|
Casino Royale
“คาสิโน รัวยาล” James Bond 007 เรื่องแรก ของ Ian Fleming กำเนิด 007 ในบทที่ 31 ของหนังสือสารคดีเบื้องหลังงานสายลับจารกรรมสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเรื่อง “A Man Called Intrepid” เขียนโดย William Stevenson เมื่อปี ค.ศ.1989 (พ.ศ. ๒๕๓๒) และต่อมาเป็นพระราชนิพนธ์แปลโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระองค์ทรงตั้งชื่อว่า “นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” ในหน้า ๓๕๗ เล่าถึงช่วงชีวิตจริงตอนหนึ่งของ Ian Fleming (เอียน เฟล็มมิง) ขณะไปปฏิบัติงานให้กรมข่าวทหารเรืออังกฤษในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1941 โดยเขาได้เห็นปัญหาการทำงานจารกรรมและการต้องปกปิดทุกอย่างเป็นความลับมากมายหลายเรื่อง การฆ่า การถูกฆ่า การมุ่งมั่นทำงานเพื่อชาติ เพื่อให้ได้ชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่แรกเริ่มไม่มีวี่แววเลยว่าจะต้านพลังและฟันฝ่าอำนาจของ Adolf Hitler (อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์) เผด็จการนาซีเยอรมนีไปได้ แต่เครือข่ายสายลับอังกฤษภายใต้การนำอย่างลับสุดยอดของ Willam Stephenson หรือชื่อสายลับเรียกว่า “Intrepid” หรือ “นายอินทร์” ก็สามารถเอาชนะเยอรมนีและสงครามโลกครั้งที่สองได้ สายลับจำนวนมากได้รับอนุญาตให้ฆ่าได้อย่างถูกต้องตามระเบียบราชการข่าวกรอง เรียกว่า “การฆ่าอันชอบธรรม” เรื่องที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตายนี้นั้นทำให้ Ian Fleming จำต้องหาทางระบายออกมาเป็นงานเขียนนวนิยายสายลับ “James Bond 007” เรื่องแรกในชีวิตการเป็นนายทหารเรือฝ่ายข่าวกรองและงานจารกรรม โดยอธิบายว่า รหัส 00 (ศูนย์สองตัว) มีความหมายว่าได้รับอนุญาตให้ฆ่าคน (License To Kill)ได้โดยถือเป็น “การฆ่าอันชอบธรรม” ในหนังสือ James Bond 007 เรื่องแรกนี้ James Bond ตัวเอกของเรื่องเล่าถึงการฆ่าของเขาสองครั้งแรก: “เรื่องแรกเกิดขึ้นที่นิวยอร์ค – เรื่องผู้เชี่ยวชาญรหัสญี่ปุ่นขบประมวลรหัสของเราที่ ชั้นสามสิบหกของตึก อาร์.ซี.เอ. (R.C.A. Building) ใน ร็อกกิเฟลเลอร์ เซนเตอร์ ซึ่งเป็นสถานกงสุลของอ้ายญุ่น. ผมไปเช่าห้องบนชั้นที่สี่สิบของตึกระฟ้าใกล้เคียง และสามารถมองข้ามถนนลงไปในห้องที่เขาทำงานอยู่ ต่อไป ผมเรียกเพื่อนร่วม หน่วยในนิวยอร์คมาพร้อมกับปืนเรมิงตันแบบสามสิบ-สามสิบ สองกระบอก ทั้ง กล้องเล็งทางไกลและเครื่องเก็บเสียง...ผู้นี้มีหน้าที่เพียงแต่ยิงให้กระจกหน้าต่างแตก เป็นช่องให้ผมยิงอ้ายญุ่นได้. ที่ร็อกกิเฟลเลอร์ เซนเตอร์ มีกระจกหน้าต่างหนา เพื่อ ไม่ให้เสียงจากภายนอกรบกวน. งานผ่านพ้นไปอย่างสะดวกมาก...ผมยิงโดนอ้ายญุ่น เข้าตรงปาก เมื่อมันหันมาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ..”1 หนังสือ James Bond 007 เรื่องแรกนี้ Ian Fleming ตั้งชื่อว่า “Casino Royale”2 เมื่อ Ian Fleming เขียนเสร็จ ได้นำต้นฉบับไปให้ “นายอินทร์” (William Stephenson) ผู้เป็นเจ้านายของเขาในชีวิตจริงได้อ่านดู นายอินทร์บอกกับ Ian Flaming ว่า “เรื่องอย่างนี้ขายไม่ออกหรอก. เรื่องจริงมักจะฟังดูแปลกไม่น่าเชื่อเสมอ...”3 “นายอินทร์” คาดการณ์ผิดไปอย่างมาก เพราะทันทีที่ “Casino Royale” พิมพ์จำหน่ายในปี ค.ศ. 1953 (พ.ศ. ๒๔๙๖) ในประเทศอังกฤษ James Bond สายลับ 007 ก็กลายเป็นพระเอกคนใหม่แห่งโลกวรรณกรรมประเภทสายลับจารกรรมยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เรียกว่า “ยุคสงครามเย็น” หรือ “Cold War” ซึ่งหมายถึงสงครามอุดมการณ์ที่ไม่ได้ลงมือสู้รบด้วยอาวุธจริงๆ หากแต่ข่มขู่กันด้วยการสะสมอาวุธร้ายแรง โดยเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์ การจารกรรมข้อมูลข่าวสารต่างๆของฝ่ายตรงกันข้ามจึงเป็นเรื่องที่กระทำกันจริงๆ และทำต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ ส่วน James Bond 007 ที่เป็นตัวแสดงในนวนิยายก็ยังทำหน้าที่มาจนทุกวันนี้เช่นกัน ผ่านยุคสงครามเย็น มาสู่ยุคการเผชิญหน้า ยุคเจรจาผ่อนคลายความตึงเครียด ยุคสหภาพโซเวียตล่มสลายแยกดินแดนออกเป็นหลายสาธารณรัฐ และจนถึงยุคโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน James Bond ก็ยังไม่ตาย ไม่แก่ และ เปลี่ยนโฉมหน้าอยู่เป็นครั้งคราว อาณาจักร 007 เฉพาะที่เป็นหนังสือนวนิยาย เขียนโดย Ian Fleming เองมีทั้งสิ้น 12 เรื่องยาว และ 9 เรื่องสั้น ส่วนที่สร้างเป็นภาพยนตร์มีทั้งหมด มี 23 ครั้ง รวม 22 เรื่อง ดังนี้ นวนิยายเรื่องยาว 12 เรื่อง (ปีที่เผยแพร่) มีดังนี้
เรื่องสั้น 9 เรื่อง :
ภาพยนตร์ 27 ครั้ง 26 เรื่อง (25 เรื่อง โดย Eon Productions อีก 2 เรื่องผลิตโดยบริษัทอื่น (เรื่องที่ผลิตซ้ำ 2 ครั้ง โดย 2 บริษัท ต่างผลิตแยกกัน คือ Casino Royale):
เปรียบเทียบประวัติหนังสือกับภาพยนตร์แล้วจะเห็นว่ามีความแตกต่างกันบางส่วน
(2) The Hildebrand Rarity (3) The Property of A Lady (4) 007 In New York 4. เรื่อง Casino Royale เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ในปี 1954 ต่อมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฉายในโรงใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 1967 ผู้แสดงเป็น James Bond ในตอนนั้นคือนักแสดงชาวอังกฤษชื่อ David Niven เป็นภาพยนตร์แนวตลก ไม่ยึดแบบสายลับบู๊ผสมรักดังที่นิยมกัน ทั้งนี้เนื่องจากผู้อำนวยการสร้างคือ Charles Feldman คนละคนกัน Albert R. Broccoli เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ 007 ส่วนใหญ่ ในนาม EON Productions สำหรับ Casino Royale ที่สร้างใหม่อีกครั้งโดย EON Productions เป็นแบบฉบับ 007 ขานแท้แต่แรกเริ่มในหนังสือผสมกับการดัดแปลงให้เข้ายุคสมัยปัจจุบัน Casino Royale หนังสือ 007 เรื่องแรก “Casino Royale” คือชื่อบ่อนการพนัน หรือ Casino ในประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ ณ เมืองชื่อ Royale – les – Eaux อันเป็นเมืองในจินตนาการของผู้เขียน ตั้งอยู่ใกล้ปากแม่น้ำ Somme ทางภาคเหนือของฝรั่งเศส เป็นเมืองท่องเที่ยวพักผ่อนที่กำลังรุ่งเรืองเฟื่องฟู โดยเฉพาะบ่อนคาสิโนใหญ่ชื่อ “Royale” เมือง Royale – les – Eaux เติบโตมีชื่อเสียงเป็นเมืองท่องเที่ยวคล้ายเมือง Trouville ในภาพยนตร์เรื่อง Gigi ซึ่งเป็นเมืองที่มีอยู่จริง เมื่อ Trouville เริ่มชะลอตัวแล้ว เมือง Royale – les – Eaux ก็รุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่ ตามเรื่องในหนังสือของ Ian Fleming พระเอกของเรื่องคือ James Bond4 ทำงานเป็นสายลับให้กับหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ มีเลข code ประจำตัว 007 สายลับ James Bond ถูกส่งให้ไปทำงานเพื่อกำจัดสายลับสหภาพโซเวียต ชื่อ Le Chiffre (ลาชีฟร์) โดยการไปเล่นการพนันไพ่ 9 แต้ม หรือ “Baccarat“ (บัคคาร่าต์) เพื่อให้ Le Chiffre หมดตัว Le Chiffre ยักยอกเอาเงินจากบัญชีสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมหนักและการคมนาคมไปลงทุนแล้วล่มจม จึงต้องมาเสี่ยงโชคเล่นการพนันเพื่อหาเงินคืนบัญชีสหภาพฯ หน่วยข่าวกรองของอังกฤษจึงแอบส่งJames Bond ไปเล่นพนันล้ม La Chiffre สายลับ James Bond 007 แสดงตนเป็นนักธุรกิจทำไร่ขนาดใหญ่จาก Jamaica และ M หัวหน้าของ Bond ส่งสายลับหญิงสาวชื่อ Vesper Lynd มาเป็นผู้ช่วย โดยทำทีว่าเพิ่งมารู้จักกัน และสนใจกันที่ Casino Royale นี้นั่นเอง ในที่สุด Bond ก็ชนะพนันไพ่ Baccarat เป็นเงินถึง 40 ล้าน Francs ด้วยความแค้น Le Chiffre กับสมุนลักพาตัว Vesper ไป หวังให้ Bond ตามไปช่วยจะได้จับ Bond เพื่อบังคับเอาเงินคืน แต่ก็ตามค้นหาเช็ค 40 ล้านฟรังค์ไม่พบ เพราะ Bond ซ่อนไว้ในที่ใครคาดไม่ถึง พระเอก 007 ถูกซ้อมและทรมานร่างกายอย่างหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ในที่สุดก็โชคดี ที่ฝ่ายหน่วยข่าวกรองโซเวียตตามมากำจัด Le Chiffre เสียก่อนแล้วปล่อย Bond ไปพร้อมกับ Vesper ตอนจบความรักของ James Bond กับ Vesper Lynd เกือบสมหวัง แต่ก็พลิกผันในวาระสุดท้าย เรื่องจึงจบแบบที่ไม่มีใครคาดคิด Casino Royale, James Bond 007 เรื่องแรกมิได้สร้างให้ Bond เก่งกาจผิดมนุษย์ปรกติธรรมดา James Bond เป็นหนุ่มฉกรรจ์ ผมสีดำ ตาสีฟ้าปนเทา มีประกายของความสงสัยใคร่รู้อยู่เสมอ Bond มีแผลเป็นที่ใบหน้า เป็นเส้นตรงบางๆที่แก้มขวา Bond สูบบุหรี่ยี่ห้อ Moreland ใช้ไฟแช็คยี่ห้อ Ronson สีสนิม เขาสูบบุหรี่จัดมากเหมือนชีวิตจริงของ Ian Flaming ในบทที่ 1 บอกว่า Bond สูบบุหรี่มวนที่ 70 ในวันแรกที่เข้าพักในโรงแรม “Hotel Splendide” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Casino Royale5 Bond มีรสนิยมในการใช้ชีวิตที่หรูหรา ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจน การดื่ม การกิน การแต่งตัว และการไม่แต่งตัว Bond ชอบแก้ผ้านอนไม่ว่าจะนอนคนเดียว หรือนอนสองคนก็ตาม ในเรื่อง Casino Royale ตอนที่ Bond ไปเล่นน้ำทะเลคนเดียว Bond จะถอดเสื้อผ้าออกเดินเล่นชายหาด และลงเล่นน้ำยามปลอดผู้คนอย่างเป็นปรกติธรรมดาเลย นิสัยนอนตัวล่อนจ้อนเป็นมานาน จนไปได้ชุดเสื้อคลุมจากฮ่องกงมาลองใส่ดู Bond ก็เห็นว่าสะดวกสบายดี ถอดออกได้ง่ายรวดเร็วในเวลาที่จำเป็นเร่งด่วน รถยนต์ส่วนตัวคันโปรดของ Bond เป็นรถยี่ห้อ Bentley พลัง 25 แรงม้า ขนาดความจุกระบอกสูบ 4.5 ลิตร ติดตั้งระบบ Supercharger โดยบริษัท Amherst Villiers ซึ่ง Bond ซื้อด้วยเงินของตนเองในสภาพรถที่เกือบใหม่เอี่ยม (หมายความว่าเป็นรถมือสอง)6 เร่งความเร็วได้ถึง 120 ไมล์ หรือ 193 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ตามที่ปรากฏในบทที่ 15 ตอนที่ Bond ไล่ล่า Le Chiffre เพื่อช่วย Vesper James Bond 007 เป็นสายลับที่กล้าหาญ เด็ดขาด และมีพรสวรรค์ด้านการพนัน โดยนิสัยส่วนตัว แม้จะชอบสัมพันธ์รักผู้หญิง แต่ก็ไม่ชอบทำงานกับผู้หญิง ดูถูกผู้หญิงว่าไม่เหมาะกับงานหนักเช่นงานจารกรรม Bond ไม่พอใจมากเมื่อทราบว่าหัวหน้าส่งผู้หญิงมาเป็นผู้ช่วย บอนด์บอกว่า : “ไม่รู้หัวหน้าส่งผู้หญิงมาช่วยงานผมทำไมกัน เห็นว่าสนุกราวกับมาปิคนิคหรือ อย่างไรก็ไม่รู้! ผู้หญิงนั้นมีไว้สำหรับการพักผ่อน หากให้มาทำงานมันก็เกะกะ ขวาง หูขวาง ตา ทำงานไม่สะดวก พอมีผู้หญิงมาทำงานใกล้ๆ อะไรๆมันก็พร่ามัว เพราะ เรื่องเซ็กส์ เรื่องอารมณ์ความรู้สึกที่จะถูกทำลาย ไหนจะต้องเป็นภาระต้องมาคอย ดูแล...” Bond มักจะบ่นเรื่องทำงานกับผู้หญิงเสมอ แม้ว่า Bond จะไม่ชอบทำงานกับผู้หญิง และดูถูกผู้หญิงว่าไม่เข้มแข็งเหมาะสมพอกับงานสายลับที่ต้องฝ่าอันตราย และผู้หญิงทำให้งานเสีย แต่ก็แน่นอน...เอกลักษณ์เฉพาะตัวว่าด้วยความเจ้าชู้นั้นติดตัว Bond มาแต่เริ่มแรก Bond ชอบรสรักกับสตรีเพศเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ชอบที่จะมีความรักความผูกพัน หรือถึงกับแต่งงานกับใคร Bond เพียงต้องการมีความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวกับผู้หญิงสวยๆทั้งหลายที่ผ่านพบเท่านั้น ถ้าจะให้ผู้หญิงหรือมีสัญลักษณ์ของความเป็นหญิงเช่นดอกไม้มาแวดล้อมตัวอยู่เสมอ Bond ก็ไม่ชอบ ในเรื่อง Casino Royale ตอนท้ายที่ Bond กำลังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล Vesper เอาดอกไม้มาเยี่ยมทุกวัน Bond ก็ให้พยาบาลเอาไปให้คนไข้อื่นต่อจน Vesper เลิกเยี่ยมด้วยช่อดอกไม้ไปในที่สุด ในบทที่ 21 บรรยายว่า : “Bond didn’t like flowers…He disliked having feminine things around him.” (บอนด์ไม่ชอบดอกไม้...เขาไม่ชอบให้รอบๆตัวเขามีสิ่งที่แสดงความเป็นผู้หญิง) ในบทที่ 22 บรรยายว่า : “With most women his manner was a mixture of taciturnity and passion. The lengthy approaches to seduction bored him almost as much as the subsequent mess of disentanglement. He found something grisly in the inevitability of the pattern of each affair. The conventional parabola – sentiment, the touch of the hand, the kiss, the passionate kiss, the feel of the body, the climax in the bed, then more bed, then less bed, then the boredom, the tears and the final bitterness was to him shameful and hypocritical.” “กับผู้หญิงส่วนมาก Bond จะทำตัวขรึมและเท่ห์เสน่ห์แรง เขาเห็นว่าเป็นเรื่องน่า เบื่อที่จะต้องใช้เวลายาวนานเกินไปในการจีบเล้าโลมผู้หญิงแบบชักช้าอ้อมค้อม พอๆ กับการที่เขาเบื่อการมีภาระผูกพันที่ต้องหาทางดิ้นให้หลุดในตอนปลายอยู่แล้ว Bond เห็นว่าการมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงแล้วจะต้องเจอแบบแผนเดียวกันในทุก ความสัมพันธ์ เป็นเรื่องน่ารำคาญใจ คือการที่เริ่มต้นด้วยอารมณ์เร่าร้อนแรงรัก การ สัมผัสมือ การ จูบธรรมดาๆ ต่อด้วยการจูบอย่างดูดดื่ม การลูบไล้ร่างกาย การถึงจุด สุดยอดบนเตียงหนึ่ง ต่อไปอีกตียงหนึ่ง ลดหายไปอีกเตียงหนึ่ง แล้วก็ถึงจุดเริ่มเบื่อ เซ็ง น้ำตาร่วง ที่สุดแล้วก็ขื่นขมระทมใจกัน ทั้งหมดนี้สำหรับ Bond เป็นเรื่อง มารยาเสแสร้งที่น่าอับอาย” ด้วยเหตุนี้ Bond จึงไม่ค่อยจะชอบที่จะทำงานร่วมกับ Vesper นักในตอนแรกๆ และตั้งใจว่าจะพยายามหาทางนอนกับ Vesper มีความสัมพันธ์แบบชั่วคราวตามนิสัยแท้ๆของเขาให้ได้เท่านั้นเอง ตอนหลัง Bond เริ่มชอบบุคลิกลักษณะและอารมณ์ที่ซ่อนความลึกลับของ Vesper มากขึ้น ความรู้สึกเพียงเรื่องเพศสัมพันธ์ก็กลายเป็นความรัก Vesper กับ Bond จึงมีช่วงเวลาแห่งความรักที่ดูดดื่มในตอนท้ายเรื่อง ถึงขั้น Bond ขอแต่งงานกับ Vesper ถึงสองครั้ง แต่ก็เกิดเหตุพลิกผันในตอนท้ายเรื่องอย่างไม่คาดฝันเสียก่อน James Bonds 007 ในเล่มที่หนึ่งชื่อเรื่อง “Casino Royale” นี้ จึงทำท่าว่าจะจบลงด้วยการที่ Bond จะขอลาออกจากงานเลยทีเดียว เพราะงานหนักเหนื่อยเสี่ยงอันตรายบาดเจ็บสุดแสนจะทน พอเกิดความรักจะแต่งงานเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ก็ผิดหวัง ดังนั้น James Bond ที่ปรากฏตัวครั้งแรกใน Casino Royale จึงเป็นคนแกร่งกล้าที่ไม่เกินไปจนถึงขั้นผิดมนุษย์ หากโชคไม่ช่วย Bond คงตายไปแล้ว หรือไม่ก็อาจก็พิการจนสืบพันธ์ไม่ได้ไปตลอดชีวิต หากเป็นเช่นว่า James Bond 007 เรื่องที่สองคือ “Live and Let Die” ก็คงจะไม่มี แต่ในเมื่อ Bond ไม่ตาย สมรรถนะทางเพศที่นึกว่าจะหมดสภาพไปเพราะการถูก Le Chiffre ซ้อม ทรมาน ก็ไม่มีปัญหา Vesper Lynd คนรักที่หวังแต่งงานด้วยก็มีอันไม่สมหวัง James Bond 007 จึงไม่แก่ ไม่ตาย โลดโผนเป็นหนังสือนวนิยายขายดีต่อมา 12 เรื่องยาว 9 เรื่องสั้นโดยฝีมือการเขียนของ Ian Flaming หลัง Fleming ถึงแก่กรรมเมื่อปี ค.ศ. 1964 แล้ว ก็มีนักเขียนคนอื่นเขียนแทนต่อมาอีกรวม 5 คน คือ Kingsley Amis (นามปากา Robert Markham), John Pearson, John Gardner, Raymond Benson, และ Charlie Higson นอกจากนี้ยังมี Christopher Wood ซึ่งนำบทภาพยนตร์มาเขียนเป็นหนังสือนวนิยายอีกสองเรื่อง ไม่นับนักเขียนคนอื่นๆอีกหลายคนที่เขียนเรื่อง James Bond ในรูปแบบต่างๆตามใจชอบโดยไม่ถือว่าเป็น James Bond 007 เป็นทางการอีกด้วย ในส่วนของภาพยนตร์ชุด James Bonds 007 นั้นสร้างออกฉายในโรงภาพยนตร์แล้วรวม 26 ครั้ง 25 เรื่อง ทั้งนี้รวมเรื่อง Casino Royale ที่สร้างซ้ำสองครั้ง และภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง Casino Royale อีก 1 ครั้งด้วย Casino Royale ภาพยนตร์สร้างใหม่ครั้งที่ 2 ออกฉายทั่วโลกวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 / พ.ศ. ๒๕๔๙ Casino Royale 007 ภายยนตร์ตอนล่าสุด ปี 2006/๒๕๔๙ สายลับ James Bond 007 ในภาพยนตร์ตอนใหม่ล่าสุดที่จะฉายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 17 พฤศจิกายน นี้ แม้จะเป็นการสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งที่สอง7 จากเรื่องดั้งเดิมในหนังสือที่เป็นเรื่องแรกสุด ต้นกำเนิดของ James Bond แต่เนื่องจากกาลเวลาผ่านมาแล้ว 53 ปี และชาวโลกได้ชมภาพยนตร์ James Bond 007 ไปแล้ว 23 ตอน สงครามโลกครั้งที่สองจบลงไปนานแล้ว สงครามเย็นยุคกำเนิด James Bond ก็ผ่านไปนานแล้ว สหภาพโซเวียตแหล่งศัตรูคู่แค้นของ James Bond ก็กลายเป็นมิตรกับโลกตะวันตกจนหมดคราบเดิมแล้ว เทคโนโลยีด้านอาวุธและอุปกรณ์จารกรรมต่างๆก็พัฒนามากขึ้นไปจากเมื่อ 53 ปีก่อน James Bond ในภาพยนตร์ยุคใหม่จึงไม่ใช่ 007 ในหนังสือไม่ว่าจะเป็นเล่มใดตอนใด ยิ่งใน Casino Royale ด้วยแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยึดมั่นเรื่องเดิมในหนังสืออย่างเคร่งครัด Casino Royale ที่เป็นภาพยนตร์ปี 2006/๒๕๔๙ นี้จึงไม่เหมือนเรื่องเดิมแน่นอน จากยุคสงครามเย็นสู้กับสายลับคอมมิวนิสต์โซเวียต ในอดีต มาสู่ยุคต่อสู้กับขบวนการก่อการร้ายระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน เรื่องย่อภาพยนตร์ Casino Royale (2006) ภาพยนตร์พยายามยึดแนวเรื่องเดิมในหนังสือบ้าง ออกนอกเรื่องจากหนังสือบ้าง เป็นระยะๆ โดยให้ Le Chiffre ตัวโกงของเรื่องเป็นคนคุมบัญชีการเงิน (หรือเหรัญญิก) ของกลุ่มขบวนการก่อการร้าย (เรื่องเดิมในหนังสือ Le Chiffre เป็นคนคุมบัญชีสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมหนักของฝรั่งเศส และเป็นสายลับให้สหภาพโซเวียต) Le Chiffre ทำเงินในบัญชีสูญหายไปในการลงทุนที่ James Bond บังเอิญเข้าไปทำลายในระหว่างการบุกกวาดล้างผู้ก่อการร้าย (ในหนังสือ Le Chiffre แอบเอาเงินสหภาพแรงงานไปลงทุนจนล้มละลายจึงต้องไปเสียงเล่นการพนันที่ Casino Royale หวังเอาเงินที่จะได้ไปใช้คืนสหภาพฯ แต่ Bond ก็ถูกส่งไปเล่นไพ่พนันกับ Le Chiffre เพื่อล้มและทำลาย La Chiffre ให้หมดสภาพ) จากนั้น Le Chiffre จึงดินทางไปเล่นพนันเพื่อหาเงินมาชดใช้หนี้ที่ Casino Royale ใน Monenegro (ในหนังสือ Casino Royale อยู่ในเมืองสมมุติชื่อ Royale – les – Eaux ในฝรั่งเศส) เกมการพนันที่เล่นเป็นไพ่ Poker ให้เกทับไม่อั้นแบบ Texas (ในหนังสือ เป็นการพนันไพ่ 9 แต้มที่เรียกว่า บัคคาร่าต์ –Baccarat) เนื่องจาก Bond เกิดมาเป็นสายลับ 007 ในเรื่อง Casino Royale นี้ ภาพยนตร์จึงต้องยึดแนวเดิมของหนังสือ แต่จะเล่าย้อนหลังถึงการที่ต้องฆ่าใครมาบ้างก่อนจะได้เลข 007 เสมือนใบอนุญาตฆ่าศัตรูได้โดยชอบธรรม โดย Bond ได้สังหารหัวหน้าแผนกคนหนึ่งในหน่วยข่าวกรอง MI6 ของอังกฤษ และฆ่าสายข่าวอีกคนหนึ่งในปากีสถานโทษฐานขายข้อมูลลับต่อให้ศัตรู (ในหนังสือ Bond ฆ่าสายลับญี่ปุ่น และนอร์เวย์) ส่วนที่เป็นการย้อนประวัติต้นกำเนิด 007 นี้ ทำเป็นภาพยนตร์ ขาว-ดำ ตอนต้นก่อนเข้าไตเติ้ล (Title) ที่เป็นภาพภายในลำกล้องกระบอกปืนที่ Bond จะยืนยิงปืนจากด้านใน แล้วจึงเข้าสู่ภาพ ชื่อเรื่อง ประกอบเพลงและภาพศิลปะการสร้างสรรค์สมัยใหม่โดยปรกติและแต่เดิมภาพศิลปะต้นภาพยนตร์นี้จะเป็นภาพผู้หญิงที่ยึดแนวเซ็กซี่เชิงศิลป์ ผสมผสานสีสันสวยงาม แต่สำหรับ ไตเติ้ล ของ “Casino Royale” ครั้งนี้ใช้ภาพของ James Bond ต่อสู้กับเหล่าร้าย ไม่ใช้ภาพเรือนร่างของผู้หญิงอย่างที่เคยในอดีต การใช้สี และรูปแบบศิลปะการวาดภาพที่นุ่มนวล งดงาม โดยยึดแนวเรื่องในบ่อนคาสิโนเป็นพื้นฐาน ประกอบเพลงประจำเรื่องอันเป็นแบบฉบับขนานแท้และดั้งเดิมของไตเติ้ลภาพยนตร์ดูแล้วประทับใจทุกครั้งทุกตอน ดูเพียงแค่ไตเติ้ลของภาพยนตร์ก็เกินคุ้มแล้ว James Bond 007 ของ EON Productions ทุกตอน ผู้สร้างภาพยนตร์ยืนยันว่าส่วนที่ยึดต้นฉบับในหนังสือนวนิยายของ Ian Fleming มากที่สุดจะเป็นครึ่งหลังของภาพยนตร์ โดยเฉพาะตอนที่ 007 ถูกซ้อมถูกทรมานจนเกือบสิ้นความเป็นชายฉกรรจ์ Daniel Craig นักแสดงชาวอังกฤษ แสดงเป็น James Bond 007 คนใหม่ล่าสุดในจอภาพยนตร์ ดังนั้น 007 คนใหม่จึงไม่เหมือนในหนังสือ ต้นฉบับผมดำ ก็กลายมาเป็นผมสีบลอนด์ในภาพยนตร์ ตาสีฟ้าปนเทาแต่เดิม ก็อาจเป็นสีฟ้ามากขึ้น ที่เคยสูงสง่า ก็จะลดความสูงลงเล็กน้อย ส่วนที่เคยสูบบุหรี่จัดมากในหนังสือก็คาดว่าจะลดฉากการสูบบุหรี่ลงไป รถยนต์คันโปรดที่สุดที่ Bond ซื้อเป็นรถมือสองมาใช้เอง ในหนังสือ คือรถ Bentley 25 แรงม้า ก็กลายมาเป็น Aston Martin DBS ซึ่ง Bond ได้มาจากการชนะพนันที่บ่อนบนเกาะ Bahamas สำหรับรถ Aston Martin DB5 ที่ Bond เคยใช้ในเรื่อง Gold Finger, Thunderball, GoldenEye และ Tomorrow Never Dies ก็จะมาปรากฏโฉมในเรื่อง Casino Royale อีกครั้งด้วย ภาพยนตร์ James Bond มักจะรับสินค้าเป็นโฆษณาแฝงมาให้ 007 ใช้หลายอย่าง เช่นรถยนต์ BMW และนาฬิกาข้อมือ Omega ในอดีต ครั้งนี้ก็เช่นกัน จะมีโทรศัพท์ Sony Ericsson รุ่น M600 มีรถหนักไถดิน Fiat รุ่น W190 ให้ Bond ขับสู้กับผู้ร้ายบนเกาะ Madagascar ลักษณะพิเศษของ 007 ตอน Casino Royale นี้ก็คือ จะไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์หรือ “ของเล่น” เทคโนโลยีสูงพิเศษอะไรเหมือนตอนอื่นๆ โดยจะยึดความเป็นคนแท้ๆของ 007 ที่ต่อสู้กับเหล่าร้ายด้วยฝีมือ และมีอารมณ์ความรู้สึก แพ้ได้ ชนะได้ เหมือนมนุษย์ธรรมดา ตามชีวิตของ James Bond 007 อย่างแท้จริงตามที่ Ian Fleming ต้องการ ดังปรากฏในต้นฉบับของ Casino Royale สำหรับ Vesper Lynd นางเอกของเรื่อง หรือที่เรียกว่า “ผู้หญิงของบอนด์” (Bond’s Woman) แสดงโดย Eva Green นางเอกจากเรื่อง “Kingdom of Heaven” (Debbie McWilliams ผู้กำกับฝ่ายคัดเลือกนักแสดงให้สัมภาษณ์ ว่าเคยพิจารณาชื่อ Angelina Jolie และ Charlize Theron ก่อนหน้าจะตัดสินใจเลือก Eva Green) Casino Royale เริ่มถ่ายทำฉากสำคัญเมื่อเดือนมกราคม ปี 2006 /๒๕๔๙ และจบสิ้นสมบูรณ์ ในวันที่ 21 กรกฏาคม ปีเดียวกัน สถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่อยู่ในโรงถ่าย Barrandov ในกรุงปราก (Prague) และฉากนอกสถานที่ในประเทศสาธารณรัฐเช็ก, เกาะบาฮามาส (The Bahamas), อิตาลี และ อังกฤษ Casino Royale ฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ Odeon Leicester Square กรุงลอนดอน วันที่ 14 พฤศจิกายน ปี 2006/๒๕๔๙ นี้ และเปิดฉายทั่วไปในอังกฤษและสหรัฐอเมริกาในวันที่ 17 พฤศจิกายน ประเทศอื่นๆจะได้รับฟิล์มภาพยนตร์ในวันที่ 15 -16 พฤศจิกายน ส่วนญี่ปุ่น อิตาลี และ อาร์เจนติน่า จะได้ชมในต้นปี 2007/๒๕๕๐ สำหรับประเทศไทย ได้ชม Casino Royale ในวันที่ 16 พฤศจิกายน. (8) * หมายเหตุ 1. สำนวนแปลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จากเรื่อง “นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” สำนักพิมพ์ บริษัท อมรินทร์พรินติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด พ.ศ. ๒๕๓๖ (หน้า ๓๕๗) – โปรดสังเกตการใช้เครื่องหมายจุดจบประโยค อันเป็นแบบฉบับงานพระราชนิพนธ์ของพระองค์ 2. ชื่อภาษาไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกทับศัพท์ว่า “คาสิโน รัวยาล”ส่วนในหนังสือแปลเป็นภาษาไทย เรียกว่า “เหลี่ยมนักเลง” เป็นหนังสือแปลโดย ผู้ใช้นามปากกา “จารุวัฒน์” พิมพ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗ โดยสำนักพิมพ์รวมสาส์น ราคา ๓๕ บาท 3. จาก “นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” หน้า ๓๕๗ 4. ชื่อ James Bond ได้มาจากหนังสือสารคดีธรรมชาติเรื่อง “Field Guide to Birds of the West Indies” ซึ่งผู้เขียนตัวจริงชื่อ James Bond โดย Ian Fleming เห็นชื่อ James Bond บนปกหนังสือเล่มนี้แล้วก็ชอบ เห็นว่าเป็นชื่อที่เชยๆ ง่ายๆ สั้นๆ จึงนำมาเป็นชื่อสายลับ 007 พระเอกของเขา Ian Fleming ใช้ชีวิตช่วงหลังอยู่ที่บ้านริมทะเลที่ ประเทศเกาะ Jamaica ตั้งชื่อบ้านว่า “GoldenEye” (เขียนรวมติดกันเป็นคำเดียว) 5. ในหนังสือ Casino Royale การสูบบุหรี่เป็นเรื่องธรรมดา Vesper Lynd นางเอกสาวงามก็สูบบุหรี่ตลอดเรื่อง นับรวมทั้งหมดตลอดเรื่องมีการสูบบุหรี่ถึง 23 ครั้ง! การสูบบุหรี่ในเมื่อ 53 ปีที่แล้วเป็นแฟชั่นทั่วไป การมีไฟแช็คยี่ห้อดังก็เป็นการแสดงรสนิยมและเป็นบุคลิกภาพทางสังคมอย่างหนึ่ง ต่างกับปัจจุบันที่บุหรี่กลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพที่พิสูจน์ได้แล้ว 6. บรรยายในบทที่ 5 (หน้า 030) ของหนังสือ Casino Royale พิมพ์ใหม่ปี 2002 โดย Penguin Books 7. หากนับภาพยนตร์โทรทัศน์ เรื่อง Casino Royale ในสหรัฐอเมริกาในปี 1954/๒๔๙๗ ด้วยก็เท่ากับว่า Casino Royale ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วสามครั้ง 8. ข้อมูลเชิงโฆษณาภาพยนตร์ Casino Royale ในประเทศไทย ดูได้ที่ http://www.sonypicture.in.th/007 |