครไม่เชื่อฟังนายทุนก็อาจจะถูกโยนเข้าคุกได้ หรือไม่ก็จะถูกไล่ออกจากงาน แล้วปล่อยให้อดอยากหิวโหยไปจนตาย เวลาที่คนธรรมดาจะพูดกับนายทุนก็จำจะต้องโค้งคำนับ ถอดหมวกออก แล้วเรียกนายทุนว่า ฯพณฯท่าน” Winston Smith อ่านประวัติศาสตร์ระบบทุนนิยม จากตำราประวัติศาสตร์เด็กโลกที่ยืมมาจาก Mrs. Pearson แล้วก็เริ่มลอกข้อความจากหนังสือ บันทึกลงสมุดบันทึกส่วนตัว โลก สังคม และ รัฐ ของ Winston Smith ณ วันที่ 4 เมษายน ปี ค.ศ. 1984 เปลี่ยนไปอย่างที่จำอะไรไม่ได้ชัดเจนถูกต้อง หลังสงครามโลกครั้งใหญ่ ระเบิดปรมาณูทำลายทุกสิ่งอย่าง อังกฤษถูกยึดครองโดยสหรัฐอเมริกา กลายเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของอภิมหารัฐเรียกว่า Oceania. เรียกชื่อดินแดนอังกฤษเดิมว่า จังหวัด, Airstrip One มี London เป็นเมืองสำคัญ, มีผู้ปกครองรัฐรู้จักกันอย่างหวาดผวาในนาม Big Brother หรือ BB ทุกหนทุกแห่งในอภิมหารัฐ หรือ Super State Oceania “The Big Brother Is Watching You” ท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่จับตามองคุณอยู่ทุกฝีก้าว ด้วยภาพ posters ขนาดยักษ์ ของท่านผู้นำ Big Brother ปิดทุกมุมเมือง และ จอภาพโทรทัศน์ หรือ “Telescreen” ที่ใช้ฉายภาพยนตร์ข่าวสารโฆษณาบังคับให้เชื่อ ติดตั้งทุกหนแห่งดุจเงาตามตัว ทั้งในที่สาธารณะ และในอาคารบ้านเรือนจอภาพโทรทัศน์ Telescreen นี้ ทำหน้าที่ทั้งฉายภาพ ทั้งถ่ายภาพและบันทึกเสียงประชาชนที่เดินผ่านทุกคน ประชาชนไม่สามารถปิดจอ telescreen นี้ได้ แม้อาจจะหรี่เสียงได้บ้างเล็กน้อยก็ตาม ชีวิต ความลับ ความเป็นส่วนตัว อิสระ และ เสรีภาพในอภิมหารัฐ Oceania ไม่มี Oceania แม้หลังสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ ก็ยังทำสงครามไม่หยุดหย่อนกับอภิมหารัฐอีกสองรัฐในโลก คือ Eurosia และ Eastasia ประชากรใน Oceania ทุกคนถูกครอบงำและกำหนดชะตาชีวิตโดยรัฐของผู้นำเผด็จการคลั่งอำนาจ มีคนยากจนส่วนใหญ่ของประเทศที่เรียกว่าพวก Proles ที่ถูกปล่อยให้อยู่อย่างเสรี ไม่ถูกควบคุม แต่เป็นเสรีภาพเยี่ยงสัตว์ Big Brother และกลไกของรัฐจะปล่อยให้พวก Proles ผู้ยากจนใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์เร่ร่อนไร้จุดหมายชีวิต ความหมกมุ่นกับสื่อลามกที่รัฐผลิตออกมามอมเมา พร้อมๆกับ lottery หรือหวยบนดิน ทำให้คนจนอยู่กับความเพ้อฝันที่ไร้โอกาสเป็นจริงไปวันหนึ่งๆ (73) “Yes, a seven ‘as won! I could pretty near tell you the bleeding number. Four oh seven, it ended in.” “The Lottery, with its weekly pay-out of enormous prizes, was the one public event to which the proles paid serious attention. It was probable that there were some millions of proles for whom the Lottery was the principal if not the only reason for remaining alive….the Lottery, which was managed by the Ministry of Plenty…(indeed everyone in the Party was aware) that the prizes were largely imaginary. Only small sum were actually paid out.” “ใช่แล้วงวดนี้ออกเลขเจ็ด ฉันบอกแกได้เลยว่าเลขท้ายต้องออก สี่ กับ เจ็ด ...Lottery ซึ่งมีรางวัลดูมหาศาลทุกสัปดาห์ เป็นเหตุการณ์ที่พวกคนจนเอาใจใส่จริงจัง และเป็นไปได้ที่พวก proles ผู้ยากจนหลายล้านคนยึดถือ ถ้าไม่เป็นที่พึ่งเดียว ก็เป็นที่พึ่งหลักของการมีชีวิตอยู่...Lottery นี้ บริหารจัดการโดย Ministry of Plenty กระทรวงการเศรษฐกิจสมบูรณ์หรือกระทรวงการคลัง และษมาชิกพรรคทุกคนรู้ดีว่ารางวัลใหญ่จริงๆแล้วเป็นเรื่องเพ้อฝัน ไม่มีจริง รางวัลที่ให้ก็เพียงน้อยนิดเท่านั้น” นี่คือชีวิตในปี 1984 อนาคตของสังคมอังกฤษนับจากปี 1948 ไปเพียง 36 ปี ในหนังสือนวนิยายอนาคตการเมืองชื่อ 1984 อันที่จริงแต่เริ่มแรก George Orwell อันเป็นนามปากกาของ Eric Blair ตั้งใจจะให้ชื่อนวนิยายเรื่องนี้ว่า “The Last Man in Europe” แต่กลับมาใช้เลขชื่อปี 1984 อันเป็นเลขกลับของปี 1948 ปีที่เขียนเรื่องนี้ โดยใช้เลขปี 1984 เป็นสัญลักษณ์ของอนาคต แม้ปี 1984 ผ่านไปแล้ว แต่คำทำนายอนาคตของ George Orwell แม่นยำยิ่งนัก รัฐเผด็จการอำนาจรัฐที่เรียกว่าระบอบรัฐอำนาจ หรือที่เรียกว่า Authoritarian State เกิดขึ้นในเวลาต่อมาในประเทศจีน และ สหภาพโซเวียต และคำเตือนต่อว่าจะเกิดรัฐเผด็จการเบ็ดเสร็จโดยรัฐที่เรียกว่า Totalitarian State จะเกิดขึ้นตามมา George Orwell มิได้เป็นผู้เห็นชอบกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่ เป็นนักอุดมการณ์สังคมนิยม งานเขียนที่สร้างชื่อเสียงให้เขาโด่งดังก้องโลกวรรณกรรม ก่อน 1984 คือเรื่อง Animal Farm ในปี 1946 ก็เสนอแนวคิดล้มระบอบทุนนิยมมาก่อนแล้ว มาถึง 1984 ทุนนิยมถูกทำลายโดยสงคราม รัฐสังคมนิยมก็ยังไม่เกิด กลับถูกแทนที่โดยระบอบรัฐครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ครอบงำสื่อมวล ข่าวสารข้อมูล บิดเบือนประวัติศาสตร์ และข้อเท็จจริงทุกเรื่อง เพื่อหลอมมวลชนให้อยู่ในควบคุม ใครขัดขืนไม่เชื่อฟังก็ถูกอุ้มหายไป เรียกเป็นภาษาที่รัฐประดิษฐ์ขึ้นใหม่ว่า “Vaporize” หรือระเหยหายไป ซึ่งหมายความว่าอุ้มไปฆ่า ลบหลักฐาน ไม่ปรากฏชื่อนักต่อต้านอำนาจรัฐผู้นั้นในทะเบียนบ้านอีกต่อไป Big Brother ฯพณฯ ท่านผู้นำรัฐใช้ Ministry of Truth หรือกระทรวงกิจการความจริง จัดการข่าวสาร ศิลปะ และความบันเทิง ครอบงำประชาชน, Ministry of Plenty กระทรวงกิจการอันอุดม จัดการระบบเศรษฐกิจที่ผู้ครองอำนาจเท่านั้นที่จะกอบโกยได้, Ministry of Peace กระทรวงการสันติภาพ ทำสงครามกับอภิมหารัฐคู่แข่ง คือ Eurasia และ Eastasia, และ Ministry of Love กระทรวงกิจการแห่งความรัก บริหารจัดการปิดกั้นความรักของหญิงชายมิให้เบ่งบานเป็นเสรี ใช้การผสมเทียมเป็นเครื่องมือในการสร้างประชากรกลุ่มใหม่ ใน Oceania นี้ Winston บอกกับ Julia คู่รักที่ต้องอยู่กันอย่างหลบซ่อนว่า (113) “There is no such thing as happiness, that the only victory lay in the far future, long after you were dead” “ไม่มีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นความสุข ชัยชนะถ้าจะมี ก็อยู่ในอนาคตอันห่างไกล อนาคตหลังจากความตาย” (7, 17, 87) WAR IS PEACE, FREEDOM IS SLAVERY, IGNORANCE IS STRENGTH สงครามคือสันติภาพ, เสรีภาพคือการเป็นทาส, ความโง่เขลาคือพลัง นี่คือคำขวัญของ ฯพณฯท่านผู้นำ Big Brother แห่งอภิมหารัฐ Oceania 1984 โดย George Orwell เป็นหนังสืออันดับสี่ที่บรรณารักษ์ห้องสมุดอังกฤษ และ Peter Boxhall ในหนังสือ 1001 Books ลงความเห็นว่า ทุกคนควรอ่านก่อนตาย หนังสือยอดนิยมตลอดกาลอันดับที่ 8 ใน 100 เล่มของชาวอังกฤษจาการสำรวจของ BBC แต่ 1984 โดย George Orwell มิได้จบอย่างเป็นสุข! สมเกียรติ อ่อนวิมล เกิด 1948 พร้อมหนังสือ 1984 แต่ปรารถนาจะจบอย่างเป็นสุขในปี xxx4. บันทึก ณ วันที่ 2/29 เมษายน 2023 |
เริ่มเช้าวันจันทร์ที่ 3 เมษายน นี้ เวลา 05:00-06:00 ทางสถานีวิทยุ อสมท.96.5 FM รายการ "โลกยามเช้า โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล" กลับมาออกอากาศอีกครั้ง หลังจากเริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อ 39 ปีที่แล้ว.
แรกเริ่ม รายการ "โลกยามเช้าจากเครือซิเมนต์ไทย"เริ่มออกอากาศ วันที่ 1 เมษายน 2527 / 1984 สนับสนุนโดยเครือซิเมนต์ไทย (SCG ปัจจุบัน) ตามนโยบาย Coporate Social Responsibility - CSR เพื่อประโยชน์สาธารณะโดยไม่โฆษณาสินค้า นานประมาณ 12 ปี หลังจากนั้น "โลกยามเช้า" ก็ยังออกอากาศต่อไปในชื่อ "โลกยามเช้า โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล" จนกระทั่งไม่มีผู้สนับสนุนรายการพอที่จะดำเนินรายการต่อไปได้ จึงเลิกไปปี 2544 39 ปีผ่านไป ผู้ดำเนินรายการมีอายุครบ 75 ปีพอดีในเดือนเมษายน รายการ “โลกยามเช้า” จึงกลับมาอีกครั้งบนคลื่น 96.5 FM อสมท. เริ่มเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ออกอากาศเวลา 05:00-06:00 วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ โดยจะเริ่มรายการวันแรก วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ไม่ว่า "โลกยามเช้า โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล" จะมีผู้สนับสนุนรายการมากน้อยแค่ไหนอย่างไรก็ตามผมก็ตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะทำรายการไปจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต.....โปรดติดตาม....
โสเครติส: ท่านไม่สังเกตหรือว่าความเห็นที่ขาดความรู้เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าอับอาย? มันไม่มีอะไรดีไปกว่าความมืดบอด - หรือคิดอิกนัยหนึ่งได้ไหมว่า คนที่แสดงแม้ความเห็นที่แท้จริงแต่ไร้ซึ่งความเข้าใจนั้น จะต่างอะไรไปจากคนตาบอดที่บังเอิญเดินถูกทาง? |