FILE PHOTO: A helicopter lands on the Izumo, Japan Maritime Self Defense Force's (JMSDF) helicopter carrier, at JMSDF Yokosuka base in Yokosuka, south of Tokyo, Japan, December 6, 2016. REUTERS/Kim Kyung-Hoon/File Photo
South China Sea: US carrier group begins 'routine' patrolsThe deployment comes days after China's foreign ministry warned Washington against challenging Beijing's sovereignty in the region.
China claims several contested shoals, islets and reefs in the area. It has been constructing artificial islands with airstrips in the South China Sea for a number of years. The aircraft carrier was last in the South China Sea two years ago, for exercises with Malaysia's navy and air force and has made 16 voyages to the region in its 35 years of US navy service.
US Defence Secretary James Mattis said during a recent trip to Japan that the Trump administration saw no need for "dramatic military moves" at the stage. The statement appeared to repudiate comments on the subject from Secretary of State Rex Tillerson, who told senators during his confirmation hearings that China should be prevented from reaching the disputed islands. On Wednesday, Chinese foreign ministry spokesman Geng Shuang said: "We urge the US not to take any actions that challenge China's sovereignty and security." Reference: BBC News http://www.bbc.com/news/world-asia-china-39018882 |
SOUTH-EAST ASIAN SEA
ทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปัจจุบันนี้เรียกชื่อว่า "ทะเลจีนใต้" แต่จากนี้ต่อไป, เพื่อความถูกต้องเหมะสมตามลักษณะทางภูมิศาสตร์, ทะเลแห่งความตึงเครียดนี้สมควรจะเรียกชื่อใหม่ว่า "ทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" หรือ "South-East Asian Sea" (SEAS) ทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ ในศัพท์ภูมิศาสตร์เป็นทะเลชายขอบ (Marginal Sea) ทางตะวันตก ของมหาสมุทร Pacific ตั้งอยู่บริเวณใต้ลงมาจากประเทศจีน ล้อมรอบด้วยประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด รวมทั้งประเทศไทย ที่อยู่ฝั่งตะวันตกของอ่าวแห่งสยาม (คนไทยเรียก "อ่าวไทย" แต่โลกเรียกเป็นสากลว่า "อ่าวแห่งสยาม" หรือ "Gulf of Siam") อ่าวสยามก็เป็นทะเลชายขอบของมหาสมุทรแปซิฟิค อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ประกาศความตกลงรับรองทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเล วัดจากชายฝั่งที่เป็นดินแดนอาณาเขตของประเทศ และรับรองเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเล วัดจากชายฝั่งดินแดนอาณาเขต ดังนั้นถ้าจะวัดว่าเกาะต่างๆในทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสิทธิ์ครอบครองของจีน หรือของประเทศอื่นใดในอาณาบริเวณก็ให้วัดออกจากชายฝั่งอันเป็นแผ่นดินอาณาเขตของประเทศนั้นๆ จีนเอาเปรียบชาติอื่นรอบๆทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAS) ทำเองโดยพลการ ไม่หารือขอการรับรองจากประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบ ในการอ้างสิทธิ์ครอบครองเกาะทั้งหลายแล้ว การวัดพื้นที่ทะเลอาณาเขต และ เขตเศรษฐกิจพิเศษ จีนก็เลยวัดจากชายฝั่งเกาะที่ไกลที่สุดจากแผ่นดินใหญ่จีน เพราะถือว่าเกาะเป็นแผ่นดินอาณาเขต ผลทำให้จีนมีอาณาเขตยืดออกไปไกล ครอบคลุมหมู่เกาะ Paracels และ Spratlys ทั้งหมด แล้ววัดเส้นแบ่งทะเลอาณาเขตและเขตเศรษฐกิจจำเพาะออกไปจากชายเกาะเหล่านี้ แทนที่จะวัดออกจากชายฝั่งเกาะไหหลำซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นอาณาเขตของจีน ดินแดนและทะเลของจีนจึงยืดออกมาไกลจนเกือบติดชายฝั่งประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย ตามที่จีนลากมาเป็น "เส้นประ 9 เส้น" เรียกว่า "Nine- Dotted Lines" (ตามเส้นสีแดงในแผนที่) สำหรับประเทศอินโดนีเซีย ถือว่าไม่มีข้อพิพาทชัดเจน ส่วน ไทย และกัมพูชา ไม่มีชายฝั่งติดทะเลจีนใต้ จึงไม่มีปัญาโดยตรงกับจีน แต่ก็ต้องถือเป็นปัญหาโดยอ้อมระดับภูมิภาคร่วมกัน เรื่องนี้จีนอ้างว่าหมู่เกาะทั้งหลายในทะเลจีนใต้เป็นสิทธิ์ของจีนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บันทึกว่าจีนเคยครอบครองน่านน้ำและหมู่เกาะเหล่านี้มาก่อน และชื่อ "ทะเลจีนใต้" ก็บอกแล้วว่าเป็นทะเลของจีนภาคใต้ แทนที่จีนจะเข้าใจว่าเป็นทะเลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ใต้ประเทศจีนลงมา ทำนองเดียวกันกับอ่าวไทย ที่มิใช่ของไทย แต่เป็นอ่าวที่อยู่ตรงที่ที่ตั้งอยู่นั้นมายาวนานหลายล้านปีแต่ครั้งบรรพกาล แล้วมาถึงแผนที่โลกสมัยใหม่ ก็มีประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ตั้งอยู่โดยรอบเท่านั้น ชื่อ "อ่าวไทย" หรือชื่อสากล "Gulf of Siam / อ่าวแห่งสยาม" เป็นชื่อในประวัติศาสตร์แต่โบราณ เพราะประเทศสยามในอดีตมีแสนยานุภาพครอบครองอ่าวทั้งหมดได้ จึงเรียกว่า "อ่าวแห่งสยาม" ในยุคที่สยามมีกำลังขยายดินแดนครอบครองไปถึงแหลมมาลายา (แหลมมาเลเซีย-ปัจจุบัน) และต่อไปถึงเกาะปลายแหลมมาลายา ชื่อเกาะเทมาเส็ก (สิงคโปร์-ปัจจุบัน) เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันนี้ดินแดนต่างๆในโลกเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นสากลแล้ว สิทธิ์ครอบครองดินแดน หมู่เกาะ และน่านน้ำทะเลอาณาเขต และทะเลลึก จึงต้องเป็นตามสนธิสัญญา (Treaty), อนุสัญญา (Convention), พิธีสาร (Protocol), และ ความตกลง (Agreement) ต่างๆที่เจรจาและตกลงลงนามกันไว้ สิทธิ์ครอบครองเกาะแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงต้องเป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on the Law of the Sea - UNCLOS) มิฉะนั้นแล้วไทยก็คงอ้างสิทธิ์ครอบครองอ่าวไทยทั้งหมด เพราะชื่อระบุชัดเจนมากว่าเป็น "อ่าวของสยาม" (Gulf of Siam) ญี่ปุ่นก็จะได้ครองครองทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan / ทะเลของญี่ปุ่น) อินเดียกับบังคลาเทศก็ต้องทำสงครามแย่งอ่าวเบงกอลกัน เพราะอินเดียมีรัฐเบงกอลตะวันตก ส่วน "บังคลาเทศ" ชื่อประเทศก็แปลว่า "ประเทศเบงกอล" (Bengal+Pradesh=Bangladesh) ชื่ออ่าวก็ "อ่าวแห่งเบงกอล" หรือ "อ่าวของเบงกอล" (Bay of Bengal) และมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocrean) ก็ต้องเป็นสิทธิ์ของอินเดียทั้งหมด แถมเม็กซิโกก็น่าจะได้ครอบครองรัฐนิวเม็กซิโก (New Mexico) โดยไม่ต้องห่วงเรื่องอพยพข้ามกำแพงกั้นพรมแดนอะไรเลย จีนจึงจำจะต้องยอมรับความตกลงระหว่างประเทศ วัดทะเลอาณาเขต และเขตเศรษฐกิจจำเพาะออกไป 12-200 ไมล์ทะเลเหมือนกับประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์บรูไน และ มาเลเซีย แล้วเส้นอาณาเขตไปทับกันตรงไหน ก็ถือตรงนั้นเป็นเส้นสิ้นสุด โดยพบกันครึ่งทาง เหมือนกับที่ไทย และ มาเลเซียวัดเส้นอาณาเขตและเส้นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ เพื่อการขุดหาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ตกลงแบ่งปันทรัพยากรกันได้หลายปีแล้ว จีนควรจะได้ร่วมเจรจากับอาเซียนในความพยายามของทุกฝ่ายร่วมกัน เพื่อหาทางปฏิบัติที่ถูกต้องในทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป "ทะเลจีนใต้" (South China Sea) เป็น Sea South of China เป็นเพียงทะเลที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ลงมาจากประเทศจีน ไม่ใช่ทะเลของจีน ไม่ใช่ Sea of China แต่เป็นทะเลของเอเชียทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็น Sea of South-East Asia หรือ South-East Asian Sea ส่วนชาติใดจะได้เป็นเจ้าของอาณาเขตเกาะและน่านน้ำต่างๆมากน้อยเท่าใด ก็ต้องเป็นไปตามความตกลงว่าด้วยกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ ที่เรียกว่า "อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on the Law of the Sea - UNCLOS)" ทุกวันนี้จีนมิได้เคารพกฎหมายทะเล แต่ทำตามใจตนเองโดยพลการ เข้าไปบนเกาะต่างๆ ไปสร้างอาคารสถานที่ ฐานทัพ สนามบิน แล้วจัดงานฉลองการครอบครองดินแดนโดยไม่สนใจคำทักท้วงจะประเทศเล็กๆทั้งหลายรอบๆทะเลนี้ เพราะถืออำนาจบาตรใหญ่ของตน อาเซียนพยายามให้จีนเข้าร่วมเจรจา จีนก็เข้าร่วมเจรจาด้วย แต่ไม่ยอมรับข้อเรียกใดๆที่จะให้เป็นไปตามหลักสากล ผมเห็นว่าถึงเวลาแล้ว ที่จะขอเริ่มแสดงจุดยืนที่ถูกต้องชัดเจนทางภูมิศาสตร์กายภาพ เรียกชื่อทะเลจีนใต้ใหม่ ว่า: "ทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" / "ทะเล ออต." "South-East Asian Sea" / "SEAS" สมเกียรติ อ่อนวิมล 22 กุมภาพันธ์ 2560 ปล. เรื่องชื่อ "Sea of Japan" ก็มีปัญหาเหมือนกัน ญี่ปุ่นให้คงใช้ชื่อ "Sea of Japan" แต่เกาหลีใต้ขอเปลี่ยนชื่อเป็น "East Sea" ส่วนเกาหลีเหนือสนับสนุนชื่อ "East Sea of Korea" แต่การประชุมปี 2012 ของ International Hydrographic Organization ก็ตัดสินว่าให้คงชื่อ Sea of Japan ไว้ตามเดิม และปฏิเสธคำขอของเกาหลีใต้ที่ให้ใช้สองชื่อคู่กัน คือชื่อ Sea of Japan กับ East Sea กระนั้นก็ตาม แผนที่บางฉบับก็มีการพิมพ์สองชื่อคู่กัน ส่วนชื่อ "South East Asian Sea" นั้นผมคิดของผมเอง ยังไม่มีรัฐบาลชาติใดเสนอเปลี่ยนชื่อ "South China Sea" ตามผมมาเป็น "South East Asian Sea" หรือที่ผมจะให้เรียกชื่อย่อว่า "SEAS" เรื่องนี้ผมต้องการสร้างให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ หวังว่าท่านผู้มีอำนาจและบทบาทระหว่างประเทศที่แวะเข้ามาอ่านที่นี่จะช่วยสานต่อให้เหิดปัญาระหว่างประเทศตามความปรารถนาของผมด้วย. SOUTH-EAST ASIAN SEA
Currently as the South China Sea, this body of contentious water shall, from now on, be geographically-correctly called "THE SOUTH-EAST ASIAN SEA" (SEAS). It's located south of China and surrounded by Southeast Asian countries. The United Nations Convention on the Law of the Sea (UNCLOS) recognizes 12 nautical miles off the furthest shore as national territorial water, and the exclusive economic zone 200 nautical miles further away. Countries of Southeast Asia surrounding this marginal sea west of the Pacific Ocean should have equal rights to administer their respective maritime territories and economic zones in accordance with UNCLOS. China has no right to claim the whole of SEAS as their own by merit of history and its namesake. The namesake "South China Sea" does not signify automatic China's ownership, otherwise Thailand could claim the whole of Gulf of Siam. Likewise, India and Bangladesh can start a war for the Bay of Bengal. History belongs to the past and the present is today. The world today lives by international treaty, convention, and agreement. China must learn to abide by international rules. The South China Sea, therefore, is an irrelevant name and a ghost of the past. This body of peaceful water of South East Asia, from today onwards, shall be called "THE SOUTH-EAST ASIAN SEA" (SEAS). China must relinquish all claims and withdraw from all the islands within SEAS. ASEAN negotiation process should continue with full cooperation from China. Thaivision 21 February 2017 Reference:
BBC News: www.bbc.com/news/world-asia-38319253 |
|