THAIVISION
  • REFLECTION
    • MORNING WORLD >
      • THAKSIN and ASEAN
      • THAKSIN 2010
      • BOBBY SANDS
    • IN CONTEXT >
      • CLASS WAR IN THAILAND?
      • ราชอาณาจักรแห่งบ่อนการพนัน
      • หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
      • SINGAPORE VS TRUMP'S TARIFF
      • สงครามการค้า สหรัฐฯ vs. ไทย
      • IN CONTEXT 17/2024 [Earth Day 1970-2024]
      • IN CONTEXT 16/2024
      • IN CONTEXT 15/2024
      • IN CONTEXT 14/2024
      • IN CONTEXT 13/2024
      • IN CONTEXT 12/2024
      • IN CONTEXT 11/2024
      • IN CONTEXT 10/2024
      • IN CONTEXT 9/2024
      • IN CONTEXT 8/2024
      • IN CONTEXT 7/2024
      • IN CONTEXT 6/2024
  • ON PLANET EARTH
    • EARTH
    • THE WORLD >
      • SCAM INC. (The Economist)
      • SOUTH-EAST ASIAN SEA
  • THAILAND
    • THE MONARCHY >
      • THE MONARCHY IN WORLD FOCUS
      • 9th KING BHUMIBOL- RAMA IX >
        • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
        • Queen Sirikit 1979
        • THE KING'S WORDS
        • THE KING AND I
      • 5th KING CHULALONGKORN >
        • KING CHULALONGKORN THE TRAVELLER
        • KING CHULALONGKORN THE INTERNATIONALIST
      • PHRA THEP (PRINCESS SIRINDHORN)
    • DEMOCRACY IN THAILAND
    • NATIONAL PARKS OF THAILAND >
      • KHAO YAI NATIONAL PARK
      • PHA TAEM NATIONAL PARK
      • PHU WIANG NATIONAL PARK
      • NAM NAO NATIONAL PARK
      • PHU HIN RONG KLA NATIONAL PARK
      • PHU KRADUENG NATIONAL PARK
      • PHU RUEA NATIONAL PARK
      • MAE YOM NATIONAL PARK
      • DOI SUTHEP-PUI NATIONAL PARK
      • DOI INTHANON NATIONAL PARK
      • THONG PHA PHUM NATIONAL PARK
      • KAENG KRACHAN NATIONAL PARK
      • MU KO ANG THONG NATIONAL PARK
      • MU KO SURIN NATIONAL PARK
      • MU KO SIMILAN NATIONAL PARK
      • HAT NOPPHARATA THARA - MU KO PHI PHI NATIONAL PARK
      • MU KO LANTA NATIONAL PARK
      • TARUTAO NATIONAL PARK
    • THAKSIN and ASEAN
  • AND BEYOND
  • THE LIBRARY
    • THE ART OF WAR by SUN TZU
    • SUFFICIENCY ECONOMY BY KING BHUMIBOL OF THAILAND
    • SOFT POWER (Joseph Nye, Jr.)
    • CONVERSATIONS WITH THAKSIN by Tom Plate
    • THE GREAT ILLUSION/Norman Angell
    • MORNING WORLD BOOKS >
      • CASINO ROYALE
      • 1984
      • A BRIEF HISTORY OF TIME
      • A HISTORY OF THAILAND
      • CONSTITUTION OF THE UNITED STATES
    • SCIENCE >
      • ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
      • HUMAN
    • DEMOCRACY IN AMERICA
    • FIRST DEMOCRACY
    • JOHN MUIR
    • MODELS OF DEMOCRACY
    • MULAN
    • THE VOYAGE OF THE BEAGLE
    • ON THE ORIGIN OF SPECIES
    • PHOOLAN DEVI
    • THE REPUBLIC
    • THE TRAVELS OF MARCO POLO
    • UTOPIA
    • A Short History of the World [H.G.Wells]
    • WOMEN OF ARGENTINA
    • THE EARTH : A Very Short Introduction
    • THE ENGLISH GOVERNESS AT THE SIAMESE COURT
    • TIMAEUAS AND CRITIAS : THE ATLANTIS DIALOGUE
    • HARRY POTTER
    • DEMOCRACY / HAROLD PINTER
    • MAGNA CARTA
    • DEMOCRACY : A Very Short Introduction
    • DEMOCRACY / Anthony Arblaster]
    • DEMOCRACY / H.G. Wells
    • ON DEMOCRACY / Robert A. Dahl)
    • STRONG DEMOCRACY
    • THE CRUCIBLE
    • THE ELEMENTS OF STYLE
    • THE ELEMENTS OF JOURNALISM | JOURNALISM: A Very Short Introduction
    • LOVE
    • THE EMPEROR'S NEW CLOTHES
    • THE SOUND OF MUSIC
    • STRONGER TOGETHER
    • ANIMAL FARM
    • POLITICS AND THE ENGLISH LANGUAGE
    • GEORGE ORWELL
    • HENRY DAVID THOREAU >
      • WALDEN
    • MAHATMA GANDHI
    • THE INTERNATIONAL ATLAS OF LUNAR EXPLORATION
    • พระมหาชนก
    • ติโต
    • นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ | A Man Called Intrepid
    • แม่เล่าให้ฟัง
    • SUFFICIENCY ECONOMY
    • พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง
    • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
    • ... คือคึกฤทธิ์
    • KING BHUMIBOL ADULYADEJ: A Life's Work
    • THE KING OF THAILAND IN WORLD FOCUS
    • พระราชดำรัสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ >
      • THE KING'S WORDS
    • TESLA INTERVIEW 1926
  • IN MY OPINION
  • S.ONWIMON
    • MY STORY
    • THE DISSERTATION
    • THE WORKS >
      • BROADCAST NEWS & DOCUMENTARIES
      • SPIRIT OF AMERICA
      • THE ASEAN STORY
      • NATIONAL PARKS OF THAILAND
      • HEARTLIGHT: HOPE FOR AUTISTIC CHILDREN IN THAILAND
    • SOMKIAT ONWIMON AND THE 2000 SENATE ELECTION
    • KIAT&TAN >
      • TAN ONWIMON >
        • THE INTERVIEW
    • THAIVISION



​HUA MULAN

Myraids of miles  she joined the thick of battle 
​Crossing the mountain passes as if flying

มู่หลาน / MULAN

Vertical Divider
Picture
หนังสือชื่อ Mulan: Five Versions of a Classic Chinese Legend, with Related Texts เขียนและแปลโดย Shiamin Kwa (Assistant Professor of East Asian Languages and Cultures, Bryn Mawr College)  และ Wilt L. Idema (Professor of Chinese Literature Emeritus, Harvard University), Hackett Publishing Company, Inc., Indianapolis / Cambridge, 2010, 136 pages, ISBN-13: 978-1-60384-196-2
                                 MULAN: Five Versions
                                                 มู่หลาน 5 แบบ
เรื่อง "มู่หลาน" (Mulan) ตำนานพื้นบ้านจีนกลางศตวรรษที่ 8 เล่าสู่กันมาในสังคมจีนแต่โบราณจนปัจจุบัน ไม่ทราบคนเริ่มบันทึกเรื่องนี้ ไม่ทราบปีที่เริ่มบันทึกชัดเจนเรื่องแรกเกี่ยวกับมู่หลาน แต่มีการดัดแปลงแต่งเติมมากมายหลายแบบหลายเรื่องจนล่าสุดเป็นภาพยนตร์ live action จาก Disney ที่ต้องงดฉายตามโรงตั้งแต่หนังออกมาปลายเดือนนี้ เพราะ COVID-19

จากหนังสือชื่อ
"Mulan: Five Versions of a Classic Chinese legend, with Related Texts" by Shiamin Kwa (Bryn Mawr College) and Wilt L. Idema (Harvard University)

เรื่องมู่หลาน 5 แบบที่มีการศึกษาวิจัยมีดังนี้:
1. "The Poem of Mulan" หรือบทกวีเรื่องมู่หลาน เป็นเรื่องแรกที่มีการบันทึกไว้สมัยโบราณ ความยาวประมาณ 2  หน้า แบ่งเป็น 14  ท่อนเท่านั้น (ก่อนศตวรรษที่ 8)
2. "Song of Mulan"
มีการนำบทกวีมาเขียนเป็นเพลง เนื้อหาใกล้เคียงกัน (ศตวรรษที่ 8)
3. "The Female Mulan Joins the Army in Place of Her Father" (ศตวรรษที่ 16) เป็นบทละคร หรืองิ้ว
4. "Mulan Joins the Army" (1903) บทละคร หรืองิ้วปักกิ่ง
5. "Mulan Joins the Army" (1939)
บทภาพยนตร์ของ Xinhua Film ที่เซี้ยงไฮ้ ยามที่ญี่ปุ่นครองอำนาจในจีน หาดูไม่ได้เลย
ที่จริงยังมีเรื่องมู่หลานเป็นละคร งิ้ว เรื่องสั้น นวนิยาย ภาพยนตร์ ของจีนอีกมากมาย ไม่นับงานภาพยนตร์ animation และ live action ของ Disney อีก ดังนั้นเรื่องมู่หลานจึงถูกดัดแปลงกันตามใจชอบจนขยายเรื่อง ผิดเพี้ยน และผันแปรไปจากต้นฉบับ Poem of Mulan กันสนุกสนานจนลืมเรื่องต้นทาง

Picture

Picture

Picture
Vertical Divider
Picture© 2020 Walt Disney Pictures
เรื่อง "มู่หลาน" (Mulan) เป็นตำนานพื้นบ้านของจีน ในช่วงเวลาประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 6 เล่าสู่กันมาในสังคมจีนแต่โบราณจนปัจจุบัน ไม่ทราบเรื่องหรือชื่อคนผู้เริ่มบันทึกเรื่องนี้ ไม่ทราบปีที่เริ่มบันทึกชัดเจนแต่เรื่องแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นที่กลายมาเป็นตำนานโบราณ เกี่ยวกับ "มู่หลาน" เป็นเรื่องอมตะที่กาลต่อมามีการดัดแปลงแต่งเติมมากมายหลายแบบหลายเรื่องโดยนักเขียนชาวจีนเอง มีดัดแปลงแต่งเสริมเป็นบทเพลง ละคร งิ้ว ภาพยนตร์ สารพัดงานวรรณกรรมและงานแสดงสร้างสรรค์
     เมื่อมาถึงโลกบันเทิงตะวันตก มู่หลานก็กลายเป็นภาพยนตร์การ์ตูนปี 1998 ของบริษัท Walt Disney  และเป็น ภาพยนตร์ที่มีนักแสดงจริง (live action) ปี 2020 จาก Disney เช่นกัน แต่เนื่องจากปัญหาโรคไวรัส COVID-19 ระบาดทั่วโลก Mulan ของ Disney ปี 2020 ก็ต้องงดฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วโลกตอนกลางปี จนกระทั่งสามารถฉายได้ในประเทศไทยตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 2020 นี้เอง เพราะปัญหา COVID-19 ควบคุมได้ ส่วนในสหรัฐอเมริกาโรงภาพยนตร์ต่างๆ ประมาณ 60%, ยกเว้น New York และ Los Angeles, เริ่มเปิดแบบเว้นระยะห่างที่นั่งชมหลังในประเทศไทยหนึ่งสัปดาห์ เพราะปัญหา COVID-19 ยังควบคุมไม่ได้ผล แต่ให้ชมได้ก่อนหน้านี้แล้วแบบเสียค่าสมาชิกรายเดือนผ่านระบบภาพยนตร์ Online ของ Disney+ โดยต้องเสียค่าชม Mulan เป็นพิเศษอีกต่างหาก $29 ค่าชมภาพยนตร์ในสหรัฐฯโดย
เฉลี่ยปี 2019-2020 เท่ากับ $9.00) ส่วนในโรงภาพยนตร์ไทย ค่าตั๋วที่นั่งกลางโรง ราคา 200 บาท ผม ในฐานะผู้สูงอายุ (อายุเกิน 60 ปี) SF Cinema ลดให้เหลือ 120 ($4.00) รวมค่าสมัครสมาชิกแรกเข้า
     ชาวไทยจึงมีโอกาสดีกว่าชาวอเมริกันที่สารมารถไปชม Mulan ได้แล้วในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศไทย ในราคาค่าเงินบาทที่ต่ำกว่าสหรัฐฯ
     ผมไปชม Mulan (2020) ของ Disney มาแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กันยายน (9/11)
แต่อ่านหนังสือ MULAN ของ Shiamin Kwa  & Wilt L. Idema หนึ่งปีก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการชมภาพยนตร์ของ Disney.
     เรื่องเดิมที่เป็นตำนานมู่หลานนั้นเป็นเพียงบทกวีโบราณของจีน ขนาดสั้น  อายุราว 1,300-1,400 ปีมาแล้ว หรือกว่านั้น เรียกว่า "บทกวีเรื่องมู่หลาน" แปลภาษาอังกฤษเรียกว่า "Poem of Mulan" ทั้งนี้ก็เพราะเรื่องของมู่หลานนั้นอาจเป็นเรื่องจริงที่เล่าสืบต่อๆกันมาแต่โบราณ ไม่มีการจดบันทึก จนกระทั่งเริ่มมีใครก็ไม่ปรากฏหลักฐานเป็นผู้ริเริ่มเขียนเป็นบทกวีราวศตวรรษที่ 6 เมื่อเขียนเป็นบทกวีแล้ว คนอื่นๆที่ท่องบทกวีกันต่อๆมาก็เริ่มเขียนเป็นบทเพลง บทงิ้ว บทละคร บทภาพยนตร์ ฯลฯ สารพันงานสร้างสรรค์ เรื่องมู่หลานจึงมีชีวิตชีวาที่หลากหลาย มีแนวเรื่องรับใช้สังคมและวัฒนธรรมแตกต่างกันไปตามการตีความของผู้เขียนและบริบทสังคมที่หวังให้สะท้อนข้อเรียกร้องต้องการของสังคม
     อุตสาหกรรมภาพยนตร์ Hollywood ก็เช่นกันที่ไม่ยอมปล่อยให้ตำนานมู่หลานทรงความงดงามอยู่เพียงในวัฒนธรรมตะวันออก โลกตะวันตกจึงมีโอกาสรู้จักมู่หลานผ่านภาพยนตร์ของ Walt Disney ถึงสองเรื่องสองแบบ ในเวลา  22 ปี....
     ผมไปชมภาพยนตร์มู่หลานของ Disney มาแล้วหนึ่งรอบ จะกลับไปดูอีกอย่างน้อยสองรอบ แล้วจะรอซื้อ DVD เอาไว้ดูที่บ้านต่อไป.

สมเกียรติ อ่อนวิมล
9 กันยายน 2563


Picture
Picture
Picture
   เพื่อนๆทหารต่างตลึงงันเมื่อเห็นเธอ:
   "เราร่วมขบวนสู้รบในสงครามมาด้วยกันยาวนานถึงสิบสองปี
   เราไม่เคยระแคะระคายสงสัยแต่ใดเลยว่ามู่หลานเป็นผู้หญิง!"
​
   "กระต่ายตัวผู้จะดีดตีนกระโดดเด้งเก้งก้างไป;
   กระต่ายตัวเมียก็จะกรอกตาส่ายไปมา,
   คราเมื่อกระต่ายทั้งสองวิ่งคู่กัน,
   ดุจดังกระต่ายคู่ ใครบ้างจะดูออกได้ว่าที่จริงแล้วตัวข้านั้น
   เป็นชายหรือเป็นหญิง?

   สมเกียรติ อ่อนวิมล แปลไทย
​


Vertical Divider

ANONYMOUS
​"Poem of Mulan"

A sigh, a sigh, and then again a sigh---
​Mulan was sitting at the door and weaving.
One did not hear the sound of loom and shuttle,
One only heard her heave these heavy sighs.

     When she was asked the object of her love,
When she was asked who occupied her thoughts,
She did not have a man she was in love with,
There was no boy who occupied her thoughts.

"Last night I saw the summons from the army,
The Khan is mobilizing all his troops.
The list of summoned men comes in twelve copies:
Every copy lists my father's name!
     My father has, alas, no grown-up son,
And I, Mulan, I have no adult brother.
I want to buy a saddle and a horse,
To take my father's place and join the army."

The eastern market: there she bought a horse;
The western market: there she bought a saddle;
The southern market: there she bought a bridle;
The northern market: there she bought a whip.
     At dawn she said good-bye to her dear parents,
At night she rested by the Yellow River.
She did not hear her parents' voices, calling for their daughter,
She only heard the Yellow River's flowing water, always splashing, splashing.

At dawn she left the Yellow River's bank;
At night she rested on Black Mountain's top.
She did not hear her parents' voices, calling for their daughter,
She only heard the whinnying of Crimson Mountain's Hunnish (1) horsemen.

Myraids of miles: she joined the thick of battle,
Crossing the mountain passes as if flying.
Winds from the north transmitted metal rattles, (2)
A freezing light shone on her iron armor
A hundred battles and the brass were dead;
After ten years the bravest men returned.

When they returned, they met the Son of Heaven,
The Son of Heaven seated on his throne. (3)
Their honorary rank went up twelve steps,
And Their rewards were counted in the millions.
     The Khan asked Mulan what he might desired---
"I, Mulan, do not care for an appoint here at court. (4)
Give me your racer good for a thousand miles, (5)
To take me back again to my old hometown.

Hearing their daughter had arrived, her parents
Went out the city, welcoming her back home.
Hearing her elder sister had arrived, her sister
Put on her bright red outfit at the door.
Hearing his elder sister had arrived, her brother
Sharpened his knife that brightly flashed in front of pigs and sheep.

"Open the gate to my pavilion on the east,
Let me sit down in my own western room.
I will take off the dress I wore in battle;
I will put on the skirt I used to wear."
     Closed to the window she did up her hair;
Facing the mirror she applied makeup.
She went outside and saw her army's buddies---
Her army buddies were all flabbergasted:
     "We marched together for these twelve long years
And absolutely had no clue that Mulan was a girl!"

"The male hare wildly kicks its feet;
The female hare has shifty eyes,
But when a pair of hares runs side by side,
Who can distinguish whether I in fact am male or female?"
[Translated (from Chinese) by Wilt L. Idema]

                                                          - End -



​
​Notes:
(1) The Chinese term hu, which we here translate as "Hunnish," generally refers to the nomadic populations on China's traditional northern border (in modern Inner Mongolia).
(2) The Chinese commentators here explain the "rattle" as a small iron three-legged pot, which was used for cooking food at daytime and for beating out the watches during nighttime.
(3) The Son of Heaven (the emperor/Khan) is said in the original to be seated in the Hall of Light, a ceremonial structure described in ancient books.
(4) More precisely, an appointment as Secretarial Court Gentleman.
(5) That is, a horse (or, according to some editions, a camel) that can run a thousand Chinese miles in a single day (the Chinese mile is roughly one third of an English mile).


Picture
Vertical Divider

นิรนาม
"บทกวีเรื่องมู่หลาน"

ถอนหายใจ, ถอนหายใจ, แล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง---
มู่หลานนั่งตรงประตู แล้วทอผ้าไปพลาง.
ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของกี่และกระสวยทอผ้า,
ได้ยินก็แต่เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆของเธอ.
     เมื่อมีคนถามเธอเรื่องอันเกี่ยวกับความรักของเธอ,
ถามเธอว่ามีชายผู้ใดหรือที่ครองใจเธออยู่,
แต่เธอก็มิได้มีบุรุษใดที่เธอหลงรักอยู่,
ไม่มีหนุ่มคนไหนอยู่ในความคิดคำนึงของเธอเลย.

"เมื่อคืนฉันเห็นหมายเกณฑ์จากกองทัพ
องค์พระจักรพรรดิ์ข่านกำลังระดมพลเข้ากองทัพ
มีบัญชีรายชื่อชายผู้ถูกเกณฑ์ทหารมาแจ้งถึงสิบสองสำเนา
ในทุกสำเนามีชื่อบิดาของฉันอยู่ด้วย!
     ด้วยว่าบิดาของฉันก็ไม่มีลูกชายที่โตพอ,
และฉัน, มู่หลาน, ก็ไม่มีพี่ชายคนโตอีกด้วย.
ฉันประสงค์จะไปซื้ออานม้ากับม้าตัวหนึ่ง,
เพื่อว่าฉันจะได้ไปรับหมายเกณฑ์เข้ากองทัพแทนบิดาของฉัน."

ณ ตลาดตะวันออก: ณ ที่นั้นเธอได้ซื้อม้ามาตัวหนึ่ง;
ณ ตลาดตะวันตก: ณ ที่นั้น เธอซื้ออานม้ามาชุดหนึ่ง;
ณ ตลาดใต้: ณ ที่นั้น เธอได้ซื้อเชือกบังเหียนม้ามา;
ณ ตลาดเหนือ: ณ ที่นั้น เธอซื้อแส้สำหรับม้ามาหนึ่งเส้น.
     รุ่งอรุณ เธอกล่าวอำลาบิดาและมารดาผู้เป็นที่สุดแห่งความรัก,
พลบค่ำ เธอหยุดพักริมฝั่งแม่น้ำหวงเหอ (แม่น้ำเหลือง)*.
ไกลเกินกว่าที่เธอจะได้ยินเสียงของบิดามารดาเรียกหาบุตรสาวอีกต่อไปแล้ว,
จะได้ยินก็เพียงเสียงสายน้ำหวงเหอไหลกราก, สาดสายน้ำแตกกระจาย.

ถึงยามเช้า เธอจากฝั่งน้ำหวงเหอ ออกเดินทางต่อไป;
ยามราตรี เธอหยุดพักบนยอดเขาดำ.
ไกลเกินกว่าที่เธอจะได้ยินเสียงของบิดามารดาเรียกหาบุตรสาวอีกต่อไปแล้ว,
​จะได้ยินก็เพียงเสียงม้าร้องจากเหล่าคนเลี้ยงม้าชนเผ่าฮุน (1) แห่งเทือกเขาแดง.

ผ่านระยะทางมาหลายหมื่นลี้: ในที่สุดเธอก็ได้เข้ากองทัพร่วมสงครามหลายแนวรบ,
ควบม้าตะบึงข้ามช่องเขาดุจเหินบิน.
ลมเหนือพัดเขย่าหม้อเหล็กสามขากระทบกันเสียงก้องกระจาย, (2)
เกราะเหล็กที่เธอสวมสะท้อนแสงสว่างใสส่งประกายเจิดจ้า
ผ่านการรบนับร้อยสมรภูมิ บรรดานักรบทหารกล้าต่างล้มตาย;
หลังสิบปีผ่านพ้น เหล่าบุรุษผู้กล้าหาญที่เหลือก็ได้กลับฐานทัพ.

เมื่อนักรบผู้หาญกล้าเหล่านั้นกลับมา, เขาก็ได้เข้าเฝ้าพระโอรสแห่งสวรรค์,
พระโอรสแห่งสวรรค์ประทับบนราชบัลลังก์ (3)
พระราชทานเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งให้สิบสองขั้นทั่วทุกคน,
ทรงปูนบำเหน็จรางวัลให้นับมูลค่าหน่วยล้านแก่ทุกคน.
     องค์พระจักรพรรดิ์ข่านทรงถามทหารหนุ่มมู่หลานว่า เขาประสงค์จะได้รับสิ่งใด---
"ข้าพระพุทธเจ้า, มู่หลาน, มิประสงค์ตำแหน่งใดในราชสำนัก. (4)
ข้าฯขอรับพระราชทานจากพระองค์เพียงม้าฝีเท้าดีวิ่งได้วันละพันลี้หนึ่งตัว (5)
เพื่อจะได้พาข้าฯกลับสู่บ้านเกิดของข้าฯ.

เมื่อได้ยินข่าวว่าลูกสาวกำลังกลับมาใกล้ถึงหมู่บ้านแล้ว, บิดามารดาของมู่หลาน
ก็เดินทางออกไปรอนอกหมู่บ้าน เพื่อรับลูกสาวกลับบ้าน.
ได้ยินข่าวพี่สาวกลับมาแล้ว, น้องสาวของมู่หลาน
ก็รีบใส่ชุดสีแดงสดใสรออยู่ที่ประตูบ้าน.
ได้ข่าวว่าพี่สาวคนโตกลับมาแล้ว, น้องชายของมู่หลาน
ก็ลับมีดจนคมกริบส่องประกายวาววับรออยู่ต่อหน้าบรรดาหมูและแกะ.

"ขอได้โปรดเปิดประตูหอห้องตะวันออกให้พี่ด้วย,
ขอพี่ได้นั่งพักในห้องตะวันตกห้องส่วนตัวของพี่.
พี่จะเปลื้องปลดชุดนักรบที่ใช้ในสงครามออก;
พี่จะได้ใส่กระโปรงตัวโปรดของพี่สักที."
     ณ ที่ใกล้ขอบหน้าต่าง เธอรวบผมขึ้น;
มองหน้ากระจก เธอเริ่มแต่งหน้าทาแป้ง.
เธอออกไปข้างนอกบ้าน และได้พบกับเพื่อนทหารร่วมกองทัพที่กลับมาด้วยกัน---
เพื่อนๆทหารต่างตลึงงันเมื่อเห็นเธอ:
     "เราร่วมขบวนสู้รบในสงครามมาด้วยกันยาวนานถึงสิบสองปี
เราไม่เคยระแคะระคายสงสัยแต่ใดเลยว่ามู่หลานเป็นผู้หญิง!"

"กระต่ายตัวผู้จะดีดตีนกระโดดเด้งเก้งก้างไป;
กระต่ายตัวเมียก็จะกรอกตาส่ายไปมา,
คราเมื่อกระต่ายทั้งสองวิ่งคู่กัน,
ดุจดังกระต่ายคู่ ใครบ้างจะดูออกได้ว่าที่จริงแล้วตัวข้านั้นเป็นชายหรือเป็นหญิง?
 
                                                          - จบ -
​
[สมเกียรติ อ่อนวิมล แปลไทยแบบร้อยแก้ว จากฉบับแปลภาษาอังกฤษจากต้นฉบับภาษาจีน โดย Wilt L. Idema (ข้อความในวงเล็บอธิบายเพิ่มเติมโดย สมเกียรติ อ่อนวิมล ผู้แปลไทย]

เชิงอรรถ:
(1) คำภาษาจีนว่า hu (หู), ซึ่งที่นี่เราแปลว่า "Hunnish" (ฮุนนิช), โดยทั่วไปหมายถึงชนเผ่าเร่ร่อนบริเวณพรมแดนทางเหนือของจีนแต่โบราณ (ปัจจุบันคือ Inner Mongolia)
(2) นักวิชาการชาวจีนของเราอธิบายว่า "rattle" คือหม้อเหล็กสามขาที่ใช้หุงต้มอาหารเวลากลางวัน และตกกลางคืนก็ใช้เป็นระฆังตีบอกเวลา
(3) พระโอรสแห่งสวรรค์ (พระจักรพรรดิ์/พระองค์ข่าน) นั้น ในต้นฉบับแต่เดิมบอกว่าทรงประทับ ณ ท้องพระโรงแห่งแสงสว่าง, อันเป็นโครงสร้างสำหรับพระราชพิธีดังอธิบายไว้ในบันทึกโบราณ
(4) จะให้แจ้งชัดก็หมายถึงตำแหน่งเสนาบดีบุรุษเอกแห่งราชสำนัก 
(5) หมายถึงม้า (บางฉบับก็หมายถึงอูฐ) ที่สามารถวิ่งได้วันละหนึ่งพันไมล์จีน (วัดระยะทางไมล์แบบจีน เท่ากับ 1/3 ไมล์อังกฤษ) (1 ไมล์อังกฤษเท่ากับ 1,600 เมตร, 1/3 ไมล์อังกฤษ เท่ากับประมาณ 533 เมตร เทียบโดยประมาณเกือบเท่ากับ 1 ลี้ ตามมาตรวัดระทางแบบจีน จึงขอแปลไทยเป็น "ลี้" ตามความคุ้นเคยของไทย - สมเกียรติ อ่อนวิมล)
* Yellow River / แม่น้ำเหลือง / แม่น้ำฮวงโห / แม่น้ำหวงเหอ เป็นชื่อแม่น้ำเดียวกัน  (สมเกียรติ อ่อนวิมล)

ว่าด้วยบทแปล
     การแปล ณ ที่นี้ มิได้แปลเป็นฉันทลักษณ์ หรือบทกลอนที่มีสำนวนภาษาที่สัมผัสคล้องจอง เพราะต้องการเพียงแปลข้อความจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยให้ได้เนื้อหาถูกต้องใกล้เคียงความจริงที่สุด ส่วนการแปลจากต้นฉบับภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษเป็นความรับผิดชอบของผู้แปลแต่แรก (Shiamin Kwa และ Wilt L. Idema) หากแปลออกมาเป็นแบบฉันทลักษณ์จะถูกบังคับเคร่งครัดด้วยจำนวนคำและรูปแบบสัมผัส หากผู้แปลไม่มีทักษะมากพอจะทำให้ความหมายในต้นฉบับเดิมตกหล่นผิดเพี้ยนไปโดยไม่บังควร.
     "บทกวีเรื่องมู่หลาน" หรือ "Poem of Mulan" มีที่แปลจากต้นฉบับภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษ และจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย ทั้งที่บอกแหล่งข้อมูลและชื่อผู้แปล และที่ไม่บอกชัดเจน  มีมากมายหลายแบบ ต่างเวลาและต่างเป้าหมาย ทั้งที่มาจากแหล่งทางวิชาการและไม่เป็นวิชาการ สามารถศึกษาค้นคว้าทาง internet ได้ เพียงผู้อ่านจะต้องตรวจดูว่าควรจะสืบค้นหาความน่าเชื่อถือได้อย่างไร. หากพบงานของผู้เขียนและผู้แปลคนไทยที่รู้ภาษาจีนเป็นอย่างดีและเข้าใจบริบทประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีนอย่างถ่องแท้ก็จะเห็นคุณค่าความถูกต้องงดงามทางวิชาการได้.
​     ความเป็นงานวิจัยทางวิชาการและงานเขียนวิเคราะห์อย่างละเอียดลึกซึ้ง ประกอบกับการมีคณะที่ปรึกษาผู้รู้ร่วมงานด้วยในการแปลตำนานโบราณของมู่หลานห้าแบบ นำไปสู่การตัดสินใจอ้างอิงหนังสือเล่มนี้เป็นหลักสำหรับผู้ไม่รู้ภาษาจีน คือหนังสือชื่อ  Mulan: Five Versions of a Classic Chinese Legend, with Related Texts เขียนและแปลโดย Shiamin Kwa (Assistant Professor of East Asian Languages and Cultures, Bryn Mawr College)  และ Wilt L. Idema (Professor of Chinese Literature Emeritus, Harvard University), Hackett Publishing Company, Inc., Indianapolis / Cambridge, 2010, 136 pages, ISBN-13: 978-1-60384-196-2
​     และที่นำมากล่าวอ้างอิงถึง ณ ที่นี้ ก็เพียงเรื่องบทกวีเรื่องมู่หลาน แบบเดียวเท่านั้น ยังมีอีกสี่แบบที่ยังมิได้นำมากล่าวถึงหรือแปลให้อ่านเพิ่มเติม.

Picture
ภาพเขียนมู่หลาน ปลายสมัยราชวงศ์ชิง (1636-1912)
ภาพเขียนมู่หลาน
​ปลายสมัยราชวงศ์ชิง (1636-1912)
จากหน้า 6 ของหนังสือ "Mulan - Five Versions..." แปลคำอธิบายภาษาจีนบนมุมซ้ายของภาพดังนี้: "แต่ดั้งเดิมเล่าไว้ว่า มู่หลาน เป็นเป็นเด็กสาวน่ารัก เธอออกไปรบในสงครามแทนบิดาของเธอ - น่าขื่นชมยิ่งนัก ไปร่วมสู้รบในดินแดนกว้างไกลนานสิบปี เธอรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงและเกียรติ ประวัติ เธอคือพลเอกผู้หาญกล้าไร้ผู้ใดเทียมเท่า เธอมาจากตระกูล "หัว" (แปลว่าดอกไม้)

Vertical Divider
เกี่ยวกับ "มู่หลาน แซ่หัว"     
"มู่หลาน"
เป็นเรื่องของเด็กสาวลูกชาวบ้านผู้หาญกล้าแห่งตระกูลหัว หรือ "แซ่หัว" (แปลว่าดอกไม้) อาสาออกไปเป็นทหารเกณฑ์สู้รบในสงครามแทนบิดาผู้แก่ชราแล้ว อีกทั้งครอบครัวก็ไม่มีบุตรชายโตพอที่จะรับหมายเกณฑ์ได้ เธอลาบิดามารดาจากหมู่บ้านไปร่วมสงครามรับใช้พระจักรพรรดิ์จีนนาน 12 ปี ทั้งๆที่เป็นผู้หญิง แต่ก็สามารถปลอมตัวแต่งกายเป็นชายโดยไม่มีใครในกองทัพจับได้ว่าที่แท้เธอเป็นหญิง จนสงครามเสร็จสิ้น พระจักรพรรดิ์จีนทรงปูนบำเน็จรางวัลเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งให้ทหารหาญทุกนาย แต่มู่หลานมิประสงค์ลาภยศสรรเสริญใดๆ ขอรับพระราชทานเพียงม้าฝีเท้าดีอึดทนวิ่งได้วันละพันลี้ตัวเดียวเป็นพอ เพื่อเธอจะได้ควบกลับบ้านเกิดไปหาพ่อแม่และน้องสาวน้องชาย กลับไปเป็นหญิงตามปรกติของลูกสาวชาวบ้านธรรมดาๆต่อไป
     เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน พ่อและแม่ของมู่หลานก็ตื่นเต้นดีใจ ถึงกับเดินทางออกไปรอต้อนรับมู่หลานก่อนที่เธอจะเข้าถึงเขตหมู่บ้านเสียด้วยซ้ำ แล้วพาเธอกลับไปเลี้ยงฉลองกันที่บ้าน แล้วมู่หลานก็กลับมาเป็นลูกสาวของพ่อแม่ เป็นพี่สาวของน้องสาวและของน้องชายต่อไป.
     คติสอนใจจากตำนานจีนโบราณเรื่องมู่หลานนี้ สอนให้ลูกมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ สอนให้ประชาชนซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อประเทศชาติและองค์พระจักรพรรดิ์ สอนให้ลูกจีนทุกคนรับใช้พ่อแม่ ครอบครัว และประเทศชาติเป็นสำคัญ แม้จะเป็นหญิงซึ่งประเพณีจีนมิได้คาดหวังจะให้กระโดดโลดเต้นหาญกล้าดุจลูกชาย
แต่เรื่องมู่หลานก็สะท้อนความคิดคนจีนโบราณว่า แม้จะเป็นหญิงแต่ก็สามารถมีความเข้มแข็งหาญกล้าเยี่ยงชายได้เสมอภาคกัน ดุจดังกระต่ายสองตัววิ่งคู่กัน ตัวหนึ่งตัวผู้ อีกตัวหนึ่งตัวเมีย วิ่งไปคู่กัน ดูไกลๆก็แยกไม่ออกว่ากระต่ายตัวใดเพศใด ตัวไหนตัวผู้ ตัวไหนตัวเมีย
     เรื่องมู่หลานแต่แรกเริ่มที่เล่าขานกันมานานปีจากปากสู่ปากขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งราชสำนักให้มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในรูปแบบบทกวีประมาณศตวรรษที่ 6 บทกวีเรื่องมู่หลานเน้นความกตัญญูต่อบิดามารดา ต่อมาถึงกลางศตวรรษที่ 8 มีการเขียนเรื่องมู่หลานเป็นบทเพลง เนื้อความก็ใกล้เคียงกับบทกวีดั้งเดิม ในยุคหลังๆที่มีการเขียนเป็นบทละคร งิ้ว (อุปรากรจีน) เริ่มปรับเนื้อหาให้เน้นเรื่องความรักชาติ ความคิดชาตินิยม สิทธิสตรีและความเท่าเทียมกันในสังคมมากขึ้น ครั้นวัฒนธรรมข้ามชาติยุคโลกาภิวัตน์มาถึงโลกตะวันตก มู่หลานก็ถูกเล่าใหม่ ตามบริบทบันเทิงและการตลาดสมัยใหม่ ภาพยนตร์การ์ตูนแบบ animation ปี 1998 ของ Walt Disney ก็เน้นความบันเทิง ดนตรี เพลง เทคโนโลยีการทำภาพเคลื่อนไหว และการตลาดทุกรูปแบบ ส่วนภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่อง Mulan ของ Disney ปี 2020 แบบมีนักแสดงจริง ฉากการถ่ายทำยิ่งใหญ่ นักแสดงเป็นชาวจีน หรืออเมริกันเชื้อสายจีนเต็มรูปแบบ ทำบทภาพยนตร์เป็นภาษาอังกฤษเขียนโดยคนฝรั่งอเมริกัน กำกับภาพยนตร์โดยสตรีชาวนิวซีแลนด์ ได้ใส่ความเป็นภาพยนตร์บันเทิงยิ่งใหญ่ ถ่ายทำในประเทศจีนและนิวซีแลนด์ ตามแบบฉบับฉากธรรมชาติตระการตาที่นิวซีแลนด์มีให้ชมอย่างเต็มจอกว้าง เป็นความบันเทิงแบบครอบครัวตามแบบฉบับเคร่งครัดของ Disney แม้จะมีฉากรบราฆ่าฟันกันในสงครามอย่างไรก็ไม่มีภาพเลือดให้เห็นเลย เนื้อหาปรัชญาพื้นฐานตามวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมว่าด้วยลูกกตัญญูยังคงเป็นหัวใจสำคัญไม่เสื่อมคลาย การสร้างภาพยนตร์นั้นมีคณะที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีนหลายคนเชื่อถือได้ถึงพื้นฐานงานก่อนจะสร้างเป็นภาพยนตร์สมัยใหม่ แต่รายละเอียดปลีกย่อยเปลี่ยนแปลงไปมากหลากหลายตามแนวการผลิตความบันเทิงสมัยใหม่ ซึ่งงานภาพยนตร์ยืนยันว่าใช้บทกวี
​เรื่องมู่หลานและเรื่อง อื่นๆในรูปแบบอื่นเช่นที่ปรากฏในหนังสือเล่มข้างบนนี้ คนสร้างภาพยนตร์ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วหลายรอบ
     หนังสือชื่อ 
Mulan: Five Versions of a Classic Chinese Legend, with Related Texts เขียนและแปลโดย Shiamin Kwa (Assistant Professor of East Asian Languages and Cultures, Bryn Mawr College)  และ Wilt L. Idema (Professor of Chinese Literature Emeritus, Harvard University), Hackett Publishing Company, Inc., Indianapolis / Cambridge, 2010, 136 pages, ISBN-13: 978-1-60384-196-2     ⤴︎
Vertical Divider
     อ่านบทกวีของมู่หลานแล้ว ไปดูภาพยนตร์แล้วกลับมาอ่านบทกวีดั้งเดิมอีกรอบ แล้วกลับไปดูภาพยนตร์อีกรอบ จะได้ความสนุกอิ่มเอิบสองรูปแบบวัฒนธรรม ตะวันออก-ตะวันตก ได้สมบูรณ์มากขึ้น
     ผมไปดูภาพยนตร์ Mulan มาแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 11 กันยายน นี้ ที่ SF Cinema เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ดูจบลงด้วยความพึงพอใจและเป็นสุขใจ เป็นภาพยนตรสำหรับครอบครัวได้ เหมาะด้วยสำหรับนักคิดวิเคราะห์ นักทำภาพยนตร์ นักทำดนตรีประกอบภาพยนตร์ก็ยิ่งดี อย่างน้อยรางวัล Oscar สาขา Cinematography ก็สมควรจะได้

     ในฐานะผู้สูงอายุ วัย 72 ผมได้ลดค่าชมภาพยนตร์ครึ่งราคาอีกต่างหาก ส่วนข้อกำหนดเคร่งครัดเรื่องการเว้นที่นั่งห่างและใส่หน้ากากป้องกัน COVID-19 นั้น หากไปชมภาพยนตร์วันธรรมดา ก็จะดีกว่า เพราะคนจะไม่มากเท่าวันเสาร์-อาทิตย์
     สำหรับบทวิจารณ์เปรียบเทียบระหว่างบทกวีดั้งเดิม Poem of Mulan กับ ภาพยนตร์ Mulan โดย Disney ปี 2020 นั้น  คิดว่าปล่อยให้ผู้อ่านบทความนี้ไปชมภาพยนตร์และวิจารณ์เอาเองก่อนน่าจะสนุกกว่า หรือหากจะอ่านบทวิจารณ์ภาพยนตร์โดยสื่อภาษาอังกฤษก็ตามอ่านได้ข้างล่าง

     ในทางวิชาการ หนังสือภาษาอังกฤษ ชื่อ "Mulan: Five Versions of a Classic Chinese Legend, with Related Texts" โดย Shiamin Kwa (Bryn Mawr College) and Wilt L. Idema (Harvard University) สรุปประวัติศาสตร์-ตำนานและวิวัฒนาการ-เรื่องมู่หลาน เฉพาะที่สำคัญ รวมห้าเรื่องห้าแบบ โดยศึกษาวิจัยเชิงวิชาการอย่างละเอียด พร้อมเขียนบทสรุปแบบยาวไว้ก่อนที่จะถึงบทแปลจากภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งหมด

เรื่องมู่หลาน 5 แบบที่มีการศึกษาวิจัยมีดังนี้:
1. "Poem of Mulan" หรือ "บทกวีเรื่องมู่หลาน" เป็นเรื่องแรกที่มีการบันทึกไว้สมัยโบราณ ความยาว 62 บรรทัด หรือประมาณ 2  หน้า (ก่อนศตวรรษที่ 6)
2. "Song of Mulan" นำบทกวีมาเขียนเป็นเพลง เนื้อหาใกล้เคียงกัน (กลางศตวรรษที่ 8)
3. "The Female Mulan Joins the Army in Place of Her Father" (ศตวรรษที่ 16) เป็นบทละคร หรืองิ้ว
4. "Mulan Joins the Army" (1903) บทละคร หรืองิ้วปักกิ่ง
5. "Mulan Joins the Army" (1939) บทภาพยนตร์ของ Xinhua Film แห่งเซี่ยงไฮ้ ช่วงที่ญี่ปุ่นครองอำนาจในจีน

     ยังมีเรื่องมู่หลานเป็นละคร งิ้ว เรื่องสั้น นวนิยาย ภาพยนตร์ ของจีนอีกมากมาย ไม่นับงานภาพยนตร์ภาพวาดเคลื่อนไหว (animation) ของ Disney (1998) และภาพยนตร์แบบมีนักแสดงและฉากจริง (live-action) ของ Disney (2020) อีก ดังนั้นเรื่องมู่หลานจึงถูกดัดแปลงกันตามใจชอบจนขยายเรื่อง ผิดเพี้ยน และผันแปรไปจากต้นฉบับ Poem of Mulan กันสนุกสนานจนลืมเรื่องต้นทางเรื่องแรก คือ "บทกวีเรื่องมู่หลาน" (Poem of Mulan) ที่ผ่านมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 กว่า 1,500-1,600 ปีแล้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม
  • Internet Movie Database (IMDb)
Others' Reviews
  • The Controversial Origins of the Story Behind Mulan
  • Here's What to Know About the Mulan Boycott
  • The Live-Action 'Mulan' is Gorgeous to Look At, Yet Fails to Soar as It Should
  • ​Disney Criticised for Filming Mulan in China's Xinjian Province
  • ​Mulan: Why are Some People Unhappy With the New Disney Film?

บทวิจารณ์
MULAN: THE POEM AND THE MOVIE
My Review


Vertical Divider
บ้านเกิดมู่หลาน
    บทกวีเรื่องมู่หลานมิได้กล่าวถึงเผ่าพันธุ์บ้านเกิดและลักษณะของบ้านและหมู่บ้านของครอบครัวมู่หลานชัดเจน แต่ก็พอประเมินได้ว่าครอบครัวของมู่หลานมีฐานะดีพอสมควรเพราะมีกี่ทอผ้าตามที่กล่าวถึงในบทกวีบรรทัดที่ 2 ตอนต้น ส่วนตัวบ้านของมู่หลานนั้นดูจะมีขนาดใหญ่โอ่โถงเพราะครอบครัวมู่หลานมีพ่อ แม่ กับลูกสามคน คือมู่หลานเป็นลูกคนหัวปี น้องสาวหนึ่งคน ไม่ปรากฏชื่อ (“บรรทัดที่ 45. ได้ยินข่าวพี่สาวกลับมาแล้ว, น้องสาวของมู่หลาน, บรรทัดที่ 46. ก็รีบใส่ชุดสีแดงสดใสรออยู่ที่ประตูบ้าน.”) และ น้องชายอีกหนึ่งคนเป็นคนสุดท้องไม่ปรากฏชื่อเช่นกัน (บรรทัดที่ 47. ได้ข่าวว่าพี่สาวคนโตกลับมาแล้ว, น้องชายของมู่หลาน, บรรทัดที่ 48. ก็ลับมีดจนคมกริบส่องประกายวาววับรออยู่ต่อหน้าบรรดาหมูและแกะ.) แต่ในภาพยนตร์จะผิดไปจากบทกวีที่ไม่กล่าวถึงน้องชายราวกับจะให้สรุปเอาว่ามู่หลานไม่มีน้องชาย.

    ที่ว่าบ้านของมู่หลานใหญ่โอ่โถงก็เพราะตอนท้ายของบทกวีบอกตอนมู่หลานกลับบ้านหลังการรบในสงคราม  เธอขอให้น้องสาวเปิดส่วนที่เป็นหอหรือ pavillion (หรือ chamber ก็ได้)  ของบ้านด้านทิศตะวันออก เพื่อจะขอเข้าไปนั่งพักและเปลี่ยนชุดในห้องฝั่งตะวันตก (ซึ่งอยู่ในหอที่อยู่ฝั่งตะวันออก) แสดงว่าบ้านใหญ่เป็นสัดส่วนมีห้องหอส่วนต่างๆอธิบายตามทิศที่ตั้ง คิดว่าสมาชิกแต่ละคนจะมีห้องนอนแยกเป็นของตนเอง ลูกสาวก็จะมีโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเงาไว้แต่งหน้าแต่งตัว

    บทกวีกล่าวถึงพ่อแต่ต้นตอนที่ได้รับหมายเกณฑ์ว่าบิดาไม่มีลูกชายโตพอจะไปเป็นทหารแทนพ่อได้ (บรรทัดที่ 12,13,16, 21, 23, 27, 43) แต่มิได้กล่าวถึงความชราหรือป่วยไข้ของพ่อแต่อย่างใด แม้จะมิได้กล่าวว่าพ่อเคยรับราชการเป็นทหารแต่ก็พออนุมานได้ว่าเคยเป็นทหารมาสมัยเป็นหนุ่มตามกฎการเกณฑ์ทหารแต่โบราณสำหรับชายฉกรรจ์ของแต่ละครอบครัว ในภาพยนตร์แสดงให้เห็นดาบเก่าและชุดทหารที่พ่อเก็บไว้ด้วย
    สำหรับแม่ของมู่หลานก็ได้รับการกล่าวถึงตอนที่ว่ามู่หลานไปลาบิดามารดาก่อนจะออกไปรบแทนพ่อ (บรรทัดที่ 21) คิดถึงเสียงเรียกหาจากพ่อแม่ (บรรทัดที่ 21, 23) และพ่อกับแม่ออกไปรับถึงชายขอบหมู่บ้านตอนทราบข่าวว่ามู่หลานกำลังกลับมา (บรรทัดที่ 43)

ครอบครัวมู่หลานเป็นคนจีนเผ่าพันธุ์ใด? 
ตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ที่ใดบนแผ่นดินจีน?

     อันที่จริงบทกวีมิได้ให้รายละเอียดในเรื่องนี้ตรงๆ แต่เพื่อความคิดเชิงวิเคราะห์ที่ถูกกระตุ้นโดยภาพยนตร์ทำให้พบความแตกต่างและสับสนในภาพยนตร์ชัดเจน
    ในภาพยนตร์แต่ต้นแสดงภาพบ้านของมู่หลานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชุมชนบ้านทรงวงกลมยาวแบบบ้านของชุมชนจีนแคะ หรือ Hakka ซึ่งปัจจุบันยังคงมีอยู่ในจังหวัดฟูเจี้ยน (ประกาศเป็นมรดกโลก / UNESCO World Heritage) เจียงสี และ กวางตุ้ง ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดชายฝั่งทะเลของจีนเหนือฮ่องกงขึ้นไป โดยชายฝั่งเยื้องลงมาทางใต้เล็กน้อยจากฝั่งตรงข้ามกับใต้หวัน ในใต้หวันเองทุกวันนี้ก็มีชุมชนบ้านวงกลมแบบนี้เช่นกัน หมู่บ้านวงกลมของชาวจีนแคะนี้เป็นเหมือนชุมชนที่มีบ้านห้องแถวเรียงติดกันเป็นวงกลมใหญ่ สูงสอง-สามชั้น ต่างครอบครัวต่างแยกกันอยู่แบบทาวน์เฮ้าส์, หรือคอนโดมิเนียม, หรืออพาร์ทเมนท์, หรือแฟลต ตามที่เรียกกันในปัจจุบัน เพียงแต่สร้างติดกันยาวโค้งเป็นวงกลมใหญ่ วงกลมใหญ่นี้ภายนอกจะเป็นดุจกำแพงทึบชั้นล่างไม่มีหน้าต่างทั้งนี้ก็เพื่อกันศัตรูมิให้รุกรานเข้าบ้านได้ โดยมีประตูทางเข้าทางใหญ่ทางเดียว ภายในก็เป็นบ้านหลายๆครอบครัวหลายคูหาติดกันเป็นวงกลม มีประตูหน้าต่างระเบียงยาวตลอดรอบเส้นวง เจ้าของบ้านออกมาตะโกนคุยกับเพื่อบ้านได้ วงหมู่บ้านตรงกลางเป็นลานกว้างหรืออาจมีอาคารส่วนกลางอื่น เป็นที่ทำกิจกรรมของหมู่บ้านได้ ชาวบ้านทุกคนจึงพบปะเจอะเจอกันได้ตลอดเวลา ชาวจีนแคะหรือฮักกะจะอพยพหนีภัยรุกรานจากเหนือลงมาใต้ทำนองเดียวกันกับคนไทยสมัยโบราณที่ประวัติศาสตร์เล่าว่ามาจากเทือกเขาอัลไตของจีน ลงสู่ดินแดนแหลมทองหรือสุวรรณภูมิ แต่ชาวจีนแคะก็อพยพลงใต้สมัยโบราณทั้งก่อนและหลังช่วงเวลาของมู่หลานในบทกวี ดังนั้นภาพยนตร์จะอนุโลมให้มู่หลานเป็นจีนแคะก็อาจได้ถ้าภาพยนตร์ชอบรูปทรงชุมชนบ้านกลมว่าจะให้ภาพสวยประทับใจในภาพยนตร์ หากจะให้มู่หลานเป็นจีนแคะสมัยศตวรรษที่ 6 ก็ยอมได้ที่จะให้คิดว่าชาวจีนแคะที่อพยพลงใต้ยังไปไม่ถึงชายฝั่งทะเล อยู่หยุดอยู่แค่แถวๆบ้านมู่หลานก็น่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามมู่หลานจะอยู่บ้านวงกลมร่วมกับชาวบ้านอื่นคงยากที่จะมีห้องหอตะวันออกและห้องนอนตะวันตกของห้องหอส่วนของเธอ บ้านของมู่หลานจึงจำต้องเป็นบ้านครอบครัวเดี่ยวแต่เป็นบ้านใหญ่ที่มีปีกแยกเป็นห้องหอทิศตะวันออกได้ (หรือมีห้องหอทิศตะวันตกอีกด้วยก็ย่อมได้)ในชุมชนหมู่บ้านที่มู่หลานอยู่ น่าจะอยู่แยกบ้านกันไป มีบ้านแยกเป็นหลังเต็มรูปแบบบ้าน มีสวนครัว เล้าหมูเล้าไก่ คอกม้าคอกแกะ แปลงผักสวนครัว แยกบ้านกันไปจึงจะดูถูกต้องกว่าหากเป็นบ้านกลมแบบจีนแคะจะเลี้ยงแกะหมูม้ากันไว้ที่ไหน?  หมู่บ้านในบทกวีจึงได้บอกว่าพ่อแม่เดินทางออกไปรับมู่หลานตอนกลับถึงชายขอบหมู่บ้าน แต่ในภาพยนตร์มู่หลานโผล่เข้ามาประตูใหญ่กลางวงกลมของบ้านชุมชนแล้ว  พ่อ, แม่, น้องๆ, และชาวบ้านจึงโห่ร้องยินดีต้อนรับเธอในสนามกลางบ้านวงกลมนั้นเอง ถ้าจะให้ถูกต้องตามบทกวีก็ต้องให้พ่อแม่และชาวบ้านออกไปรอรับเธอที่ชายขอบหมู่บ้าน แล้วน้องสาวก็แต่งตัวรอกับน้องชายที่ลับมีดรอเชือดหมูเชือดแกะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้มโหฬาร               
     
ภาพยนตร์ กับ บทกวีดั้งเดิมจึงต่างกันไปในเรื่องที่ว่านี้
     วิเคราะห์ตามบทกวีแล้ว มู่หลานต้องไม่ใช่จีนแคะ และบทกวีก็มิได้ให้ความสำคัญเรื่องชาติพันธุ์ของมู่หลาน

ตำแหน่งที่ตั้งบ้านมู่หลานอยู่ ณ จุดใดบนแผ่นดินจีน? 
     ไม่ว่ามู่หลานจะอยู่บ้านวงกลมหรือไม่-ซึ่งในที่นี้สรุปให้ว่าไม่, และไม่ว่ามู่หลานจะเป็นจีนแคะหรือไม่-ซึ่งในที่นี้ก็มิได้เห็นเป็นประเด็นที่จะให้คำตอบได้ เพียงแต่ตกลงว่ามู่หลานมิได้อยู่บ้านชุมชนวงกลมแบบจีนแคะ ในเรื่องตำแหน่งที่ตั้งบ้านและชุมชนหมู่บ้านของมู่หลานนั้นจะต้องอยู่ตอนกลางของจีนตามแผนที่ประเทศจีนปัจจุบัน บรรทัดที่ 21 บทกวีเขียนว่า “รุ่งอรุณ เธอกล่าวอำลาบิดาและมารดาผู้เป็นที่สุดแห่งความรัก", บรรทัดที่ 22 บอกต่อไปว่า “พลบค่ำ เธอหยุดพักริมฝั่งแม่น้ำหวงเหอ (แม่น้ำเหลือง)” ย่อมแปลได้ว่าบ้านมู่หลานอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำหวงเหอ ห่างกันเพียงควบม้าวันเดียว - ออกเช้าถึงค่ำ จากบ้านมู่หลานลงไปทางใต้คือแม่น้ำแยงซี แม่นำสำคัญอีกสายหนึ่งของจีน แม่น้ำสองสายที่พาดผ่านแผ่นดินจีนจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออก แม่น้ำหวงเหอเริ่มจากทางตะวันตก ในเขตทิเบตของจีน พาดผ่านตอนเหนือ ไปออกทะเลโป๋ไห่ (Bohai) เมืองดองยิง (Dongying) จังหวัดชานดอง (Shandong) ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ, และแม่น้ำแยงซีพาดผ่านตอนกลางค่อนข้างลงมาใต้เล็กน้อย ไปออกะเลที่เซี่ยงไฮ้ ดังนั้นมู่หลานจึงเป็นคนภาคเหนือ บ้านอยู่ระหว่างแม่น้ำแยงซีและหวงเหอ น่าจะไม่ไกลจากเมืองซีอานปัจจุบัน แต่จะใกล้แม่น้ำหวงเหอมากกว่า และการทำศึกสงครามก็ทำกับผู้รุกรานทางเหนือ เมืองหลวงที่ชื่อปักกิ่ง หรือเป่ยจิง ปัจจุบันนี้ก็อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เหนือแม่น้ำหวงเหอหรือแม่น้ำเหลืองขึ้นไป

วัยเด็กถึงวัยสาวของมู่หลาน
ภาพยนตร์แต่งเติมเรื่องมู่หลานวัยเด็กว่าซุกซน กระโดดเหินโหนโจนทะยานเก่งยิ่งกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะต้องการปูพื้นฐานให้เข้าใจว่าเธอมีความสามารถเป็นทหารรบเก่งกล้าตอนเป็นสาวได้ พอโตเป็นเป็นสาวพ่อแม่ก็หวังจะให้ได้ครองเรือนจึงจัดหาแม่สื่อมาดูตัวเพื่อจะหาสามีให้เหมาะสม ส่วนนี้เป็นความสนุกของภาพยนตร์ที่แต่งเติมมาเท่านั้น ในบทกวีดั้งเดิมไม่มีเรื่องมู่หลานตอนเด็ก แต่เริ่มต้นที่มู่หลานเป็นสาวแล้วนั่งทอผ้าอยู่ด้วยความเศร้าใจวิตกกังวลว่าพ่อจะต้องถูกเกณฑ์เป็นทหารไปรับใช้องค์พระจักรพรรดิ์ต่อสู้กับศัตรูผู้รุกรานทางเหนือ ระหว่างทอผ้าไปใจก็ล่องลอยไปด้วยความห่วงพ่อ ไม่มีเรื่องชายคนรักที่ไหนในใจเธอ แปลว่ามู่หลานในวัยสาวยังไม่มีคนรัก รักและห่วงแต่พ่อแม่และน้องๆ เป็นพี่สาวคนโตที่รับผิดชอบต่อครอบครัวเต็มบริบูรณ์ในเมื่อครอบครัวไม่มีลูกชายคนโต ส่วนที่ว่ามู่หลานจะเก่งกาจในการสู้รบระหว่างอยู่บ้านก่อนเกณฑ์ทหารอย่างไรนั้นบทกวีมิได้กล่าวถึง ก็เป็นไปได้ที่เธอจะได้รับอิทธิพลฝึกฝนการต่อสู้จากพ่อแล้วไปฝึกเพิ่มเติมในค่ายทหารตอนต่อมา มู่หลานมิได้มีบุคลิกลักษณะคล้ายชายเหมือนทอมบอยแต่เป็นสาวสวยอ่อนช้อยแต่งตัวสวยงามเหมือนสาวชาวบ้านทั้งหลาย แต่เรื่องการปลอมตัวเป็นชายออกรบในสงครามเป็นการแสดงออกถึงคุณธรรมสำคัญประจำวัฒนธรรมจีนว่าด้วยความกตัญญูต่อพรรพบุรุษพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ดังนั้นแม้เป็นหญิงคุณธรรมข้อนี้ก็คงความศักดิ์สิทธิ์เท่าเทียมกัน ยิ่งต้องออกไปรบเยี่ยงชายยอมตายแทนพ่อได้อย่างมู่หลานด้วยแล้วเรื่องราวของมู่หลานจึงกลายเป็นตำนานยิ่งใหญ่ของจีนแต่โบราณมาถึงวันนี้.   ⤴︎
Vertical Divider
มู่หลานออกจากบ้านไปรบแทนพ่อ
     ภาพยนตร์ของ Disney เขียนบทให้มู่หลานขโมยม้าและดาบของพ่อหนีออกจากบ้านไปรบแทนพ่อโดยไม่บอกพ่อแม่และน้องๆ การฉีกแนวออกนอกตำนานเช่นนี้เป็นความเสียหายต่อความเป็นลูกกตัญญูรู้คุณและความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกที่ว่าหนีออกจากบ้านโดยไม่บอก ทั้งๆที่จะไปทำความดี
    ในบทกวีเรื่องมู่หลานนั้น มู่หลานไปตลาดสี่มุมเมืองแล้วซื้อม้าจากตลาดตะวันออก (บรรทัดที่ 17) ซื้ออานม้าจากตลาดตะวันตก (บรรทัดที่ 18)  ซื้อเชือกบังเหียนม้าจากตลาดใต้ (บรรทัดที่ 19) และซื้อแส้ม้าจากตลาดเหนือ (บรรทัดที่ 20) ซื้อของมาเตรียมตัวออกรบแทนพ่อ ได้อุปกรณ์ครบถ้วน รวมทั้งดาบที่เป็นของพ่อตั้งแต่ครั้งเป็นทหาร-บทกวีไม่ได้พูดถึงดาบ จึงอนุมานเอาว่าเป็นดาบเก่าของพ่อที่พ่อคงให้ไป- จากนั้นมู่หลานก็กล่าวอำลาพ่อแม่ (และน้องๆ) ต่อหน้า มิได้หนีออกจากบ้านพร้อมทั้งขโมยม้าและอาวุธไปเหมือนในภาพยนตร์เลย ความบกพร่องของภาพยนตร์ฉากนี้ไม่มีความจำเป็นอย่างใดเลย หากยึดตามบทกวี ฉากไปตลาดและลาพ่อแม่จะน่าประทับใจซาบซึ้งมากกว่าในฐานะลูกกตัญญู ไม่ใช่ลูกที่ต้องขโมยทรัพย์สินของพ่อไปเพื่อเป็นเครื่องมือแสดงความกตัญญู เป็นความผิดของผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ที่เห็นแก่ความบันเทิงในทางลบต่อวัฒนธรรมประเพณีของครอบครัวจีน

การเดินทางของมู่หลานสู่สมรภูมิ
     มู่หลานควบม้ามุ่งทิศเหนือ วันเดียว ตกค่ำ ก็ถึงชายฝั่งแม่น้ำหวงเหอแล้วนอนพักริ่มฝั่งน้ำ รุ่งเช้าควบม้าต่อไปพักแรมตอนค่ำที่ยอดเขาดำ ซึ่งอาจเป็นเทือกเขาถัดไปทางเหนือของแม่น้ำหวงเหอซึ่งคงดูเป็นสีดำทมึนเมื่อมองไกลๆ ไม่ใช่เขาดำ (Black Mountain Valley) แหล่งท่องเที่ยวจีนปัจจุบันที่อยู่ลงมาทางใต้แม่น้ำหวงเหอจนถึงฝั่งแม่น้ำแยงซีฝั่งเหนือ อันจะเป็นการสวนทางควบม้าของมู่หลานในตำนาน มู่หลานเดินทางขึ้นเหนือไปเรื่อยๆหลายหมื่นลี้จนถึงที่ตั้งฐานทัพแล้วร่วมรบในสงครามพรมแดนเหนือนานสิบปี บทกวีมิได้ลงรายละเอียดเรื่องมู่หลานฝึกรบในค่ายทหารก่อนออกรบจริง ให้เข้าใจว่ามู่หลานเดินไกลถึงฐานทัพรายงานตัวแล้วก็คงพร้อมรบเลย หรือจะฝึกซ้อมก่อนก็ได้ทั้งสองวิธีคิด แต่ในภาพยนตร์ให้ความสำคัญและสนุกสนานและจริงจังกับการฝึกซ้อมในค่ายทหารมาก คงเป็นความต้องการของผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ที่ต้องการเห็นความยิ่งใหญ่ตระการตาของสนามฝึกซ้อมและแถวทหารต่างๆ เพื่อให้เห็นเป็นจริงว่ามู่หลานและทหารเกณฑ์จากหมู่บ้านทั่วแผ่นดินได้รับการฝึกฝนเต็มที่จริงๆจนพร้อมรบ ส่วนมู่หลานนั้นภาพยนตร์แสดงให้เห็นว่ามู่หลานมีความสามารถและพร้อมอยู่ก่อนแล้วอย่างน่าทึ่ง

มู่หลานออกรบ
     การออกสงครามของมู่หลาน บทกวีบอกว่ารบนาน 10 ปี แต่ตอนจบท้ายบทกวี เพื่อนทหารที่กลับมาบ้านด้วยกันบอกว่าร่วมรบกันมานาน 12 ปี ทั้งที่อยู่ในบทกวีเดียวกัน แสดงว่ามู่หลานรบจริงๆไม่รวมการเดินทางไปกลับบ้าน และการฝึกรบในค่ายทหาร รวมแล้ว 10 ปี รวมเวลาอื่นๆจึงเป็น 12 ปี มู่หลานมิได้รบเก่งกล้าผิดปรกติมนุษย์แต่กล้าหาญเก่งกาจมีฝีมือจนถึงระดับผู้นำทัพหรือผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารได้ บทเพลงและละครยุคหลังๆก็ยกย่องมู่หลานทำนองนี้ แต่แน่นอนว่ามู่หลานรบอย่างทรหดอดทนเก่งกล้าไม่แพ้ชาย เป็นการใช้ฝีมือมนุษย์ธรรมดา ไม่มีอำนาจวิเศษเหมือนกับกำลังภายในที่ต่อสู้กับแม่มดเซียนเนียนในภาพยนตร์ แม่มดในภาพยนตร์เป็นจินตนาการของคนเขียนบทภาพยนตร์ที่เติมแม่มดมาเป็นตัวแสดงเสริมให้สนุกตื่นเต้นหวาดเสียวแฝงอุดมการณ์สตรีบางประการเท่านั้น แต่ก็สร้างสีสันให้กับภาพยนตร์มากแม้จะเหหันออกไปจากความจริงของขีดความสามารถของมนุษย์ไป-ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
    บรรทัดที่ 29-34 บรรยายการออกสู้รบของมู่หลานและกองทัพได้เป็นอย่างดีด้วยข้อความไม่กี่ประโยค แต่แน่นอน ในภาพยนตร์ฉากการสงครามย่อมยิ่งใหญ่ มหึมา มโหฬาร ตามแบบฉบับของงานภาพยนตร์ แต่ Disney Production บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ก็ยึดกฎการเป็นความบันเทิงสำหรับครอบครัวอย่างน่าชื่นชมยกย่อง ไม่ยอมให้เห็นเลือดในจอภาพยนตร์แม้แต่หยดเดียว ต่อให้ทำสงครามฆ่าฟันกันขนาดไหนก็แล้วแต่!
ในบทกวีระหว่างสงครามไม่มีใครทราบว่ามู่หลานเป็นผู้หญิง ทว่าในภาพยนตร์เธอเปิดเผยตัวว่าเป็นหญิงตอนกลางเรื่อง แต่กว่าจะรู้ถึงกลางเรื่องภาพยนตร์ก็มีฉากสนนุกตื่นระทึกให้ลุ้นว่าเพื่อนๆทหารหนุ่มจะรู้กันหรือไม่? ตอนไหน? ตอนเปลี่ยนชุดนอน? ตอนอาบน้ำ? ฯลฯ ก็ต้องยกให้เป็นฝีมือของจินตนาการเพื่อความบันเทิงของภาพยนตร์อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องห่วงบทกวีต้นฉบับให้เคร่งครัดจนเกินไป.

มู่หลานกลับบ้าน
     เมื่อสงครามจบสิ้นมู่หลานกับเพื่อนทหารเข้าเฝ้าพระจักรพรรดิ์ มู่หลานปฏิเสธลาภยศสรรเสริญใดๆจากองค์พระจักพรรดิ์ ขอเพียงม้าฝีเท้าดีตัวเดียววิ่งได้วันละพันลี้ควบลับบ้านเท่านั้น ตรงนี้ทั้งบทกวีและภาพยนตร์ให้ความประทับใจในความเป็นหญิงผู้เด็ดเดี่ยวและความเป็นลูกกตัญญูของเธอ เธอจึงเดินทางกลับบ้านด้วยม้าพระราชทาน (หรืออาจเป็นอูฐในตำนานบางสำนวน) เมื่อทราบข่าวลูกสาวกำลังกลับมา พ่อแม่ของมู่หลานก็เดินทางออกไปรับถึงชายขอบทางเข้ามู่บ้าน ไม่ใช่เห็นมู่หลานเข้าประตูบ้านวงกลมเข้ามาแล้วอย่างในภาพยนตร์ถึงได้ต้อนรับด้วยปิติยินดีกันทั้งบ้านวงกลม มู่หลานกลับถึงบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่หน้าแต่งตัวใหม่แล้ว เพื่อนทหารที่ตามมาด้วยกันจึงรู้ว่ามู่หลานเป็นผู้หญิง เรื่องจบลงโดยไม่ต่อเรื่องราวให้รู้ว่ามู่หลานจะมีคู่แต่งงานกับใครเมื่อไรแล้วจะทำอะไรต่อไป ทิ้งไว้ให้โลกจินตนาการกันเอาเอง และให้ Disney ได้มีโอกาสสร้างภาพยนตร์ยนตร์ “Mulan 2-3-4” ต่อไป

กระต่ายคู่
     คติสอนใจเรื่องกระต่ายคู่ตอนจบของบทกวีเรื่องมู่หลาน อยู่บรรทัดที่ 59 ถึง 62 ซึ่งในภาพยนตร์ให้กระต่ายสองตัวออกมาแต่ต้นเรื่องตอนปูพื้นเรื่องเด็กหญิงมู่หลานว่าเป็นเด็กจอมแก่นซุกซนแยกไม่ออกว่าเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชาย ต่างไปจากบทกวีโบราณที่เล่าเรื่องกระต่ายคู่ปิดท้ายให้เป็นคติสอนใจตามมาตรฐานการเล่าเรื่องตำนานหรือนิทานทั่วไปที่ย่อมต้องปิดท้ายด้วยคติสอนใจ โดยกล่าวเปรียบเทียบเรื่องกระต่ายตัวกับผู้ตัวเมียที่ดูใกล้ๆก็แยกออกโดยการสังเกตอากัปกิริยา แต่พอดูวิ่งคู่กันไปดูไกลๆก็แยกไม่ออกว่าตัวไหนตัวผู้ตัวไหนตัวเมีย เหมือนมู่หลานที่ทำความดีแกร่งกล้าออกรบแทนพ่อเทียบเท่าชาย หากใส่เสื้อผ้าแบบชายแล้วก็แยกไม่ออกเช่นกัน เป็นการสะท้อนถึงความเท่าเทียมกันของเพศหญิง-ชาย ในการแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่และรับใช้พระมหาจักรพรรดิ์ รับใช้ชาติ แต่ในเมื่อเธอเป็นสตรีเพศ วีรกรรมออกรบแทนพ่อจึงกลายเป็นตำนานเล่าขานกันมาถึง 1,600 ปี.
    ไม่ว่าจะอ่านบทกวี หรือจะชมภาพยนตร์ ก็จะได้รับความรู้และความประทับใจขั้นสุดท้ายในเรื่องลูกกตัญญูเช่นที่ว่าทำนองเดียวกัน โดยอาจจะสนุกสนานและซาบซึ้งประทับใจกันคนละรูปแบบเท่านั้นเอง

    หากการวิจารณ์ภาพยนตร์จะมีการวิจารณ์ไปถึงเรื่องส่วนตัวและความคิดเห็นทางการเมืองส่วนตัวของนักแสดงตัวเอก วิจารณ์ไปถึงฉากการถ่ายทำในประเทศจีนไม่ถูกอารมณ์การเมืองของนักวิจารณ์ จะวิจารณ์เรื่องบท การกำกับ ตัดต่อ ถ่ายภาพ เครื่องแต่งกาย หรือจะวิจารณ์เรื่องเพลงประกอบ ดนตรีประกอบ หรือจะวิจารณ์เปรียบเทียบกับภาพยนตร์การ์ตูนเก่า 22 ปีก่อนหน้านี้ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ชมจะต้องคิดเอาเองว่าต้องการอะไรจากเรื่องมู่หลาน จะต้องการอ่านตำนานโบราณเท่านั้น หรือจะต้องการเพิ่มเติมความสนุกสนานบันเทิงและคติสอนใจจากงานผลิตสร้างสรรค์ภาพยนตร์สมัยใหม่ เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์จาก Hollywood นั้นเป็นเรื่อง "ศิลปะ และ วิทยาศาสตร์" คู่กันไป​ (เหมือนกระต่ายคู่!) ดังชื่อ The Academy of Motion Picture Arts and Sciences สถาบันผู้ตัดสินรางวัล Oscars ประจำปี.

     อ่านบทกวีเรื่องมู่หลานแล้วไปชมภาพยนตร์ย่อมได้ประโยชน์เป็นความสุขสนุกสนานเพิ่มขึ้นแน่นอน.
    

สมเกียรติ อ่อนวิมล
21 กันยายน 2563

IN THE LIBRARY

Vertical Divider
Picture
First published in 1859, this book by Charles Darwin is the book that changed the world. Darwin has proved beyond doubt that "whilst this planet has gone cycling on according to the fixed law of gravity, from so simple a beginning endless forms most beautiful and most wonderful have been, and are being, evolved." Lives on earth have been, and are evolving wonderfully.
​▶️ ON THE ORIGIN OF SPECIES
Vertical Divider
Picture
Alexis de Tocqueville เขียน Democracy in America เพื่อให้ชาวฝรั่งเศสอ่านโดยเฉพาะ เพื่อให้สังคมที่ยังพยายามพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในวัยแรกเริ่มหลังการปฏิวัติล้มระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศสได้สำนึกว่าที่อเมริกานั้น การทดลองประชาธิปไตยแบบใหม่ที่ได้ไปพบเห็นมาในปี 1831-1832 นั้นล้ำหน้ากว่าฝรั่งเศสและยุโรปมากมายและน่าทึ่งยิ่งนัก กาลผ่านไป 188 ปี ถึงปี 2020 หนังสือเล่มนี้ก็ยังเป็นงานเขียนที่ถูกอ้างถึงเสมอในสุนทรพจน์ของนักการเมือง.
​▶️ DEMOCRACY IN AMERICA
Vertical Divider
Picture
This 1988 classic science writing by Stephen Hawking continues to be among the world's most-popular science book. Hawking shows us how the universe began at the big bang and he does it in language and style that can be easily understood by the general public. Stephen Hawking died in 2018. His legacy and his scientific works live on.
​▶️ A BRIEF HISTORY OF TIME
Vertical Divider
Picture
John Muir สร้างงานวรรณกรรมเชิงธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว บ่มเพาะความรักและเคารพสรรพชีวิตในธรรมชาติ  The Mountains of California (1894), Our National Parks (1901), My First Summer in the Sierra (1911), The Yosemite (1912), และ The Story of My Boyhood and Youth (1913), Travels in Alaska (1915), A Thousand-Mile Walk to the Gulf (1916), The Cruise of the Corwin (1917), และ Steep Trails (1918
▶️ JOHN MUIR
Vertical Divider
Picture
หนังสือ James Bond 007 เรื่องแรกนี้ Ian Fleming ตั้งชื่อว่า “Casino Royale” เมื่อ Ian Fleming เขียนเสร็จก็ นำต้นฉบับไปให้ William Stephenson ผู้เป็นเจ้านายของเขาในชีวิตจริงได้อ่านดู  WIlliam Stephenson บอกกับ Ian Flaming ว่า  “เรื่องอย่างนี้ขายไม่ออกหรอก. เรื่องจริงมักจะฟังดูแปลกไม่น่าเชื่อเสมอ...” ซึ่งก็นับว่าเป็นการคาดการณ์ผิดไปอย่างมาก 007 กลายเป็นหนังสือนวนิยายสายลับสงครามเย็นและเป็นภาพยนตร์โด่งดัง ขายดีทั่วโลก.
​▶️ CASINO ROYALE
Vertical Divider
Picture
“บุหลันเทวี” เป็นราชินีแห่งจอมโจรอย่างแท้จริง เธอไม่ได้ตั้งใจจะเกิดมาเป็นโจร ไม่เคยคิดจะเป็นโจรมาก่อน พอๆกับที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะเกิดมาจน และไม่เคยคิดจะอยากเป็นคนจนมาก่อน  แต่ชะตากรรมครั้งเยาว์วัยได้พลิกผันชีวิต “บุหลันเทวี”  ให้กลายมาเป็น “ราชินีจอมโจร” เป็นขวัญใจประชาชน เป็นตัวอย่างของการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีแห่งอินเดีย และเป็นแบบอย่างสำหรับการต่อสู้ของสตรีชาวเอเชียทั้งทวีป เป็นกรณีศึกษาของขบวนการเรียกร้องสิทธิสตรีทั่วโลก 
▶️ PHOOLAN DEVI

Vertical Divider
RARIORA
Picture
Thailand: An Introduction to Modern Siam A 1959 rare book on Thailand by Noel F. Busch, published in 1959 by D. Van Norstrand Company, Inc., Princeton, New Jersey, 161 pages.
​
Noel F. Busch worked for the Asia Foundation in Thailand from 1954 to 1959. Before joining the Asia Foundation he worked for Time and Life Magazines as editor and writer, also a contributing writer to The New Yorker, the Saturday Evening Post, The Atlantic Monthly, and many other leading US magazines.
Vertical Divider
Chapter 2 - The People
"In the opinion of many commentators, Thais are, by and large, the handsomest people in the Orient. Small, slight, and delicately built, they are usually darker than Chinese, with small bones, well-made torsos and attractive faces. Thai women especially are often extravagantly graceful and good-looking. Young Thai girls are expected to be proficient in the national idiom of the dance, which stresses manual gesticulation, and are likely to spend their spare moments practicing it. As a result, most of them have unusually graceful hands, with tapering fingers flexible enough to bend backwards at a ninety-degree angle.
The dexterity of Thai women is by no means exclusively digital; they seem expert also at most of the numerous activities they undertake, including business, the professions, and the arts. In distinction from women elsewhere in Asia, who are often obliged to lead an emphatically domestic life, as in Japan or in the Middle East, those of Southeast Asia have been traditionally more versatile....
Thailand is unique among the countries of Southeast Asia in that it has never been a European colony....Thais, unlike most other Southeast Asians, are untouched by a trace of what the psychiatrists call trauma where European are concerned. They treat visitors with neither resentment nor exaggerated respect but rather with a gracious air of quiet curiosity, which makes their guests feel flattered and at ease. More important than its effects upon contemporary tourists have been the consequences of this attitude towards visitors upon Thailand's own colourful history, both early and contemporary."

(Noel F. Busch  Thailand: An Introduction to Modern Siam, D. Van Norstrand Company, Inc., Princeton, New Jersey, 1959, pp.19-22)

    ความเห็นของท่านมีคุณค่า | ​WE VALUE YOUR OPINION

Submit

THAIVISION®
REFLECTION ON EVENTS ON PLANET EARTH AND BEYOND 
​©2023 All Rights Reserved  Thai Vitas Co.,Ltd.  Thailand  
✉️
​
[email protected]
  • REFLECTION
    • MORNING WORLD >
      • THAKSIN and ASEAN
      • THAKSIN 2010
      • BOBBY SANDS
    • IN CONTEXT >
      • CLASS WAR IN THAILAND?
      • ราชอาณาจักรแห่งบ่อนการพนัน
      • หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
      • SINGAPORE VS TRUMP'S TARIFF
      • สงครามการค้า สหรัฐฯ vs. ไทย
      • IN CONTEXT 17/2024 [Earth Day 1970-2024]
      • IN CONTEXT 16/2024
      • IN CONTEXT 15/2024
      • IN CONTEXT 14/2024
      • IN CONTEXT 13/2024
      • IN CONTEXT 12/2024
      • IN CONTEXT 11/2024
      • IN CONTEXT 10/2024
      • IN CONTEXT 9/2024
      • IN CONTEXT 8/2024
      • IN CONTEXT 7/2024
      • IN CONTEXT 6/2024
  • ON PLANET EARTH
    • EARTH
    • THE WORLD >
      • SCAM INC. (The Economist)
      • SOUTH-EAST ASIAN SEA
  • THAILAND
    • THE MONARCHY >
      • THE MONARCHY IN WORLD FOCUS
      • 9th KING BHUMIBOL- RAMA IX >
        • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
        • Queen Sirikit 1979
        • THE KING'S WORDS
        • THE KING AND I
      • 5th KING CHULALONGKORN >
        • KING CHULALONGKORN THE TRAVELLER
        • KING CHULALONGKORN THE INTERNATIONALIST
      • PHRA THEP (PRINCESS SIRINDHORN)
    • DEMOCRACY IN THAILAND
    • NATIONAL PARKS OF THAILAND >
      • KHAO YAI NATIONAL PARK
      • PHA TAEM NATIONAL PARK
      • PHU WIANG NATIONAL PARK
      • NAM NAO NATIONAL PARK
      • PHU HIN RONG KLA NATIONAL PARK
      • PHU KRADUENG NATIONAL PARK
      • PHU RUEA NATIONAL PARK
      • MAE YOM NATIONAL PARK
      • DOI SUTHEP-PUI NATIONAL PARK
      • DOI INTHANON NATIONAL PARK
      • THONG PHA PHUM NATIONAL PARK
      • KAENG KRACHAN NATIONAL PARK
      • MU KO ANG THONG NATIONAL PARK
      • MU KO SURIN NATIONAL PARK
      • MU KO SIMILAN NATIONAL PARK
      • HAT NOPPHARATA THARA - MU KO PHI PHI NATIONAL PARK
      • MU KO LANTA NATIONAL PARK
      • TARUTAO NATIONAL PARK
    • THAKSIN and ASEAN
  • AND BEYOND
  • THE LIBRARY
    • THE ART OF WAR by SUN TZU
    • SUFFICIENCY ECONOMY BY KING BHUMIBOL OF THAILAND
    • SOFT POWER (Joseph Nye, Jr.)
    • CONVERSATIONS WITH THAKSIN by Tom Plate
    • THE GREAT ILLUSION/Norman Angell
    • MORNING WORLD BOOKS >
      • CASINO ROYALE
      • 1984
      • A BRIEF HISTORY OF TIME
      • A HISTORY OF THAILAND
      • CONSTITUTION OF THE UNITED STATES
    • SCIENCE >
      • ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
      • HUMAN
    • DEMOCRACY IN AMERICA
    • FIRST DEMOCRACY
    • JOHN MUIR
    • MODELS OF DEMOCRACY
    • MULAN
    • THE VOYAGE OF THE BEAGLE
    • ON THE ORIGIN OF SPECIES
    • PHOOLAN DEVI
    • THE REPUBLIC
    • THE TRAVELS OF MARCO POLO
    • UTOPIA
    • A Short History of the World [H.G.Wells]
    • WOMEN OF ARGENTINA
    • THE EARTH : A Very Short Introduction
    • THE ENGLISH GOVERNESS AT THE SIAMESE COURT
    • TIMAEUAS AND CRITIAS : THE ATLANTIS DIALOGUE
    • HARRY POTTER
    • DEMOCRACY / HAROLD PINTER
    • MAGNA CARTA
    • DEMOCRACY : A Very Short Introduction
    • DEMOCRACY / Anthony Arblaster]
    • DEMOCRACY / H.G. Wells
    • ON DEMOCRACY / Robert A. Dahl)
    • STRONG DEMOCRACY
    • THE CRUCIBLE
    • THE ELEMENTS OF STYLE
    • THE ELEMENTS OF JOURNALISM | JOURNALISM: A Very Short Introduction
    • LOVE
    • THE EMPEROR'S NEW CLOTHES
    • THE SOUND OF MUSIC
    • STRONGER TOGETHER
    • ANIMAL FARM
    • POLITICS AND THE ENGLISH LANGUAGE
    • GEORGE ORWELL
    • HENRY DAVID THOREAU >
      • WALDEN
    • MAHATMA GANDHI
    • THE INTERNATIONAL ATLAS OF LUNAR EXPLORATION
    • พระมหาชนก
    • ติโต
    • นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ | A Man Called Intrepid
    • แม่เล่าให้ฟัง
    • SUFFICIENCY ECONOMY
    • พระเจ้าอยู่หัว กับ เศรษฐกิจพอเพียง
    • KING BHUMIBOL AND MICHAEL TODD
    • ... คือคึกฤทธิ์
    • KING BHUMIBOL ADULYADEJ: A Life's Work
    • THE KING OF THAILAND IN WORLD FOCUS
    • พระราชดำรัสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ >
      • THE KING'S WORDS
    • TESLA INTERVIEW 1926
  • IN MY OPINION
  • S.ONWIMON
    • MY STORY
    • THE DISSERTATION
    • THE WORKS >
      • BROADCAST NEWS & DOCUMENTARIES
      • SPIRIT OF AMERICA
      • THE ASEAN STORY
      • NATIONAL PARKS OF THAILAND
      • HEARTLIGHT: HOPE FOR AUTISTIC CHILDREN IN THAILAND
    • SOMKIAT ONWIMON AND THE 2000 SENATE ELECTION
    • KIAT&TAN >
      • TAN ONWIMON >
        • THE INTERVIEW
    • THAIVISION